ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 6
เจ็ดโมงเช้า เสียงถกเถียงกันดังมาจากชั้นล่างของบ้าน ฉันอยากจะนอนต่ออีกสักนิดก็ทนไม่ไหวเพราะพี่ชายทั้งสองยังเถียงกันไม่หยุด ฉันไม่คิดจะล้างหน้าแต่เลือกที่จะเดินออกจากห้องนอนลงไปยังจุดที่เป็นต้นกำเนิดเสียง เมื่อลงไปก็เจอกับกลุ่มควันที่ลอยโขมงพร้อมกับผู้ชายตัวโตสองคนช่วยกันหาถาดมาพัดให้ควันนั้นลอยออกไปนอกบ้าน
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!” จากที่ง่วง ๆ อยู่ตอนนี้กลับตาโตเพราะเหตุการณ์ตรงหน้า
“...” สองหนุ่มช่วยกันควบคุมสถานการณ์จนดีขึ้น ทั้งคู่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าในห้องครัวไม่ได้มีอะไรเสียหายมากนักนอกจากกระทะที่และซากอะไรดำ ๆ ในนั้น
“วันนี้หนูไปทำงานวันแรกพวกเฮียเลยอยากทำอาหารให้ แต่ก็...” เฮียไห่ยิ้มแหยพลางผายมือให้ดูบนเตาไฟฟ้า
“เยี่ยมเลย บ้านหนูเกือบไฟไหม้” แกล้งแซวก่อนจะหัวเราะพี่ชายทั้งสองคนเบา ๆ ก็หวังดีที่จะทำให้น้องนั่นแหละ แต่คงจะลืมไปว่าตัวเองทำอาหารไม่เป็นกันสักคน
“ขอบคุณนะคะ แต่เดี๋ยวเราสั่งมากินด้วยกันดีกว่าไหม” เสนอทางให้พี่ชายทั้งสองคนที่ยังทำหน้ารู้สึกผิดกันอยู่
“ได้ครับ”
“ฝากทำความสะอาดห้องครัวด้วยนะ หนูไปอาบน้ำก่อน”
เตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ออกเดินทางเพื่อไปยังจุดหมายที่พี่มินตราส่งให้ ส่วนพี่ชายทั้งสองคนจะพักอยู่ที่นี่อีกสักสามสี่วันก่อนจะเดินทางไปที่จีน ไม่ลืมกำชับว่าให้สั่งอาหารมากินเพราะฉันไม่อยากซื้อบ้านใหม่เพราะพี่ชายทั้งสองทำอาหารแล้วไฟไหม้บ้านตัวเอง ระหว่างที่เลี้ยวเข้าไปยังเขตหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ฉันก็หัวใจเต้นแรงตึกตักด้วยความตื่นกลัว
กระทั่งถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งก็พบว่ามีรปภ.เฝ้าอยู่ เมื่อฉันหยุดรถที่หน้าบ้าน รปภ.ก็เดินออกมาส่งดูรถและส่งสัญญาณให้ฉันลดกระจกรถลง
“ติดต่ออะไรครับ”
“สวัสดีค่ะ มาตามนัดของคุณมินตราค่ะ”
“ชื่ออะไรครับ” พี่ปรภ.ถามย้ำ พร้อมกับส่องสายตามองสำรวจ สายตาแบบนี้ไม่น่าจะใช่รปภ.ธรรมดาแล้วนะฉันว่า เหมือนกับสายตาบอดี้การ์ดของเฮีย ๆ ฉันเลย ท่าทีและสายตาแบบนี้
“อ้ายเหรินค่ะ”
“ครับ เชิญครับ” เมื่อได้คำตอบที่ตรงกับข้อมูลถึงได้ปล่อยให้ฉันได้ขับรถเข้าไปในเขตรั้วบ้าน จากรั้วบ้านกว่าจะขับเข้าไปถึงตัวบ้านก็เกือบห้าร้อยเมตรเลยล่ะ อีกทั้งรอบ ๆ บ้านยังเป็นสนามหญ้าและต้นไม้ที่ถูกดูแลอย่างดี ฉันค่อย ๆ ขับไปจอดที่มุมด้านหนึ่งที่มีรถจอดอยู่ เพราะยังตื่นเต้นเลยนั่งนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะโทรหาพี่มินตราเพื่อบอกว่ามาถึงที่บ้านแล้ว
“อ้าย” ฉันสะดุ้งตกใจตัวโยนเมื่อจู่ ๆ พี่มินตราก็โผล่มาข้างรถฉันพร้อมกับเคาะกระจกเรียกเบา ๆ ฉันหยิบเพียงกระเป๋าผ้าสะพายข้างติดมือมาเท่านั้น หลังจากล็อกรถเสร็จก็เดินตามพี่มินตราเข้าไปภายในบ้าน ยังคงมองสำรวจบ้านหลังใหญ่นี้ไปด้วย
“ข้างในเดือดนิดหน่อยนะ พอรู้ว่ามีพี่เลี้ยงคุณหนูก็ออกอาการโวยวายเลยล่ะ” พี่มินตราเล่าให้ฟัง เมื่อเราก้าวเข้าไปภายในบ้านก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและร้องไห้ดังมาเรื่อย ๆ
“เติร์ด! พ่อไม่ดุก็จะเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ” เสียงทุ้มที่พอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงเจ้านายดังขึ้นมา
“เติร์ดไม่เอา!!”
“เติร์ด! หยุดดื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”
“ไม่!!!”
“เติร์ด!!!”
เสียงที่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เริ่มหวั่นใจ จะไหวไหมฉันน่ะ เข้ามาวันแรกเด็กน้อยก็แผลงฤทธิ์เสียแล้ว ไหนบอกว่าเจ้านายอ่อนโยนต่อลูกยังไงล่ะ
“ครั้งแรกเลยที่เจ้านายดุคุณหนู” พี่มินตรากระซิบบอก แต่แล้วเราก็ต้องสะดุ้งแยกจากกันเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถบังคับถูกโยนมาตรงหน้าฉัน จะหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว รถบังคับคันหนักถูกโยนมาใส่หัวฉันจนเกิดเสียงดัง ปั๊ก! รับรู้ได้ทันทีว่ารอบข้างนั้นเงียบไปพร้อม ๆ กัน ฉันค่อย ๆ ยกมือจับที่หน้าผากตัวเองอย่างชั่งใจคิด เมื่อยกมือออกมาดูก็พบว่ามีหยดเลือดติดมือมา
“เติร์ด!!”
“ฮื่อ!!!!”
“ไปหาหมอ ๆ” พี่มินตรารีบร้องบอก แต่หาหมอเหรอ?
“ไม่ ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร มีอุปกรณ์ทำแผลไหมเดี๋ยวหนูทำเอง” ฉันไม่ไปหรอกนะโรงพยาบาล ฉันไม่ชอบ แผลแค่นี้เองเดี๋ยวเลือดก็หยุดไหลแล้ว
“ไปหาหมอ” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นฉันรีบมองไปยังต้นเสียงตาโตรีบอธิบายให้ฟังแทบจะทันที
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ แผลเล็กน้อยมากเลยค่ะเจ้านาย”
“ฮึก ฮื่อ!!” เด็กน้อยที่กรีดร้องก่อนหน้านี้ร้องไห้เสียงดัง จนผู้เป็นพ่อต้องก้มมอง เมื่อขยับเข้าใกล้จะกอดเด็กน้อยก็วิ่งหนีไปเสียก่อน
“ร้องไห้ทำไม เติร์ดทำให้เขาเจ็บเองนี่” เจ้านายถามเสียงเข้ม บทจะดุก็น่ากลัวเหมือนกันแฮะเจ้านายน่ะ
“ฮึก เติร์ดไม่ได้ตั้งใจ”
“คนนี้ไม่ได้ตั้งใจแล้วคนก่อน ๆ ตั้งใจงั้นสิ” แต่ว่านะ ทำไมทั้งรูปประโยคและน้ำเสียงของเจ้านายยามเอ่ยประโยคก่อนหน้าถึงได้ฟังแล้วเหมือนจะแซวมากกว่าดุล่ะ
“ก็เขาว่าเติร์ด!” พูดจบเด็กน้อยก็ร้องไห้เสียงดัง ก่อนจะเห็นป้าคนหนึ่งเดินเข้าใกล้เอ่ยปลอบให้ใจเย็น ส่วนฉันถูกพี่มินตราจับมือพาเดินไปยังด้านหนึ่งพร้อมกับมีคนหิ้วกล่องปฐมพยาบาลมาให้
“ให้พี่ทำให้ไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูจัดการเอง” เอ่ยบอกพี่มินตราที่นั่งจ้องอยู่ด้วยท่าทีไม่สบายใจ เบื้องหน้าเป็นกระจกที่ถูกหยิบขึ้นมา ฉันเริ่มทำความสะอาดแผลด้วยตัวเองก่อนจะเห็นเงาสะท้อนจากด้านหลังเป็นเด็กน้อยที่โผล่หน้าแอบมองฉันจากกรอบประตู ฉันหลุดยิ้มบาง ๆ ก่อนจะทำเป็นมองไม่เห็นแววตารู้สึกผิดนั่น
=====
เวลคัมน้องอ้ายสู่บ้านน้องเติร์ด ที่โดนต้อนรับด้วยรถบิน ไม่รู้จะสงสารหรืออะไร แต่สองหนุ่มไห่หานคือน่ารักเกินเบอร์มาก อยากทำมื้อเช้าให้น้องสาวแต่คงจะลืมไปว่าตัวเองทำอาหารไม่เป็น