วาฬา ปี 2037 เวลา 15:34 น.
ในช่วงเย็นของวันๆหนึ่ง ในขณะนี้ผมกับคุณแม่นั้นกำลังพูดคุยอยู่กับมะพร้าว แฟนสาวของผมที่คบหากันมานานกว่าสองปีด้วยความสนุกสนาน พวกเรานั้นได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆที่ได้ผ่านมาตลอดสองปี ซึ่งในตอนที่ไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไรกันนั้นคุณแม่ผมก็ได้นำสิ่งที่ตัวผมนั้นไม่คาดคิดว่าแม่จะนำมันมาด้วย ซึ่งมันก็คือหนังสือที่เก็บรวมรวมภาพทั้งหมดของผมเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่ผพวกเราทั้งสามคนได้ไล่ดูรูปภาพทั้งหมดด้วยความสนุกสนานที่มากยิ่งกว่าเดิม เมื่อถึงตอนที่ผมกับแม่จะกลับบ้านนั้นมะพร้าวก็ได้นำขนมที่เธอทำเองมาให้กับผม ซึ่งผมก็ได้กล่าวขอบคุณเธอด้วยความยินดีจากใจ
โดยในระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้านนั้นผมก็ได้ขับรถไปรับคุณพ่อที่ทำงานหลังจากที่ท่านเลิกงาน ซึ่งในขณะที่กำลังรอไฟเขียวอยู่นั้น พวกเราทั้งสามคนก็ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับอาหารเย็นในวันนี้ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นเพราะว่าพวกเรานั้นต่างก็มีความคิดเกี่ยวกับอาหารเย็นที่แตกต่างกันออกไปซึ่งสุดท้ายแล้วผมก็ยินดีที่จะให้พ่อกับแม่เป็นเลือกอาหารที่จะทำในวันนี้ ในตอนไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก็ได้มีเสียงที่ดงสนั่นพร้อมกับความเจ็บปวดกระจายไปทั่วทั้งตัว ผมได้ยินเสียงตกใจของคนมากมายในบริเวณใกลๆนี้ โดยก่อนที่ผมจะได้รับรู้อะไรไปมากกว่านี้ทุกอย่างมันก็ได้มืดบอดลง
วาฬา ปี 2038 เวลา 16:21 น. ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ในตอนนี้นางพยาบาลคนหนึ่งกำลังเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้กับคิบะ เธอได้พูดบ่นถึงเรื่องที่คิบะนั้นได้นอนหลับไหลกลายเป็นเจ้าชายนิทราประมาณหนึ่งปีแล้วเห็นจะได้ ก่อนที่จะตกใจสุดขีดเมื่อคิบะได้ตื่นขึ้นมาและจับมือของเธอเอาไว้แน่น การตื่นขึ้นมาของคิบะนั้นได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่ได้พบเจอ ซึ่งมันก็รวมถึงคุณลุงของเขาด้วยเช่นกัน
"ลุงไม่คิดเลยนะว่าเธอจะตื่นขึ้นมา... หลังจากที่เธอหลับไปได้ราวหนึ่งปี"
"ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันนะว่าจะตื่นขึ้นมา หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรหลายๆอย่าง"
"อย่างงั้นหรอ"
"แล้วพ่อแม่ของผมล่ะครับ?"
"คือว่า... อย่างงี้นะคิบะ หลังจากที่เธอหลับไปนานมากซะจนไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาก็ได้กลายเป็นโรคซึมเศร้าก่อนที่จะตร่อมใจตาย ด้วยความที่ฉันไม่อยากที่จะให้สิ่งที่พ่อและแม่ของเธอร่วมกันสร้างมา ฉันก็เลยเข้าไปซื้อมาเก็บไว้ทั้งหมดเลยน่ะ"
"อย่างงั้นหรอครับ"
"เข้ามาได้แล้วคันดะ มันไปแล้ว"
"นี่พ่อคงจะไม่คิดที่จะเอามันมาอยู่ด้วยใช่ไหม?"
"ไม่หรอก ความเป็นจริงแล้วมันควรจะตายไปตั้งนานแล้ว"
เสียงพวกนั้น มันคงจะไม่ใช่ความจริงใช่ไหม
ในตอนนี้ฉันได้ปั่นจักรยานไปหามะพร้าวโดยคาดหวังอะไรบางอย่างที่มันอาจจะยังคงเป็นเหมือนเดิมตามความรู้สึกลึกๆในใจ ฉันได้มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของมะพร้าวซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับตอนที่เธอเดินออกมาทิ้งขยะพอดี
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะมะพร้าว"
"คิบะ!"
"เป็นอะไรหรอ?"
"ทำไมนายถึงมาที่นี่?"
"มาชวนเธอให้ไปปั่นจักรยานเล่นด้วยกันไง"
"คือว่ามันมีบางอย่างที่ฉันต้องบอกนาย"
"อะไรหรอ?"
"คิบะแกมาทำอะไรที่นี่?"
"ฉันก็มาหามะพร้าวไง"
"นี่แกยังไม่เข้าใจอีกหรือยังไง ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว"
เขาดึงเธอกลับเข้าบ้านไปโดยที่ไม่สนใจเลยว่าเธอจะเจ็บไหม ฉันอยากจะพูดออกไปแต่ก็ยังคงกลัวที่จะรับรู้อะไรไปมากกว่านี้
ท้องฟ้าในวันนี้ช่างมืดมิดและหนาวเย็นเหลือเกิน ในตอนนี้ผมนั้นกำลังยืนอยู่ที่กลางถนนท่ามกลางสายฝนเพียงลำพัง ผมรับรู้คันดะจะต้องใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางกลับบ้าน ผมต้องการที่จะได้พูดคุยอะไรบางอย่างกับเขา
ในตอนที่รถของเขาขับตรงเข้ามา ผมรับรู้ได้ในทันทีว่าเขานั้นจะต้องตกใจเป็นอย่างมาก ซึ่งก็รวมถึงเรื่องที่เขาโกรธเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน ในตอนที่เขาเดินเข้ามาเพื่อไล่ผม ผมก็ได้กล่าวคำถามที่มีอยู่ออกไป
"ฉันไปทำอะไรให้อย่างงั้นหรอ นายกับคุณลุงถึงได้ทำกับฉันแบบนี้?"
"ทุกอย่างมันก็เป็นความผิดของแกนั่นแหละคิบะ แกไม่ควรจะตื่นขึ้นมา"
พอเขาพูดจบเขาก็ได้ผลักผมไปให้พ้นทาง โดยในตอนที่คันดะเดินกลับไปที่รถนั้นมันก็ได้มีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่บังคับให้ผมยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกให้กลายเป็นความต้องการที่เลวร้าย ผมรับรู้ได้ว่าร่างกลายของผมนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นอะไรบางอย่างที่มันจะต้องน่ากลัวเอามากๆแน่ๆ สังเกตได้จากปฏิกิริยาของคันดะที่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว คันดะได้รีบวิ่งเข้าไปภายในรถและขับผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่สามารถปล่อยเขาไปได้ ผมได้วิ่งตามเขาไปด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนผมได้ไปอยู่ในจุดที่ไม่เคยคิดว่าตนเองนั้นจะเป็นมาก่อน ผมได้กระโดดข้ามสะพานไปดักหน้าเขาไว้ ก่อนที่จะกระทืบลงไปที่กระโปรงรถด้วยน้ำหนักทั้งหมดที่มีจนมนหยุดลง ผมได้กระชากคันดะออกมาด้วยพละกำลังที่มากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในตอนนี้ผมนั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกซะจากเสียงกรีดร้องและสายฝนที่กำลังโหมกระหน่ำ ผมได้ใช้ดาบที่สร้างขึ้นมาด้วยความโกรธแทงเข้าไปที่หัวใจของเขาก่อนที่จะปล่อยร่างของเขาลงกับพื้น ผมกำลังสับสนกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ทำลงไป พอเข้าใจสถานการณ์ทั้งแล้ว ผมก็หวาดกลัวเกินกว่าที่จะอยู่ตรงนี้ต่อไป ผมได้วิ่งหนีออกมาด้วยความหวาดกลัวต่อความผิดของตัวเอง