กองทัพ พาร์ท
ท้องทะเลสีครามภายใต้ฟ้าสีหม่นช่วงเช้ามืด เป็นช่วงเวลาที่ผมโปรดปราณเป็นพิเศษ ได้กลิ่นอายของทะเล ยืนฟังเสียงคลื่นพลางจุดบุหรี่แล้วอัดควันเข้าปอดเพียงลำพัง
ผมชำเลืองหางตามองคนตัวเล็กบนเตียง ที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติ เธอไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำตอนผมอุ้มขึ้นมานอนข้างบน
นานร่วมนาทีแต่ผมยังอยู่ตรงนี้ไม่ขยับไปไหน ยืนมองท้องทะเลกว้างไกลแสนไกลจนลับตา ก่อนจะขยี้บุหรี่ในมือลงบนโถแล้วกลับเข้าไปข้างใน
“เธอ”
“....”
“เธอครับ”
ผมเดินกลับมานั่งลงที่ข้างเตียง พลางหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเจ้าของรอยยิ้มสวย ที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม ริมฝีปากสีระเรื่อเผยอขึ้นเล็กน้อย
“น่ารัก..” ผมแยกยิ้ม พลางกดชัตเตอร์บนมือถือรัวหลายภาพ
พอถ่ายเสร็จผมก็ยังคงนั่งจ้องใบหน้าหมดจดของอีกฝ่ายไม่ละไปไหน ก่อนจะลากไล้นิ้วเรียวไปตามแก้มระเรื่อของอีกฝ่ายอย่างถือสิทธิ์
“อื้อ” เสียงงัวเงียดังขึ้นเมื่อถูกรบกวน แต่ผมก็ยังไม่หยุดหยอกเย้าคนหลับ ด้วยการฝังปลายจมูกลงบนต้นคอขาว สูดดมกลิ่นกายหอมยามเช้าตรู่
“พี่ทัพ..” เธอส่งเสียงขัดใจในลำคอ
“ว่าไงคะ” ผมคลอเคลียข้างแก้มขาว ก่อนจะกระถดตัวลงมานอนใต้ผ้าห่มเดียวกันกับเธอ
“ขอนอนต่อได้มั้ย”
“ไม่ได้.. เดี๋ยวพี่สาย”
“อือ..”
พูดจบผมก็ใช้มือโอบเอวบางเข้ามาแนบอก เกลี่ยไรผมที่ตกลงมาปรกหน้าขาวออก ก่อนจะเลื่อนมือลงไปจับเนินอวบอิ่มที่บวมแดง หลังจากกิจกรรมสุดหนักหน่วงเมื่อคืน
“ฮึก” เธอเบ้หน้าด้วยความเจ็บ มุดหน้าเข้าหาผมแล้วส่งเสียงสะอื้นไห้เบาๆ
“เจ็บหรอ”
“อื้อ”
ผมมุ่นคิ้วเข้าหากัน จับเรียวขาที่สั่นเทาแล้วยกยิ้มมุมปาก คนเก่งที่บอกจะขึ้นคร่อมผมหายวับไปกับตา หลังจากที่สำเร็จความใคร่น้ำสุดท้ายก็หมดฤทธิ์ไปทันที
“อาบน้ำเร็ว” ผมกระซิบบอก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ
เธอนอนหลับปุ๋ยเหมือนลูกแมวเลยว่ะ ทีตอนขย่มเมื่อคืนกลับกลายเป็นแมวป่ายั่วสวาทซะงั้น
ผมฟัดแก้มขาวกวนอีกฝ่าย พลางใช้มือลูบไล้เรือนร่างจีน แล้วทำรอยไว้กลางอกอวบอิ่มสองสามจุด
ตอนส่องกระจกในเช้าแรกของวัน เธอจะได้ไม่ลืมคิดถึงผมไง
“จีน”
“.....”
“ถ้าไม่ตื่นฉันจะอาบน้ำให้เธอเองนะ”
คนในอ้อมกอดครางอืออาประท้วงในลำคอ ก่อนจะนิ่งลงแล้วผล็อยหลับไป โดยที่ผมยังคงฟอนเฟ้นเรือนร่างของเธอไม่หยุด
ไม่คิดว่าจะได้ชิมและลิ้มลองทุกซอกทุกมุมแบบนี้
"พี่ทัพเบื่อจีนหรือยัง"
"เล่นไปไม่กี่ครั้งจะเอาอะไรไปเบื่อ"
"งั้นพี่ทัพมีจีนแค่คนเดียวใช่มั้ย"
"ก็ต้องเล่นคนเดียวจนกว่าจะเบื่อสิ.."
เสียงใสดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท สีหน้าและแววตาเว้าวอนของเธอยังคงชัดเจน ว่าเจ้าตัวรู้สึกยังไงกับสิ่งที่พูด
แต่ทว่าผมจะเชื่อคำพูดของคนโกหกได้ยังไง ในเมื่อเธอเลือกจะโยนความเชื่อใจผมทิ้งอย่างไม่ใยดี ก็ไม่มีอะไรที่ผมต้องปราณีของเล่นชิ้นใหม่ตรงหน้าเช่นกัน
ผมจะเล่นให้คุ้มเลยทีเดียว
ผมเอนหลังพิงเข้ากับอ่างจางกุชชี่ใบใหญ่ พาดเรียวแขนไว้บนขอบอ่างให้คนตัวเล็กนอนหันหลังซบอกอยู่
กว่าจะปลุกให้เธอตื่นแล้วมาอาบน้ำด้วยกันได้ ก็เล่นเอาเวลาปาไปเกือบจะเก้าโมงอยู่แล้ว ผมเองก็ผิดเหมือนกันที่เผลอหลับไปกับเธอด้วย ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่คนตรงหน้ากระโดดปลุกนี่แหละ
มีแรงเข้าหน่อยก็ซนเลย ตามประสาเด็กน้อยหรือเปล่า เพราะลำพังวัยผมมันหมดความสนุกไปตั้งแต่สิบเก้าแล้ว
ยิ่งโตก็ยิ่งเหนื่อย
“พี่ทัพรู้มั้ยว่าจีนชอบพี่ทัพตอนไหน”
“.....”
“รู้มั้ยคะ”
ผมมุ่นคิ้วมองคนตัวเล็กที่เล่นฟองบนผืนน้ำ เอ่ยถามผมเสียงใส ต่างจากชั่วโมงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ที่เอาแต่งัวเงียอยู่ในลำคอ
“ไม่รู้สิ” ผมตอบกลับเสียงเรียบ “ตอนไหนล่ะ”
เธอเงยหน้ามองผมครู่หนึ่ง ระบายยิ้มจนเห็นลักยิ้มบนแก้มขาว
“ตอนพี่ทัพวาดรูปค่ะ..” เสียงใสตอบกลับ รู้สึกสดใสไปตามเสียงหัวเราะเธอเลยว่ะ
ต้องเติบโตมาดีขนาดไหนวะ ถึงได้ดูสดใสขนาดนี้
ไอ้เจย์เลี้ยงน้องมันดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ส่วนกับผมอย่าหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มพวกนั้นเลย แค่ไม่ตายตั้งแต่เด็กก็ดีแค่ไหนแล้ว และดีแค่ไหนที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้
“แม่ฉันไม่เคยชอบมันเลยนะ ทำไมเธอถึงชอบ” ผมบอกเสียงเรียบ สะอึกเล็กน้อยตอนที่พูดถึงผู้เป็นแม่
“จีนชอบศิลปะค่ะ ถึงจะวาดรูปไม่เก่งแล้วก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่.. แต่จีนชอบมองคนวาดรูปค่ะ มีเสน่ห์ดี”
“ความชอบก็คือความชอบ ไม่จำเป็นต้องเก่งเสมอไปหรอก”
“แต่พี่ทัพเก่งมากเลยนี่คะ แต่ว่า.. จีนไม่เคยเห็นภาพที่พี่ทัพวาดจีนเลย ขอดูหน่อยได้มั้ย”
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ พลางควักน้ำขึ้นมาลูบวนบนหัวไหล่มนสีชมพู
ผิวของเธอมันขาวอมชมพูราวกับไข่มุก แค่แตะนิดแตะหน่อยเนื้อตัวก็แดงแจ๋เป็นมะเขือเทศซะแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงจุดนั้นของเธอเลย บอกตามตรงว่าผมชอบตอนที่ได้รังแกเธอ เด็กนี่พัฒนาเร็วจนผมยังตั้งตัวไม่ทัน จากไร้เดียงสาก็ขยับขั้นขึ้นมาเป็นแมวป่ายั่วสวาทเหมือนเมื่อคืนซะแล้ว
“อ่า ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถึงเวลาเดี๋ยวก็ได้ดู”
เจ้าของแก้มนิ่มเอี่ยวใบหน้าหันมอง พลางพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มอย่างว่าง่าย
ผมยิ้มรับ
“ว่าแต่เธอเริ่มชอบผลงานพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เห็นภาพ Girl with a Pearl Earring ค่ะ สวยสะดุดตาจนนึกว่าภาพถ่ายเลย”
ผมพยักหน้ารับตาม นั่งตั้งใจฟังเธอที่อธิบายเสียงราบเรียบชวนน่าฟัง
แปลไม่ออกเลยว่าน้ำเสียงของเธอในตอนนี้ มันเป็นเรื่องจริงหรือโกหกกันแน่
“เธอในภาพวาดสวยงามจนคิดว่าภาพถ่าย แถมภาพนั้นยังดูดีราวกับมีชีวิตอีกด้วย”
“อืม แค่นั้นหรอ”
“อีกอย่างจีนชอบที่ศิลปะไม่มีชนชั้นวรรณะ.. ไม่มีใครมาตัดสินเราได้ด้วย”
อาจจะฟังดูสวยหรู แต่ใช่เขานิยามว่าศิลปะไม่มีชนชั้นวรรณะ ไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ก็ยังมีคนตัดสินพวกเราอยู่ดี
เพราะงั้นผมก็แค่ก้าวข้ามมันไป ทิ้งไว้เป็นเพียงฝุ่นในอากาศ ไม่ให้ค่า ไม่ให้ราคากับคำพูดพวกนั้น
ตัวอย่างก็คือแม่ผม..
เธอผู้ตัดสินผมทุกอย่าง และเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลไม่เคยเปลี่ยน
ผมก็คงจะได้แม่มาเยอะเหมือนกัน เพราะผมก็เอาตัวเองตัดสินทุกอย่างที่เข้ามา ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอในตอนนี้
“เธอก็สวย..”
“คะ”
“ตอนนี้ก็ยังสวย”
พูดจบอีกฝ่ายก็นั่งเงียบไป ให้เดาก็คงไม่พ้นอาการเขินผมไม่หายนั่นแหละ
บนเตียงจัดเต็มเหนี่ยว พอก้าวลงจากเตียงก็กลายเป็นแค่ลูกแมวเหมียวแหละวะ
“อ้อ จีนจำได้ด้วยว่าครั้งแรกที่เราเจอกัน วันนั้นพี่ทัพมาพักบ้านเรา.. แถมยังเอาขนมมาฝากจีนเพียบเลย” เธอเปลี่ยนเรื่อง พลางงุดหน้าลงจนคางเกือบจะชิดอก
ผมส่ายหน้าไม่คิดจะแซวต่อ ก่อนเอามือจุ่มลงไปในน้ำ ลูบวนอยู่ที่โคนขาอ่อนของคนตรงหน้า ระหว่างที่ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย
“หึ เจย์มันบอกว่าเราชอบ”
“ถ้าพี่เจย์ไม่บอก พี่ทัพจะซื้อมาฝากจีนมั้ยคะ”
“ถ้าตอนนั้นก็คงไม่รู้เรื่องอะไร แต่ถ้าตอนนี้จะเหมาหมดร้านให้เลย”
สิ้นประโยคผมก็จับไหล่เล็กให้หันหน้ามามอง ร่างกายของเราสองคนเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ส่งผลให้อะไรต่อมิอะไรใต้น้ำเสียดสีกันไปมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พะ..พี่ทัพ ตรงนั้นมัน..”
“รู้” ผมยกยิ้มมุมปาก “มันโดนท้องใช่มั้ย”
“อะ..อื้อ”
“ก็อย่าขยับมากสิคะ เห็นว่ามันแดงอยู่หรอกนะถึงไม่ทำ”
เธอไม่ชินที่ผมแข็งแม้กระทั่งเราแค่อาบน้ำกัน ผมเองก็ไม่ชินที่เห็นแค่หน้าเธอ หรือแค่ริมฝีปากสีระเรื่อเผยอ กลางกายมันก็แข็งขืนขึ้นเหมือนกัน
ผมหลุบตามองริมฝีปากเรียวเล็ก ก่อนจะกดจูบหนักๆ ทีนึงแล้วผละออก ไม่ได้ล่วงเกินอะไรไปมากกว่าแค่ลูบคลำแล้วก็จูบเธอ
“คืนนี้ฉันจะให้คนไปรับ แล้วเราจะเจอกันที่ไทป์ซี..”
“ค่ะ”
“แต่งตัวสวยๆ มาหานะคะ พี่จะรอ”
ผมอุ้มจีนขึ้นจากชั้นล่างมาส่งถึงหน้าห้อง เธอตัวรุมนิดหน่อยแล้วก็เรียกไม่ตื่น งอแงตั้งแต่ก่อนกลับจนผมขับมาส่งที่คอนโดเลย
ทว่าแทนที่ผมจะได้ส่งเธอแล้วก็กลับไปทำธุระส่วนตัว ผมกลับเจอคู่กรณีเก่าไม่เคยเปลี่ยนอย่างไอ้เจย์ ยืนรออยู่ที่หน้าห้องก่อนแล้วเฉกเช่นเดิม
“จีน.. มึงทำอะไรน้องกู” มันร้อนรนทันทีที่เห็นผมอุ้มเธอมา
“ใจเย็นสิครับ”
“ไอ้ทัพ”
มันทำท่าจะพุ่งมา แต่ผมก้าวเท้าถอยหนี
พอมันหยุดผมก็เดินเข้าหา ก่อนจะยกคนตัวเล็กที่ผมอุ้มอยู่ให้พี่ชายเธอไป
“กูพาน้องมึงมาส่ง” ผมว่าแล้วแสยะยิ้มมุมปาก ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นมันโกรธเลือดขึ้นหน้าแต่วันแบบนี้
“ไอ้เหี้ยทัพ” มันกัดฟันกรอด มองผมอย่างคาดโทษ ก่อนหลุบตามองจีนที่ปรือตาขึ้นมองแล้วก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
“โทษทีว่ะ ว่าจะเบามือแล้วนะ”
“.....”
“แต่น้องมึงเอาโคตรมันส์เลย”
สิ้นเสียงผมไอ้เจย์ก็ตบเท้าเข้ามาหมายจะกระชากคอเสื้อผม แต่ติดตรงที่มีแมวน้อยหลับอยู่ มันคงไม่อยากปลุกให้เธอตื่นมาเห็นว่าเพื่อนรักเพื่อนร้าย กำลังจะซัดกันเหมือนหมาข้างถนนหรอก
“กูเป็นผัวน้องมึง.. ก็เท่ากับว่าเป็นน้องเขยมึงด้วยไม่ใช่เหรอวะ” ผมแสยะยิ้มกวนประสาท
“หลังจากนี้ไม่ต้องเสือกมายุ่งกับน้องกูอีก”
“ดุจังแฮะ”
ผมไหวไหล่อย่างไม่หยี่ระ พลางควงกุญแจเล่นบนเรียวนิ้ว ผิวปากกวนตีนมันกลับ
“กูจะบอกจีนว่ามึงคิดเหี้ยอะไรกับน้องกู”
“เหรอ”
“สัดทัพ”
ขอบตาผมแดงก่ำ รู้สึกเลือดลมมันร้อนเร่าพลุ่งพล่านไปหมด
ผมไม่กลัวในสิ่งที่มันขู่ เพราะถ้าหากมันบอกว่าผมเข้าหาเธอด้วยจุดประสงค์อะไร ตัวของมันเองก็ต้องเผยความลับตัวเองเช่นกันว่าทำอะไรไว้
จะสลัดภาพพจน์พี่ชายที่แสนดีได้เหรอวะ ทำแบบนั้นมันเองก็ทำร้ายเธอไม่ต่างจากผมนี่
“ตามใจสิครับ.. พี่เขย”