“ก็อยู่ที่แกไง” โคดี้บอกสีหน้าเรียบเฉย
“มีที่ไหนวะ อยู่ที่ฉันฉันก็ต้องเห็นสิ” เคนชักโมโห เพราะคิดว่าเพื่อนกำลังกวนประสาทตน
“ก็นั่นไง” โคดี้ชี้ไปที่ต้นขาของอีกฝ่ายซึ่งมีมีดปักอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม
“อ้อ! อยู่นี่เอง ว้าก! ขากูๆ ไอ้โดดี้มึงจะฆ่ากูรึไง มึงแทงกูทำไม” เคนร้องเสียงหลง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำกันอีท่าไหนมีดเล่มนี้ถึงได้ปักอยู่บนต้นขาตัวเองได้ แต่ที่แน่ๆ ‘กูเจ็บ’
“กูเปล่า คนที่ทำนั่งอยู่โน่น” โคดี้บุ้ยหน้ามายังชมพูแพรที่นั่งหน้าซีดอยู่กับที่
“ขอโทษ...! ให้ฉันช่วยนะ” ถึงจะกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่อเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องเธอจึงต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ คงมีแต่เคนนั่นแหละที่ไม่ยอมรับความหวังดีของเธอสักที
“ไม่ต้องดีกว่าครับ เดี๋ยวจะตกใจกลัวซะเปล่าๆ” เคนยกมือห้ามก่อนจะลูบหน้าตัวเองเบาๆ อย่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกหลากหลายในตอนนี้
“คุณกลัวเหรอ” ชมพูแพรทำหน้ารู้สึกผิด
“ผมหมายถึงคุณนั่นแหละครับ” ชมพูแพรทำหน้างง
“ทำไมฉันต้องกลัว ในเมื่อมันไม่ใช่ขาฉันสักหน่อย” ท้ายประโยคเธอแอบบอกเสียงเบา
“เพราะอย่างนี้ไงครับ” เป็นโคดี้ที่ตอบแทนเพื่อน แล้วก็ยังชักมีดที่ปักขาเพื่อนออกด้วยความหวังดี
“ว้าก! ขากู ไอ้โคดี้มึง ไอ้เพื่อนทรพี กูไปทำอะไรให้มึงโกรธนักหนาเหรอ ทำไมมึงถึงทำกับกูแบบนี้” เคนร้องเสียงหลงเพราะเจ็บแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ในขณะที่ชมพูแพรก็กำลังอึ้งกับสิ่งที่เห็นโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยเหมือนกัน พลันสิ่งที่ไม่ทันตั้งตัวก็เกิดขึ้นอีก
“เลือด” เธอครางก่อนจะเป็นลมล้มพับลงไป โดยมีริคาโด้เข้ามารับไว้ได้ทัน จากนั้นเขาจึงรีบอุ้มเธอไปที่รถ โดยมีโคดี้ถือของเดินตามมาด้วย
“เอ้า! แล้วฉันล่ะ ฉันเจ็บขาอยู่นะโว้ย ทำไมไม่เห็นมีใครสนใจจะช่วยกันบ้างเลยวะ โคดี้มาพยุงกูก่อน ใจร้าย ทุกคนใจร้ายกับไอ้เคนเกินไปแล้ว” เคนยืนโอดครวญอยู่ที่เดิม
“จะยืนพล่ามอยู่อีกนานไหม ฉันจะได้กลับก่อน” โดคดี้หันมาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม แต่กลับทำให้คนเจ็บขาเจ็บรีบวิ่งออกไป ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับขาตัวเองอย่างนั้นแหละ สรุปว่าการนัดพบลูกค้าในวันนี้ก็มีอันต้องเลื่อนออกไป เพียงเพราะความเปิ่นของเธอนั่นเอง
เช้าวันต่อมา ในขณะที่ชมพูแพรกำลังจะเดินทางไปทำงาน จู่ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน ซึ่งมาจากพ่อแม่ของเธอที่ต้องการให้เธอรีบกลับบ้าน แต่เพราะภารกิจที่ยังไม่ลุล่วงเธอจึงต้องขอเวลาพวกท่านอีกหน่อย ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ รีบตามหาพี่สาวของเธอให้เจอให้เร็วที่สุด และในเวลากระชั้นชิดแบบนี้ เธอจำต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าไปในพาราดีสคลับนั่นอีกครั้งให้ได้
“พี่อยู่ไหนของพี่นะพี่ฟ้า หวังว่าพี่ยังมีชีวิตอยู่ หวังว่าเราสองคนจะได้เจอกันอีกครั้งนะ” เธอหลับตาแน่น รู้สึกหดหู่ทุกครั้งที่คิดว่าตัวเองจะไม่ได้เจอพี่สาวที่ขาดการติดต่อไปกว่าห้าปีอีก
ส่วนทางริคาโด้ก็ยังสงสัยกับเรื่องที่รับรู้มาเมื่อวาน ทำให้ไม่เป็นอันทำอะไร สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจกลับมานอนที่คฤหาสน์แทนที่จะเป็นคอนโดที่เขาชอบ
“คิดไงกลับมานอนบ้านครับพี่” ริชาร์ดถามขึ้น เมื่อเช้าวันนี้เห็นพี่ชายของตัวเองนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ซึ่งนับเป็นเรื่องที่หายากมากที่เขาจะกลับมานอนค้างที่บ้าน ถ้าเป็นเวลาปกติริชาร์ดคงแซวเล่นมากกว่านี้ แต่ในขณะที่กำลังเครียดกับปัญหาของตัวเองอยู่แบบนี้ เขาคงไม่กะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้นนอกจากหาทางปรับความเข้าใจกับจัสมินให้เร็วที่สุด
“นี่ก็บ้านฉัน ฉันจะกลับมานอนบ้างไม่ได้รึไง” ริคาโด้อดที่จะพาลไม่ได้ เพียงแค่คิดว่าชมพูแพรเป็นผู้หญิงของน้องชาย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบโต้อะไรกลับมาจึงอดที่จะเป็นห่วงน้องไม่ได้อีก
“ดูแกเครียดๆ นะ เรื่องผู้หญิงเหรอ” ริคาโด้ถามหยั่งเชิง
“ทำไมไม่คิดว่าเป็นเรื่องงานบ้างล่ะครับ” ริชาร์ดยิ้มเนือยๆ ให้
“ฉันรู้หรอกว่าถ้าเป็นเรื่องงาน แกไม่ทำหน้าเครียดแบบนี้แน่ ฉันเชื่อว่าแกเอาอยู่ แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง มันคงอยู่เหนือการควบคุมสำหรับผู้ชายอย่างแก ฉันพูดถูกไหมวะ” เพราะนิสัยและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน จึงทำให้คนเป็นพี่ชายจับพฤติกรรมของน้องชายได้ไม่ยาก
“ก็คงงั้นมั้งครับ “ ริชาร์ดบอกอย่างไม่อาย เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่เคยจัดการได้สักที
“หึๆ ถ้าเป็นเรื่องนี้ล่ะก็ ฉันยินดีให้คำปรึกษานะ” ริคาโด้รีบเสนอตัวทันที ด้วยอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช่คนเดียวกับที่เขาคิดรึเปล่า
“พี่จะบอกว่าตัวเองเป็นกูรูเรื่องผู้หญิงงั้นสิ” ริชาร์ดพูดติดตลก ทั้งที่ในใจไม่ตลกด้วย
“จะว่างั้นก็ได้ แต่ถ้าจะให้เดาเรื่องนี้คงเกี่ยวกับอันนาด้วยสินะ” ริคาโด้ถอนหายใจเสียงดังทันที ที่เห็นน้องชายพยักหน้ายอมรับ
“เมื่อไหร่แกจะจัดการเรื่องนี้ให้มันเด็ดขาดสักทีวะ ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้มานานหลายปีแล้วนะโว้ย เอลี่ก็โตขึ้นทุกวัน ถ้าแกสงสารลูกแกจะต้องเด็ดขาดมากกว่านี้ อย่าให้เขาใช้ลูกเป็นเครื่องต่อรองกับแกได้อีก เพราะมันจะไม่จบ” ริคาโด้เข้าไปตบไหล่น้องชายอย่างให้กำลังใจ
“ผมพยายามอยู่ครับ แต่พี่ก็รู้ว่าอันนาเขาเป็นคนยังไง ผมไม่อยากให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจเอลี่ ผมรู้ว่าเขาต้องดึงลูกเข้ามาเกี่ยวด้วย” ริชาร์ดแสดงสีหน้าวิตกกังวลจนคนเป็นพี่อดสงสารไม่ได้
“ค่อยๆ คิดหาวิธีกันไป แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องนี้ใช่ไหมที่แกกำลังเครียดอยู่” ริคาโด้วกเข้าประเด็นอีกครั้ง แล้วก็อดที่จะกลัวคำตอบด้วยไม่ได้
“ครับ ผมชอบผู้หญิงคนนึง เธอน่ารัก ถึงจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่ผมคิดว่าผมเอาอยู่ ผมคิดว่าเราจะไปกันด้วยกันได้ แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจว่ายังคิดแบบนั้นได้รึเปล่า ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะโกรธเกลียดผมไปแล้วก็ได้” ริชาร์ดบอกเสียงเศร้า
“อย่าเพิ่งคิดไปล่วงหน้า บางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แกคิดก็ได้ ฉันเชื่อว่าถ้าแกได้คุยกัน ได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่แกคิดก็ได้ อย่างน้อยถ้าได้พูดออกไปก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง วันนี้แกยังมีโอกาส รีบใช้มันซะ เพราะถ้าโอกาสมันลอยผ่านไปมันจะไม่ลอยกลับมาหาแกอีกเป็นครั้งที่สองแน่” ริชาร์ดพยักหน้าเห็นด้วยทุกคำที่พี่ชายว่ามา
“ขอบคุณครับพี่ ผมจะไม่มีวันปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป เหมือนกับที่ผมจะไม่ยอมให้เธอหลุดมือไป โดยที่ยังไม่ทำอะไร เธอไม่เหมือนใคร ตั้งแต่มีเธอเดินเข้ามาชีวิตผมก็เปลี่ยนไป ผมมีความสุขทุกครั้งที่มีเธออยู่ใกล้ๆ เธอทำให้ผมอยากเปลี่ยนชีวิตแย่ๆ ของตัวเองให้ดีขึ้น และผมจะเปลี่ยนมันเพื่อเธอครับ” ริคาโด้แอบถอนหายใจหนักๆ ดูก็รู้ว่าน้องชายรู้สึกยังไงกับรักครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ชีวิตผู้ชายคนหนึ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ต้องทนเห็นน้องชายตัวเองทนทุกข์อยู่กับชีวิตครอบครัวที่ไม่สมหวังมานานหลายปี ถึงเวลาสักทีที่จะเห็นเขาเดินออกมาจากขุมนรกนั่นอย่างสง่าผ่าเผยและพี่ชายอย่างเขาก็จะต้องช่วยด้วยอีกแรง