ตริ๊ง!
ต้าวจิ๋วศิวะวานนท์
(เดอะคล็อค: ครั้งนี้แจ่มว่ะอาซาน@ซานต้าที่ไม่ได้แปลว่าใจดี)
(อาทิตย์ดับเดือนสะเทือนดวงจันทร์: นายท่านคะนายท่านขา)
(ซานต้าที่ไม่ได้แปลว่าใจดี: ผิดกรุ๊ป)
(ไข่เจียวอร่อยนะ: ผิดกรุ๊ปอะไร มีความลับเหรอ ไม่ยอมไม่ยอม)
(แซนตี้แซนตี้คนสวย: นั่นสิ ยังไงกัน ก่อเรื่องอะไรอีก)
(แสนซนคนจริง: มีอะไรอ่า น้องตกข่าวไร)
(หมูสับจับโยก: อาซานก่อเรื่องไรครับ)
(กะเพราเอาอยู่: ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ คุยที่นี่แหละ)
(ตะวันพราวแสง: ปูเสื่อรอ)
(นาฬิกาไม่เคยบอกเวลา: ขนาดนี้แล้วเหลามาเถอะ@ซานต้าที่ไม่ได้แปลว่าใจดี)
(ซานต้าที่ไม่ได้แปลว่าใจดี: เสือก)
“มันไม่มีอะไรทั้งนั้น” คนที่เพิ่งตอบไลน์กลุ่มไปเมื่อครู่เอ่ยกับฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบคล้ายว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญฉันไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ
“จริงเหรอคะ” ทว่าการที่ร้อนรนพิมพ์ไปบอกว่าผิดกรุ๊ปแสดงว่ามันต้องมีอะไรสิ เขาแอบทำอะไรแล้วฉันไม่รู้หรือเปล่า เอาอีกแล้วเหรอ มีคนอื่นอีกแล้วใช่ไหม ฉันก็เหนื่อยเป็นนะ
“เค้าจะโกหกบี๋ทำไม”
“…” ก็ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ แค่ขอเท่านั้น ทว่าคนอย่างฉันเคยขออะไรแล้วได้ดังหวังบ้าง
โดยเฉพาะเรื่องความรัก
“ข้าวน่าจะใกล้มาส่งแล้ว เราไปอาบน้ำกันดีไหม”
“ค่ะ” ฉันวางโทรศัพท์มือถือแล้วเดินหายเข้ามาในห้องน้ำโดยไม่รอเขา ความคิดมากมายกำลังตีกันอยู่หัวสมองอันน้อยนิด ฉันอยากเชื่อคำพูดที่ว่าไม่มีอะไร แต่ก็เชื่อไม่ลง สัญชาตญาณบอกฉันว่าเขากำลังมีคนอื่นอีกแล้ว
ทว่าฉันที่ยอมเป็นของเล่นทั้งที่เขาไม่ได้อยากเล่นจะเรียกร้องอะไรได้ เวลาเบื่อเขาก็แค่ไปคว้าของเล่นชิ้นอื่น ส่วนฉันที่ยังเป็นของเล่นก็รอเขากลับมาเล่นด้วยอีกครั้ง เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นความเคยชินที่น่าเวทนา
“หน้าบึ้งเชียว มันไม่มีอะไรหรอกน่า” ระหว่างทานข้าวฉันคงจะแสดงออกทางสีหน้ามากจนเกินไป สำหรับเขาก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่มีอะไรตลอด แต่ทุกครั้งที่บอกว่าไม่มีอะไรก็เห็นมีทุกครั้ง มีคนอื่นไปเรื่อย
“บี๋ลืมเหรอว่าเราตกลงจะไม่โกหกกัน ครั้งนี้ยังไงเล่ามาอย่าโกหกเค้า”
“เฮ่อ” เขาถอนหายใจ คงเบื่อความงี่เง่าของฉัน ฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ว่ามันเกิดขึ้นมาเอง เกิดขึ้นเพราะว่าเขาเป็นต้นเหตุ เกิดเพราะฉันรักเขา ลองเขาไม่มีคนอื่นมีเหรอฉันจะเป็นแบบนี้
“นี่เค้ารู้ไม่ได้เลยใช่ปะ” คนก่อน ๆ ฉันก็รู้ตอนที่เขาเริ่มทิ้งขว้างคนเหล่านั้น ซึ่งไม่เกินครึ่งปีสักคน ทว่าใจฉันอะต่อให้เป็นครึ่งวันครึ่งเดือนฉันก็ไม่อยากให้เขามีใคร อยากให้เขาเป็นของฉันคนเดียว
แต่ว่าฉันพูดแบบนั้นไม่ได้
“เค้าเก็บได้ตอนเมา”
“ก็เป็นแบบนี้ตลอด” ไม่เคยคิดถึงใจกันบ้างเมื่อไหร่จะแคร์ความรู้สึกบ้างนะ “นานหรือยัง”
“...บี๋จะถามทำไมเนี่ย เค้าไม่ได้จริงจังอะไร เดี๋ยวก็เบื่อแล้วน่า อย่าคิดมากเลย”
“…” พูดออกมาได้ โคตรเห็นแก่ตัว
ฉันก็อยากจะถามกลับบ้างว่าถ้าฉันมีคนอื่นเขาจะรู้สึกอะไรหรือเปล่า จะรู้สึกแย่แบบฉันบ้างไหม
ทุกครั้งที่ได้ยินว่าเขามีคนอื่นฉันทุกข์ใจมากแต่นอกจากรับรู้ก็ทำอะไรไม่ได้ พูดกันตามความจริงมันก็ทำได้นะเพียงแต่ปัญหามันอยู่ที่คำว่า ความรู้สึก คำเดียวทำให้ฉันไม่คิดจะทำอะไรที่ทำให้เสียเขาไป ฉันรักเขาเกินกว่าจะกล้าทำอะไรบ้าบิ่น รักเขาจนลืมรักตัวเอง ลืมให้เกียรติตัวเอง
รู้ว่าโคตรโง่ที่ยอมเป็นของเล่นเขา
“ไม่เอาน่า บี๋อย่าเป็นแบบนี้สิ นาน ๆ ทีเราจะได้อยู่ด้วยกันนะ บี๋ไม่คิดถึงเค้าเหรอ” เมื่อได้ยินฉันก็เจื่อนยิ้มเล็กน้อย คนรักมีคนอื่นใครจะยิ้มได้บ้าง ก็ต้องคนที่ไม่รักกันสิถึงจะยิ้มออก เขาก็เป็นแบบนี้ตลอด ฉันเองก็ยอมเขาเสมอความสัมพันธ์ของเราถึงเดินมาได้ไกลแบบนี้
เขาคือศรัณย์ ศิวะวานนท์ หรืออาซาน ทายาทสายตรงของศิวะวานนท์ เขามีศักดิ์เป็นน้าของฉัน แต่ว่าคนรุ่นเดียวทั้งตระกูลเรียกเขาอาซาน ทำไมฉันต้องเรียกน้าอยู่คนเดียว วัยเด็กฉันงอแงจะเรียกเขาอาซานเหมือนพี่คนอื่น ๆ ผู้ใหญ่ก็ยินยอม ไหน ๆ ก็ไม่ใช่ญาติจริง ๆ เทียบสายเลือดเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักนิดเดียว เมื่อไม่ใช่สายเลือดความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดของเราจึงถูกดำเนินต่อไป โดยที่ฉันเองก็ไม่ต่างจากของเล่นหรือสัตว์เลี้ยงของเขา ฉันแค่พิเศษนิดหน่อยตรงที่เป็นคนในตระกูล มันก็เลยตัดความสัมพันธ์นี้ออกยาก ถามว่าเขารักฉันไหม ข้อนี้ฉันรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เพราะสาเหตุที่ความสัมพันธ์เราคงอยู่นั้นฉันเป็นฝ่ายรั้งไว้เอง