ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 2

1511 คำ
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 2 อีกด้านหนึ่ง ที่ท้องถนนคลาคล่ำไปด้วยรถ ริมถนนมีร้านค้า ร้านขายอาหารวางเรียงรายสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นกำลังเดินเลือกร้านอาหารที่น่ากินอย่างตั้งใจ ข้างกายเธอนั้นมีเพื่อนสนิทเดินมาด้วยถัดไปด้านหลังเป็นแฟนของเพื่อนเธอที่ทำหน้านิ่งอยู่เสียทุกครั้งเวลาที่มีโอกาสเจอกัน “กินนี่ไหม แจ่วฮ้อน” เมื่อมีร้านที่สนใจก็หันกลับไปถามความคิดเห็นเพื่อนสนิท “เอาสิ หิวมากตอนนี้ร้านไหนก็ได้อะ” “งั้นก็ไปกัน หิวเหมือนกัน” คนตัวเล็กเดินนำเพื่อนเข้าไปในร้านที่ถูกตกแต่งสไตล์อีสาน คนในร้านเยอะมากหญิงสาวแอบกังวลภายในใจกลัวจะไม่มีโต๊ะว่างให้เธอกับเพื่อน “กี่คนคะ” กระทั่งมีพนักงานเดินออกมาต้อนรับ “สามคนค่ะ” “มีซุ้มนั่งด้านนอกค่ะลูกค้า คุณค้าจะนั่งเลยไหมคะ?” พนักงานถามความคิดเห็น แน่นอนว่าเธอไม่ได้เรื่องมากอยู่แล้ว “เอาค่ะ” เพราะหิวจนเลือกอะไรไม่ได้แล้วต่างหาก เมื่อทุกคนนั่งลงที่เก้าอี้ ก็สั่งอาหารที่อยากกินมาเสียหลายอย่างรวมถึงชุดแจ่วฮ้อนเมนูขึ้นชื่อของที่ร้าน “อ้าย แกจะรับงานแปลเพิ่มไหม?” มะลิเพื่อนสนิทเอ่ยถามกับหญิงสาวที่ตื่นตาตื่นใจกับเมนูอาหารไม่หยุดเสียที “อะไรนะลิ” คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยความสงสัยพร้อมกับส่งยิ้มอ้อน ๆ ให้เพื่อน ก็แน่ล่ะประโยคเมื่อกี้ไม่ได้เข้าหัวเธอเลยสักนิดเดียว “แกนี่นะ งานแปลจะรับเพิ่มไหม” มะลิถามย้ำ มือก็ยื่นไปหยิบน้ำอัดลมเทใส่แก้วให้แฟนหนุ่มเมื่อเห็นว่าแฟนเธอนั้นดื่มน้ำไปเสียอึกใหญ่ “เสร็จงานนี้จะหยุดก่อนน่ะ เบื่อยังไงไม่รู้” อ้าย หรือ อ้ายเหริน เฟย หญิงสาวที่ทำงานฟรีแลนซ์รับแปลงานตั้งแต่เรียนจบ ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็กแม้จะมีธุรกิจมากมายของครอบครัวแต่เธอนั้นก็ไม่ได้สนใจและไม่คิดที่จะกลับเข้าไปยุ่ง เมื่อหนีจากความวุ่นวายนั้นได้เธอก็ขออยู่แบบนี้ต่อไปเสียยังดีกว่า “เบื่อ? ยังไง” มะลิถามเพื่อนต่อด้วยความสงสัย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเพื่อนพูดคำว่าเบื่อ ปกติงานแปลเป็นงานที่เพื่อนชอบมากแล้วยังทำออกมาได้ดีแต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะเบื่อ “ไม่ใช่เบื่องานนะ แต่เบื่อที่ทำอะไรเดิม ๆ แบบนั้นน่ะ แต่ถามว่ายังทำได้ไหม ฉันทำได้แต่มันก็เอื่อย ๆ หน่อย” หญิงสามเอ่ยตอบคำถามเพื่อน “เหนื่อยหรือเปล่าอาการแบบนี้น่ะ” มะลิยังชวนเพื่อนสาวอย่างอ้ายเหรินคุยต่อ กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสามถึงได้เริ่มลงมือกินข้าวและได้พูดคุยกันมากยิ่งขึ้น เพราะอาหารที่มีรสจัดทำให้สองสาวเอ็นจอยอยู่ไม่น้อย ต่างจากชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่กินได้เพียงอาหารรสอ่อน ๆ เพราะเพิ่งจะหายป่วยแฟนของเขาเลยสั่งกับข้าวอ่อน ๆ มาให้แทน “เอาไว้เสร็จงานนี้แกก็ค่อยพัก แต่ถ้ามีงานที่ลูกค้าต้องการแก ฉันจะบอกแกอีกทีแบบนั้นดีไหม?” “ดี ๆ ฉันน่ะอยากพักสายตาด้วย ช่วงนี้จ้องคอมนานแสบตาและเมื่อยตามาก” “งั้นก็ถือเสียว่าพักผ่อนไปด้วยแล้วกัน” “ที่รัก สั่งอย่างอื่นเพิ่มไหม อิ่มหรือเปล่า” มะลิหันกลับไปถามแฟนหนุ่ม นั่งจึงทำให้อ้ายเหรินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดตอบข้อความของเหล่าพี่ชายที่ส่งข้อความมาหาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่เธอก็ไม่ได้ตอบในทันทีเพราะยังคุยกับเพื่อนไม่เสร็จ ตอบคนนี้หวังว่าจะไม่โดนดุอะไรนะ อยากรวย (3) Han F. อ้าย อยู่ไหน เฮียโทรหาไม่ยอมรับสาย Hai F. น้องทำงานอยู่หรือเปล่า Han F. ไม่น่าใช่ เพราะเวลานี้น้องไม่ทำงาน เดี๋ยวโทรหาก่อน Hai F. เป็นไง ถ้าไม่รับเฮียส่งคนไปหาแล้วนะ Airen ใจเย็นหนุ่มๆ Hai F. ไปไหนมา เฮียโทรก็ไม่รับ Airen ออกมากินข้าวกับมะลิ เฮียมีอะไรเหรอ? Han F. เฮียมีหนึ่งเรื่อง Hai F. เฮียเองก็หนึ่ง Airen ว่ามาเลยน้องพร้อมแล้ว Hai F. ปู่ให้กลับจีน Han F. ปู่บอกให้กลับจีน Airen หนูไม่อยากกลับ หนูไม่อยากเจอคนพวกนั้น Han F. แต่ใกล้วันครบรอบแม่แล้วนะ ป๊าเองก็อยากให้มา Airen 55555555555555 เขาน่ะเหรออยากให้หนูกลับไป ไปหลอกคนอื่นเถอะค่ะ หนูไม่กลับไป วันครบรอบแม่หนูจะทำบุญให้แม่ที่นี่เอง ส่วนปู่ เดี๋ยวหนูคุยกับปู่เอง Han F. ป๊าอยากเจอจริงๆ นะอ้าย ลดทิฐิลงบ้าง ป๊าง้อเรามาหลายปีแล้วนะ Hai F. หานหยุดพิมพ์ Han F. ทำไมวะเฮีย ก็น้องมันเอาแต่หนี ป๊ายอมให้ตั้งเท่าไหร่ แค่เขาแต่งงานใหม่ก็ต้องโกรธจนลำบากคนอื่นแบบนี้เลยเหรอ Hai F. หาน!! เฮียบอกให้หยุดไงวะ! Airen ถ้างั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะคะ ที่ทำให้ลำบาก แต่หนูเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน แม่หนูเสียไม่นานเขาก็แต่งผู้หญิงใหม่เข้ามา ถ้าต่างคนต่างอยู่จะไม่อะไรเลย แต่ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่พูด ว่าทำไมหนูไม่ตายไปพร้อมกับแม่ ก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อนักหรอก ถ้าอยู่ต่อแล้วทำให้คนอื่นลำบากแบบนี้น่ะ น่าจะตายๆ ไปเลยก็ดีทุกคนถึงจะดีใจ Han F. อ้าย ใจเย็นๆ เดี๋ยวเฮียรีบบินไปหา Airen ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องมา ไม่ได้อยากเจอ Hai F. อ้าย เฮียขอโทษ เดี๋ยวเฮียรีบไปหานะ Airen ไม่ต้องมา ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น ถ้ามาฉันจะหนีไปอยู่ที่อื่น Turn off notifications “เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” มะลิที่เงยหน้าขึ้นมาเจอก็ออกอาการตกใจที่จู่ ๆ เพื่อนสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามมีหยาดน้ำตาอาบแก้ม คนที่ร้องไห้รีบเช็ดน้ำตาและส่งยิ้มให้เพื่อน “ไม่มีอะไร กัดพริกไปเลยเผ็ด” “ให้จริง ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็ให้บอก” ตามนิสัยของอ้าย มะลิรู้ดีว่าไม่มีทางที่อ้ายจะยอมเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้ฟังหากไม่ถึงขั้นสุดจริง ๆ เพราะอ้ายไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจแต่เธอจะรู้ไหมนะว่ามะลิเพื่อนเธอคนนี้ยังคงเป็นห่วงเธออยู่เสมอ เกือบห้าทุ่มทุกคนถึงได้แยกย้ายกันกลับไปพัก อ้ายเหรินมีบ้านหลังหนึ่งที่ซื้อด้วยตัวเอง เป็นบ้านหลังขนาดกลางในหมู่บ้านจัดสรร บ้านสองชั้นที่ถูกออกแบบสไตล์เดียวกันทั้งโครงการ ครั้งแรกเธอกังวลไม่น้อยแต่เมื่อได้ลองย้ายเข้ามาอยู่ถึงได้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเพื่อนบ้านเธอน่ารักมากด้านหนึ่งเป็นครอบครัวที่มีอยู่ด้วยกันสามคน ผู้หญิงสองคนและน้องผู้ชายหนึ่งคน ส่วนอีกหลังเป็นบ้านของใครสักคนที่ไม่มีคนย้ายเข้ามาอยู่แต่ก็ส่งคนมาทำความสะอาดบ้านทุกเดือนเป็นปกติ เมื่อจอดรถที่โรงจอดรถเธอก็เดินกลับออกไปปิดประตูรั้วบ้านแล้วกลับเข้าบ้านอย่างคุ้นชิน ภายในบ้านนั้นไม่มีอะไรมากนอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกตกแต่งตามความชอบ ส่วนชั้นสองที่มีห้องนอนสามห้อง และเป็นห้องนอนที่เธอนอนเป็นประจำหนึ่งห้อง และอีกสองห้องคือห้องที่เวลาพี่ชายเธอมาก็จะพักที่นั่น แต่เหมือนตอนนี้เจ้าของบ้านคงจะไม่อยากให้พี่ชายทั้งสองมาเท่าไหร่นัก เมื่อล้างหน้าทำความสะอาดร่างกายเสร็จ หญิงสาวก็เปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำงานแปลที่เธอรับมาให้เสร็จ หวังว่าจะพักหลังจากเสร็จสิ้นงานเสียหน่อย ยิ่งมีเรื่องที่เธอเพิ่งทะเลาะกับเหล่าพี่ชายเธอยิ่งไม่มีแรงในการแปลงานให้ออกมาดี หรือระหว่างนี้เธอจะหางานเสริมอย่างอื่นทำกันนะ เผื่ออาการเบื่อ ๆ ของเธอจะลดน้อยลงไปบ้าง ===== เปิดตัวนุ้งน้อยของเรากับน้องอ้าย เย้!!! ฝากเอ็นดูเด็กๆด้วยนะคะ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้เข้ามาอัพนะคะทุกคน ปล. เค้าอยากสอบถามว่ามีใครสนใจแบบเล่มหนังสือไหมคะ หากเค้าจะทำเรื่องนี้เป็นรูปเล่มซึ่งแน่นอนว่าราคาสูงกว่า *****คค่ะ อันนี้เค้าแค่สอบถามไว้นะคะ รบกวนทุกคนแจ้งหน่อยนะคะ ^_^
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม