02

1461 คำ
“โทษฉันไม่ได้นะ ก็เธอมันเล่นตัว ตลอดเวลาที่เราคบกันอย่างมากเธอก็ให้ได้แค่จับมือ ฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ก็ต้องอยากได้อะไรที่มันมากกว่านี้ แต่ในเมื่อเธอให้ไม่ได้ ฉันก็ต้องไปหาอะไรที่ดีกว่า แล้วลิลลี่เป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับฉัน” สีหน้าที่ทำราวกับหลงอีกฝ่ายอย่างหัวปักหัวปำของโทบี้ ทำเอาชมพูแพรถึงกับกลอกตาไปมา แน่นอนว่าเธอให้สิ่งที่อีกฝ่ายขอไม่ได้แน่ “ก็ถ้าเขาเลิกกับแกเพราะเรื่องนี้ แกก็ไม่ควรคบกับผู้ชายพรรค์นี้อีก ขืนแกทนคบกันต่อไปก็มีแต่จะเสียใจ ผู้ชายแบบนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษให้เห็นหรอก ปล่อยให้ผีเน่าไปอยู่กับโลงผุน่าจะเหมาะกว่า หญิงก็ร้ายชายก็เลวไม่มีอะไรให้น่าเสียดายสักนิด คนดีๆ อย่างแกหลุดพ้นออกมาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว” แคทเทอรีนและจัสมินเพื่อนรักของชมพูแพรที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่นานสองนาน ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงออกมาปกป้องเพื่อนบ้าง “เรื่องนี้เธอสองคนไม่เกี่ยว อย่าแส่” ลิลลี่หันมาขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ “ก็ถ้าเธอไม่เข้ามาแส่ก่อน พวกฉันสองคนก็ไม่อยากยุ่งเหมือนกัน” จัสมินตอกกลับในทันทีอย่างไม่ยอมน้อยหน้า “แต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน ทำไมฉันจะยุ่งไม่ได้ ไม่เหมือนกับพวกเธอที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย” ลิลลี่ยังคงต่อปากต่อคำกลับไปอย่างไม่ยอมลดละ “อ๊ะๆๆ พูดผิดพูดใหม่ได้นะจ๊ะ ถ้าฉันสองคนไม่เกี่ยว เธอก็ต้องไม่เกี่ยวเหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องของพวกเขาสองคน ถ้ามันจะเลิกกันก็ให้พวกเขาคุยกันเองสิ คนมาทีหลังแล้วทำตัวเป็นนางมารร้ายชอบแย่งของคนอื่นอย่างเธอมีสิทธ์อะไรเข้ามาแส่ด้วย” ด้วยลักษณะนิสัยที่ไม่ยอมใคร ทำให้จัสมินตอกกลับไปอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ “แก! คิดว่าพวกมากกว่า แล้วฉันจะยอมแพ้เหรอ ไม่มีวันซะล่ะ” จัสมินยักไหล่ บอกให้รู้ว่าเธอเองก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน “อย่ามีเรื่องกันที่นี่เลยน่า ไม่อายกันบ้างรึไง เห็นไหมว่าคนมองกันเยอะแยะแล้ว กลับกันเถอะลิลลี่ ไหนเธอบอกว่าอยากจะไปช็อปต่อไม่ใช่เหรอ รีบไปสิจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้ทำไม” โทบี้จับจูงให้ลิลลี่เดินตามออกไป ด้วยไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้านอีก ทำให้ลิลลี่ยอมเดินตามออกไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดในที่สุด คงเหลือก็แต่ชมพูแพรที่ยังนั่งซึมกระทือไม่ยอมพูดยอมจากับใครจนเพื่อนรักทั้งสองต้องรีบเข้าไปปลอบ “เฮ้ย! ชมพู่แกไม่ต้องเศร้าไปหรอกน่า ผู้ชายพรรค์นั้นเลิกไปก็ดีแล้ว ถ้าขืนแต่งงานกับมันไปจริงๆ แกคงต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ กะอีแค่ผู้ชายห่วยๆ คนนึง อย่าเอามาคิดให้รกสมองเลยน่า สวยๆ อย่างแก หาดีกว่านี้ได้ถมเถ เคยได้ยินไหม ผู้ชายไม่สิ้นไร้เท่าใบพุทรานะแก” แคทเทอรีนพยายามพูดปลอบใจให้เพื่อนคลายเศร้า แต่ชมพูแพรก็ไม่ได้มีท่าทีดีขึ้นมาเลย มิหนำซ้ำยังคว้ากระเป๋าสะพายใบเขื่องของตัวเองที่เธอมักจะพกมันไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ เดินออกไปจากตรงนั้น “เฮ้ย! หรือว่ามันจะอาการหนักจนเพี้ยนไปแล้ว ฉันว่าเราตามไปดูมันหน่อยดีกว่า ฉันใจคอไม่ดีเลย” แคทเทอรีนหันไปบอกจัสมินเสียงเครียด แต่อีกฝ่ายกลับยังนิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับท่าทีของเพื่อนรักเลยแม้แต่น้อย “ปล่อยให้มันไปจัดการกับความรู้สึกของตัวเองก่อนเหอะแคท ดีขึ้นเดี๋ยวมันก็กลับมาเองนั่นแหละ เชื่อฉันสิ แกก็รู้นี่ ทุกครั้งที่มีเรื่องไม่ได้ดั่งใจ มันจะต้องทำอะไร” จัสมินบอกพร้อมกับนั่งลงด้วยท่าทีสบายๆ ต่างกับแคทเทอรีนที่ยังกังวลอยู่ “แต่ครั้งนี้มันอาจจะไม่เหมือนกับทุกครั้งก็ได้นะแก ไม่เห็นเหรอว่าหน้ามันเศร้าขนาดไหน ฉันว่าเราไปดูมันสักหน่อยเถอะนะ ถ้ามันไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่ถ้าเกิดมันคิดสั้นขึ้นมา เราจะได้ช่วยมันทันไง นะมินนะไปดูมันหน่อยเถอะ ฉันไม่สบายใจจริงๆ อะแก” ท่าทางกังวลมากของแคทเทอรีน ทำให้จัสมินอ่อนอกอ่อนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยรู้ดีว่าเพื่อนเป็นผู้หญิงอ่อนไหวง่าย เรียกว่าเปราะบางเลยล่ะกับเรื่องพวกนี้ “เออๆๆ ไปก็ไป” จัสมินลุกขึ้นเดินนำออกไปอย่างเสียไม่ได้ ก็อีกฝ่ายเล่นขอร้องกันขนาดนี้นี่ “มิน ทำไมไม่เห็นชมพู่มันเลยล่ะ หรือว่ามัน” แคทเทอรีนทำหน้าตื่น เมื่อเดินมายังห้องน้ำของร้านอาหารแต่กลับไม่พบเพื่อนอย่างที่ควรจะเป็น “นี่แคท แกคิดว่าการระบายอารมณ์ของมันจะทำกันข้างนอก ตรงหน้ากระจกนี่ได้เลยรึไง ใครมาเห็นเข้าไม่ต้องแตกตื่นกันไปทั้งร้านรึไง โน่นมันอยู่ในห้องน้ำโน่น ห้องที่ปิดอยู่ไม่ห้องใดก็ห้องหนึ่งนั่นแหละ” จัสมินกลอกตาไปมากับอาการตีตนไปก่อนไข้ของเพื่อน พร้อมกับบุ้ยหน้าไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง “ปึก ปึก ปึก.............” สองสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องถึงกับหันมามองหน้ากันทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น จากนั้นไม่กี่อึดใจคนที่อยู่ข้างในก็เปิดประตูออกมาด้วยสภาพหัวเหอที่ดูยุ่งเหยิงไปหมด ผมก็ฟูจนแทบดูไม่ได้ และที่ดูไม่จืดเอาซะเลย ก็คือไอ้การที่ต้องเห็นเพื่อนเดินหิ้วหูกระต่ายตัวน้อยที่น่าสงสารออกมาในสภาพห้อยขาต่องแต่งด้วยนี่แหละ คิดแล้วก็อดสงสารกระต่ายตัวนี้ไม่ได้ ที่ต้องกลายเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของเพื่อนรักแบบนี้ “เฮ้อ! ฉันว่าแกเพลาๆ เรื่องการ์ตูนบ้างก็ได้นะ ดูๆ แกใกล้จะเหมือนไอ้โรคจิตเข้าไปทุกวันแล้ว” จัสมินส่ายหน้าไปมากับภาพที่ถ้าคนนอกมาเห็นเข้า คงเข้าใจว่าเพื่อนเป็นพวกโรคจิตแน่นอน คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ ครั้งแรกที่เห็นชมพูแพรทำอะไรแบบนี้ เธอกลัวแทบตาย แต่เมื่อรู้ว่าเพื่อนทำไปเพื่อระบายอารมณ์เหมือนการ์ตูนเรื่องหนึ่งก็อดขำไม่ได้ มิหนำซ้ำยังเปิดการ์ตูนที่ว่านั่นให้ดูแล้วก็ชักชวนให้ลองระบายอารมณ์แบบนั้นดูอีกต่างหาก ตั้งแต่นั้นมาเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเธอ แต่กับคนอื่นก็ไม่แน่ “เอ่อ! แกโอเคไหมชมพู่” แคทเทอรีนทำหน้าแหยๆ อดคิดในใจไม่ได้ ‘ถ้าเพียงแต่เราเชื่อคำของมิน เราคงไม่ต้องมาเห็นอะไรนากลัวๆ แบบนี้หรอก ฮือ!...ติดตาไปอีกหลายวันเลย’ “ดูจากสภาพฉันแล้ว ดูโอเคไหมล่ะ” ชมพูแพรหันมาตอบ ทำเอาคนถามถึงกับถอยกรูดด้วยความตกใจ “แต่ฉันว่า ดูจากจากสภาพกระต่ายน้อยของแกแล้ว แกน่าจะโอเคแล้วนะ แต่ที่ไม่โอเคอย่างแรง เห็นจะเป็นสภาพหน้าตาโทรมๆ ของแกนี่แหละ รีบๆ จัดการตัวเองซะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เขาจะหาว่าพวกฉันสองคนมารุมตบแกในห้องน้ำ แบบนั้นฉันไม่โอเคนะจะบอกให้” พูดจบจัสมินก็เดินออกไป โดยมีแคทเทอรีนรีบวิ่งตามไปด้วยอีกคน ด้วยไม่อยากอยู่กับอีกคนที่ยังไม่อยู่ในสภาวะปกติสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ว่ากลัวที่จะอยู่ในสภาพเดียวเดียวกับเจ้ากระต่ายตัวนั้นนั่นเอง ดังนั้นตอนนี้จึงมีแค่ชมพูแพรที่จัดการกับตัวเองและเจ้ากระต่ายน้อยที่น่าสงสารตัวนั้น ก่อนจะเดินออกไปสมทบกับเพื่อนที่รออยู่ที่โต๊ะตัวเดิม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม