“รักไปห้องน้ำก่อนนะแม่ เดี๋ยวรักมาจ้ะ”
หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่มุมสุดของทางเดิน เปิดก๊อกแล้ววักน้ำขึ้นล้างหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะดูเวลาที่นาฬิกาข้อมืออีกที
“ค่อยยังชั่วหน่อย ได้หลับไปอีกสองชั่วโมงครึ่ง” เสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินมานั่งข้างมารดาตามเดิม
ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงสิบเอ็ดโมงเศษ หลังจากรับยาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็พามารดาเดินออกมาหน้าโรงพยาบาลเพื่อหารถกลับบ้าน
“เดี๋ยวแม่นั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ลูก รักไปเรียนเถอะ”
ผู้เป็นมารดาหันมาบอก ต้องรักจึงพยักหน้ารับ ทุกครั้งที่มาโรงพยาบาล หากเธอต้องไปมหาวิทยาลัยต่อ มารดาจะนั่งแท็กซี่กลับไปเองทุกครั้ง
“จ้ะแม่ งั้นเดี๋ยวรักเรียกแท็กซี่ให้”
หญิงสาวมองหารถแท็กซี่ เมื่อเจอคันที่ว่างอยู่จึงโบกเรียกให้จอดเทียบริมบาทวิถี หลังบอกจุดหมายปลายทางให้โชเฟอร์ทราบพร้อมกับส่งมารดาขึ้นรถไปแล้ว เธอก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นทันที เพราะรถประจำทางสายที่เธอต้องนั่งไปมหาวิทยาลัยนั้นกำลังจอดรอรับผู้โดยสารอยู่ที่ป้าย โดยไม่ได้สังเกตรถยุโรปคันงามที่จอดเยื้องอยู่ด้านหน้ารถประจำทางคันที่เธอกำลังเดินขึ้นไปแม้แต่น้อย
คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อเห็นร่างเล็กของหญิงสาวคนที่เขาเจอเมื่อคืน เขาเห็นเธอตั้งแต่เดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับผู้หญิงดูมีอายุคนหนึ่งซึ่งคงเป็นมารดา จนกระทั่งเห็นเธอวิ่งขึ้นรถประจำทางไป เป็นเพราะการจราจรที่ติดขัดด้านหน้าโรงพยาบาลที่ทำให้เขากวาดตามองไปเรื่อยเปื่อย จนไปสะดุดกับเธอเข้าโดยบังเอิญ และเขาก็จำเธอได้ในทันที แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือชุดนักศึกษาที่เธอสวมอยู่ต่างหาก
“เอก ประวัติพนักงานที่ฉันให้ดูน่ะ ได้ดูรึยัง”
ชายหนุ่มถามขึ้นลอยๆ เอกรัฐซึ่งนั่งอยู่ข้างชัชวาลที่ทำหน้าที่เป็นคนขับจึงหันมาตอบคำถามผู้เป็นนาย
“ดูแล้วครับคุณธิป ขอโทษครับที่ผมลืมบอก ผู้หญิงคนนั้นชื่อต้องรักครับ อายุยี่สิบเอ็ดแล้ว รู้สึกว่ากำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย”
เอกรัฐรายงานคร่าวๆ แล้วหันหน้ากลับไปตามเดิม ในขณะที่คนถามทำเพียงตอบรับในลำคอเบาๆ
ต้องรัก...งั้นหรือ
ระหว่างที่ต้องรักกำลังวางขวดโซดาให้ลูกค้า หญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกได้ว่ามีมือตะปบลงมาที่บั้นท้ายพร้อมออกแรงบีบอย่างหนักหน่วง ด้วยความตกใจต้องรักรีบปัดมือนั้นออกไปอย่างแรงพร้อมกับหันไปมองหน้าคนที่คิดลวนลามอย่างเอาเรื่อง
ทว่าอีกฝ่ายกลับคิดว่าตนเองเป็นลูกค้าจึงไม่นำพาต่อสายตาไม่พอใจของหญิงสาว ด้วยความมึนเมาและต้องการเอาชนะ เขาจึงตวัดเอวคอดของต้องรักให้เข้าไปใกล้ พร้อมกับยื่นใบหน้าเข้าไปหมายจะหอมแก้มนวลสักฟอด
“น้องชื่ออะไรจ๊ะ น่ารักจังเลย คืนนี้ไปต่อกับพี่ไหมคนสวย”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้ปล่อยไง”
หญิงสาวยกมือขึ้นปัดป้องเต็มกำลังพลางร้องบอกให้ลูกค้ากลัดมันรายนี้ยอมปล่อยตัวเธอ แต่ด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั่ว กอปรกับนักท่องเที่ยวแน่นขนัดจึงไม่มีใครสนใจไยดีกับเสียงร้องที่ถูกกลืนหายของต้องรักเท่าไรนัก หนำซ้ำผู้ชายคนอื่นๆ ที่มากับลูกค้ากลัดมันรายนี้กลับหัวเราะร่วนอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน
“จะเล่นตัวไปทำไมน้อง ยอมๆ มันไปเหอะน่า ไอ้นี่มันกระเป๋าหนักนะจะบอกให้ มันจ่ายไม่อั้น สนรึเปล่าจ๊ะ ฮ่าๆ”
“สนบ้าอะไรเล่า ฉันมาทำงานนะไม่ได้ขายตัว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องผู้จัดการ”
ต้องรักตะเบ็งเสียงขู่แข่งกับเสียงเพลงที่ดังกรอกหูอยู่รอบทิศ สายตาก็พยายามมองหาผู้จัดการร้านหรือเพื่อนพนักงานด้วยกันให้มาช่วย ทว่าจู่ๆ ก็มีมือหนึ่งกระชากต้นแขนเธอให้หลุดพ้นจากวงแขนของลูกค้าคนนั้นได้สำเร็จ
“เฮ้ย! อะไรวะ หาเรื่องกันนี่หว่า”
ชายหนุ่มสี่ห้าคนในโต๊ะนั้นลุกพรวดขึ้นแทบจะพร้อมกัน ต่างมองหน้าผู้ที่เข้ามาสอดอย่างไม่พอใจและตั้งใจเอาเรื่องเต็มที่ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคที่เอ่ยออกมาจากปากของผู้มาใหม่
“ผับของผมไม่มีนโยบายให้ลูกค้าลวนลามหรือข่มเหงพนักงานได้ ยกเว้นเด็กจะเต็มใจเอง”
ชนาธิปจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ท่าทางนิ่งขรึมดูน่าเกรงขาม อีกทั้งบอดีการ์ดที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังทั้งสองข้างที่ยืนล้วงปกเสื้อสูท ราวกับจะบอกว่าพร้อมชักปืนขึ้นมายิงได้ทุกเมื่อ ชายหนุ่มในโต๊ะเลยทำได้เพียงมองหน้ากันไปมา แต่เพราะกลัวเสียฟอร์มจึงแสร้งอารมณ์เสียกลบเกลื่อน
“ลวนลามบ้าอะไร นังเด็กนี่มันยอมเองต่างหาก เขาตกลงราคากันเรียบร้อยแล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย”
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่แทรกซึมอยู่ในเส้นเลือดทำให้ชายหนุ่มกลัดมันกล้าต่อปากต่อคำกับผู้เป็นเจ้าของสถานที่อย่างไม่ลดราวาศอก
ชนาธิปปรายตามองไปยังหญิงสาวที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังเขาเป็นเชิงถาม ต้องรักนั้นรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่จริงค่ะ เขาโกหก เขาลวนลามฉัน ฉันไม่เคยคิดขายตัวนะ”
ต้องรักเผลอจับแขนของเขาเขย่าไปมาเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง นาทีนี้เธอลืมไปเสียสนิทว่าชายหนุ่มคนที่มาช่วยไว้นั้นเป็นคนเดียวกันกับที่เจอเมื่อคืนวาน
“อีตอแหล!”
คนเมาชี้หน้าด่าต้องรักพร้อมกระโจนเข้าหา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบอดีการ์ดร่างใหญ่สองคนปรี่เข้ามาขวางไม่ให้เข้าถึงตัวเจ้านายได้ พร้อมกับเปิดสาบเสื้อให้เห็นวัตถุสีดำมะเมื่อมที่เหน็บไว้กับเอว
“เด็กคนนี้เป็นพนักงานของผม และผมก็ไม่ชอบให้ลูกค้าแย่ๆ มาทำร้ายคนของผมด้วย ผมหวังว่าจะไม่เจอพวกคุณที่นี่อีก”
พูดจบเขาก็กลับหลังหันพร้อมแตะหลังของต้องรักเบาๆ ให้เดินตามเขาออกไปจากบริเวณนั้นทันที ทิ้งให้เอกรัฐกับชัชวาลอยู่จัดการลูกค้านิสัยเสียกลุ่มนั้นต่อไป