บทที่ 1 แรกพบสบตา - 1

1180 คำ
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มแข่งกันกับเสียงพูดคุยจอแจของบรรดาผีเสื้อราตรีนั้น เป็นที่ชาชินของเหล่าพนักงานที่มีหน้าที่บริการลูกค้าในสถานบันเทิงแห่งนี้ โดยเฉพาะในคืนวันศุกร์และเสาร์ที่มักจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องราตรีที่หลั่งไหลกันเข้ามาหาความสำราญ บ้างก็มาเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ ผ่อนคลายความตึงเครียดจากหน้าที่การงานที่รับผิดชอบอยู่ บ้างก็มาเพื่อพบปะสังสรรค์ บ้างก็มาเพื่อหาทางปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม แต่ไม่ว่าเหตุผลการมาของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีหน้าที่ให้บริการก็ยินดีทั้งนั้น เพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่มากขึ้นตามไปด้วย ร่างเล็กที่ผลุบเข้าผลุบออกระหว่างห้องเก็บมิกเซอร์หลังเคาน์เตอร์บาร์กับพื้นที่ในส่วนบริการด้านหน้านั้น ก็เป็นหนึ่งในบรรดาพนักงานที่จะยิ้มรับทุกครั้งเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เดินเข้ามาเพื่อมองหาโต๊ะนั่ง เพราะถ้าหากเธอหาพื้นที่แทรกโต๊ะลงไปให้ลูกค้าได้ ค่าตอบแทนอย่างน้อยๆ ที่เธอจะได้รับเข้ากระเป๋าก็ต้องเป็นธนบัตรสีม่วงหนึ่งใบ ทั้งนี้ไม่รวมถึงทิปและเงินทอนเวลาที่ลูกค้าสั่งมิกเซอร์หรืออาหาร เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเวลาที่ลูกค้าเริ่มมึนได้ที่ นักเที่ยวพวกนี้มักจะไม่สนเงินทอน ซึ่งพนักงานเสิร์ฟอย่างพวกเธอนั้นชื่นชอบกันเหลือเกิน ต้องรักดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ใกล้เที่ยงคืนแล้วแต่ดูเหมือนลูกค้ายังคงเข้ามานั่งในร้านเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นคืนวันอาทิตย์ บางคนก็ดื่มมาจากที่อื่นแล้วแต่ต้องการมาวาดลวดลายต่อที่นี่ บางคนก็เพิ่งเลิกงานมาเพราะสังเกตได้จากชุดที่สวมใส่ แต่สิ่งเหล่านั้นเธอไม่ใคร่อยากจะสนใจนัก เพราะเวลานี้เธอสนใจแต่เงินค่าทิปที่เธอยัดรวมๆ กันไว้ในกระเป๋ากางเกงมากกว่า “จะพอไหมเนี่ย” หญิงสาวล้วงหยิบธนบัตรหลายใบออกมาจากกระเป๋าทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อนับรวมกัน จากนั้นก็ยืนเอาหลังพิงไว้กับกำแพงด้านหนึ่งของหลังร้านซึ่งเฉพาะพนักงานเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ ปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อนับเงินรวมแล้วได้ยอดเป็นที่น่าพอใจ ถึงแม้จะเป็นงานกลางคืน แต่ก็รายได้ดีกว่าการไปทำงานในร้านสะดวกซื้อมากนัก อีกทั้งยังทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ถึงแม้ว่าในตอนเช้าเธอจะต้องรีบตื่นเพื่อไปเรียนในมหาวิทยาลัยต่อก็เถอะ แต่เธอก็ยอมเหนื่อยถ้าหากมันทำให้เธอได้ค่าตอบแทนงามแบบนี้ เหนื่อยสายตัวแทบขาดเป็นอย่างไร เธอรู้ซึ้งดี เพราะนอกจากเธอต้องหาเงินเพื่อเลี้ยงตัวเอง และเป็นค่าเรียนในแต่ละเทอมแล้ว เธอยังต้องหาเงินรักษามารดาที่นอนป่วยเป็นมะเร็งอยู่ที่บ้านอีกด้วย พรุ่งนี้เธอต้องพามารดาไปตรวจตามที่แพทย์นัด ไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายเงินค่าหมอค่ายาอีกเท่าไร ก็ได้แต่ภาวนาว่าเงินที่ได้จากค่าทิปในวันนี้จะเพียงพอกับค่ารักษาของมารดา เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเธอก็คงต้องเจียดเอาเงินค่าเช่าบ้านที่ครบกำหนดจ่ายในวันมะรืนมาสมทบไปก่อน ระหว่างที่กำลังพับเงินเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม หางตาของต้องรักก็เห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนยืนทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงประตูที่จะเข้าไปในส่วนบริหาร หญิงสาวเพ่งมองอยู่สักพักก็เริ่มแน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นไม่น่าจะเป็นพนักงานของที่นี่แน่นอน เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเขาน่าจะเป็นลูกค้าที่มาเที่ยวมากกว่า อย่างไม่รอช้า เธอรีบปรี่เข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นทันทีพร้อมกับเอ่ยปากเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพ และเป็นทางการอย่างที่ได้ฝึกมา “ขอโทษด้วยนะคะท่าน บริเวณนี้เป็นพื้นที่สำหรับพนักงานค่ะ บางทีท่านอาจจะหลงทางจึงทำให้เดินมาทางนี้ ถ้ายังไงเนี่ยเดี๋ยวดิฉันขออนุญาตพาท่านเดินเข้าไปด้านในนะคะ” ทันทีที่ต้องรักพูดจบ ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้เธออยู่เมื่อครู่ก็หันกลับมาทั้งตัว นัยน์ตาคมกริบของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของหญิงสาวนิ่งๆ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มส่งมาให้ ทว่าก็ไม่ได้บึ้งตึงขึงขังใส่ วูบหนึ่งนั้น ต้องรักรู้สึกใจกระตุกวาบเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้เต็มๆ ตา เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว และเธอก็คิดว่าเขาคงจะดูหล่อเหลากว่านี้ ถ้าหากเขาจะยิ้มออกมาบ้าง และเพราะท่าทางนิ่งเฉยไม่ยินดียินร้ายของเขา จึงส่งผลให้เขาดูเหมือนตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เธอตัวหดเล็กลงๆ จนแทบกลายเป็นหนูตัวหนึ่ง “ขะ...ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ” ต้องรักก้มหน้างุด ไม่กล้าสบสายตาคมกริบของเขาที่ยังคงมองมานิ่งๆ จากที่เดิม แม้ท่าทางของเขาจะไม่ได้ดูคุกคาม หรือมองมาด้วยสายตาโลมเลียเหมือนลูกค้าบางคน แต่เธอกลับรู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้มีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากตัว จนทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นและสะท้านไหวในคราวเดียว “ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ผมคงหลงทางมาจริงๆ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาแม้จะพูดเพียงแผ่วเบา แต่กลับก้องกังวานอยู่ในความรู้สึก ต้องรักทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งแล้วก็ต้องสบประสานกับสายตาคมกริบคู่เดิม ใบหน้าเฉยชา แต่ครั้งนี้ต้องรักคิดว่ามีบางอย่างที่แปลกออกไป เพราะเธอคิดว่าเธอเห็นมุมปากของเขายกขึ้นมาเล็กน้อยจนดูเหมือนรอยยิ้ม ระหว่างที่หญิงสาวเผลอตัวมองจ้องเขา ร่างสูงนั้นก็เดินห่างออกไปจากบริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่อย่างเงียบเชียบ โดยมีสายตาของต้องรักมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไป ถึงแม้ไม่มีคำกล่าวลาระหว่างกัน แต่การที่เขาผินใบหน้ามามองเธอเล็กน้อยก่อนจะหายลับไปอีกมุมนั่นก็ทำให้เธอใจสั่นระรัวขึ้นมาเสียดื้อๆ “สงสัยเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกละมั้ง” ต้องรักเปรยกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะละทิ้งความสนใจในตัวชายหนุ่มคนเมื่อครู่แล้วเดินเข้าไปด้านในอีกครั้ง กะเอาไว้ว่าอย่างน้อยๆ ก่อนจะถึงเวลาที่ผับปิด เธอน่าจะได้เงินมาอีกสักพันสองพันก็คงจะดี เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงเท่านั้น และสองชั่วโมงที่เหลือนี้ก็เป็นช่วงเวลานาทีทองที่เหล่าพนักงานทั้งหลายตั้งตารอคอย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม