Stay Hug ที่พบรัก 8
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
(กินข้าวเที่ยงหรือยัง?)
“ยังค่ะ พอดีเพิ่งตื่น”
(อืม กินข้าวเที่ยงจะได้กินยา หรือจะให้ซื้อเข้าไปให้)
“หือ? อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวสั่งจากห้องอาหารในโรงแรม ขอบคุณนะคะคุณแทนคุณ”
(ดีแล้ว กินยาแล้วนอนพัก แค่นี้แหละ)
“...”
“อ้าว อะไรของเขา? คิดจะวางก็วาง” ฉันได้แต่บ่นตามหลังคนที่โทร. เข้ามาหา เพราะตอนนี้ไม่ค่อยรู้สึกปวดหัวแล้วแต่คิดว่ายังคงต้องกินยาอยู่เหมือนเดิม และด้วยความเหนียวตัวจึงคิดว่าควรไปอาบน้ำสักหน่อยให้พอสดชื่น เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จถึงได้ออกจากห้องพักไปยังล็อบบีเพื่อสั่งข้าวเที่ยงและนั่งกินที่โต๊ะริมลำธาร ท้องฟ้ามืดครึ้มมากเหมือนจะมีฝนตกอีก แต่อากาศเย็นสบายมากเลย มีนักท่องเที่ยวหลายคนจองชุดหมูกระทะไว้เยอะจนห้องครัวต้องวิ่งวุ่นซื้อของมาตุนเพิ่ม
“ข้าวกะเพราหมูสับได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่แก้ว”
“พี่เอายามาให้ด้วยนะคะ กินข้าวเสร็จจะได้กินยาด้วยเลย”
“ขอบคุณค่ะ วันนี้ไม่ได้มาช่วยเลย” บอกพี่แก้วอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ อีกอย่างวันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร คุณอิงพักผ่อนได้เลยนะคะ”
“งั้นถ้ามีอะไรโทร. หาหนูได้เลยนะคะพี่แก้ว”
“รับทราบค่ะ แต่พี่ไม่กวนคุณอิงหรอก ไว้หายดีแล้วค่อยเข้ามาดีกว่าเนอะ”
“ขอบคุณค่ะพี่” คล้อยหลังพี่แก้ว ฉันก็นั่งกินข้าวไปเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าเรื่องที่ป่วยฉันไม่มีทางบอกที่บ้านแน่ ๆ เพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง อีกอย่างพี่ชายฉันก็ชอบเล่นใหญ่มากด้วย ลองบอกว่าป่วยนะคงจะพร้อมใจกันทิ้งงานในมือแล้วหนีมาเฝ้าฉันแน่
ระหว่างที่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าแมวตัวเล็กที่ซุกหลบอยู่ใต้พุ่มไม้ ฉันยังไม่ได้เดินเข้าไปดูในทันทีแต่เลือกที่จะจ้องมองเจ้าตัวเล็ก และตักข้าวเข้าปากไปพลาง ๆ กระทั่งกินข้าวกินยาเสร็จก็ยังจ้องอยู่
“จ้องอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง ทำไมวันนี้คุณเจ้าของไร่ถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ใกล้ ๆ กันบ่อยจัง เขามีธุระอะไรเยอะแยะนักนะ? ชักจะสงสัยขึ้นมา
“แล้วมานั่งตากหมอกแบบนี้เดี๋ยวก็ไข้ขึ้น”
“...” ฉันไม่ตอบแต่ชี้นิ้วไปยังพุ่มดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่นั่งอยู่
“อยากเลี้ยงเหรอ?” คนมาใหม่เอ่ยถามและนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ
“ค่ะ แต่เลี้ยงไม่ได้เพราะห้องพักเล็กไปหน่อย แล้วก็แขกบางคนไม่ชอบ ไม่ก็แพ้ขน”
“อ่า ถ้างั้นก็คงต้องปล่อย...”
“ไม่อยากปล่อยเลยค่ะ” ฉันเอ่ยแทรกประโยคที่คนข้าง ๆ กำลังพูดอยู่ทันที
“แล้วจะทำยังไง” คุณแทนคุณกอดอกจ้องมองฉันอย่างพิจารณา
“ยังคิดไม่ออกค่ะ เอาไว้ก่อนดีกว่า แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่คะ?” ฉันไม่ยอมตอบสิ่งที่เขาถาม แต่เลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเขาแทน ก็วันนี้เขาเข้าออกที่นี่กี่รอบแล้วไม่รู้ทั้งที่ปกติไม่เคยเจอกันเลย
“แวะมาดู” คนตรงหน้าเอ่ยตอบราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าแวะเข้ามาดูอะไรที่โรงแรมฉันล่ะ?
“มาดู? มาดูอะไรคะ?” ฉันไม่เข้าใจเขาเลย
“มาดูคนป่วย” คุณแทนคุณตอบกลับมาสั้น ๆ และครั้งนี้ฉันถึงกับหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่กลายเป็นว่าเราต่างจ้องมองกันนิ่ง ๆ แทน เราเงียบกันอยู่นาน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
“คุณอิงให้พี่เก็บจานเลยไหมคะ?” กระทั่งเสียงพี่แก้วดังขึ้นใกล้ ๆ ฉันถึงได้รู้ตัวว่าเผลอนั่งจ้องหน้ากับคนตรงหน้าตัวเองไปนานหลายนาที
“ได้ค่ะพี่แก้ว” ฉันช่วยรวบจานบนโต๊ะส่งให้พี่แก้วนำไปเก็บ จากนั้นก็หันไปมองเจ้าแมวตัวสีดำที่ซุกตัวอยู่ใต้พุ่มไม้
“สรุปดีขึ้นหรือยัง?” คุณแทนคุณที่นั่งอยู่เอ่ยถามขึ้นมา หลังจากพี่แก้วเดินกลับไปแล้ว
“อ๋อ ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ นอนพักคืนนี้ พรุ่งนี้คงจะหายดี”
“อืม ดีแล้ว แมวตัวนั้นล่ะจะทำยังไง” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“ไม่รู้เลยค่ะ แต่ก็ไม่อยากปล่อยไว้แบบนี้น่ะ”
“ถ้าเลี้ยงไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยให้มันได้โตในธรรมชาติ...อะไร ทำไมมองแบบนั้น” คนที่กำลังพูดอยู่ชะงักเสียงไปเล็กน้อยแล้วถามออกมาอย่างสงสัยทันทีเมื่อถูกฉันจ้องมองอย่างมีความหวัง
“คุณช่วยเลี้ยงให้หน่อยได้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามดวงตาเป็นประกาย ก็ถ้าที่นี่เลี้ยงไม่ได้ แต่ฉันก็สงสารไม่อยากให้เจ้าเหมียวนั่นสู้ชีวิตตัวเดียวแบบนั้น
“ทำได้ที่ไหนกันล่ะ เลี้ยงไม่เป็นหรอก” คนตัวสูงรีบปฏิเสธอย่างตกใจ คงไม่คิดว่าฉันจะเอ่ยปากขอร้องเขาแบบนั้น
“...” แต่ก็น่าเสียใจเหมือนกันนะที่จะต้องปล่อยให้แมวตัวเล็ก ๆ ใช้ชีวิตอยู่ตัวเดียวกลางป่ากลางเขาแบบนี้น่ะ
“เฮ้อ...”
“...”
“โอเค ๆ จะช่วยดูให้ แต่ถ้าจะให้ช่วยเลี้ยง ต้องแวะไปดูมันด้วยนะ ผมเองก็ไม่ค่อยว่าง ต้องเข้าไปคุมงานในไร่ทุกวัน”
“จริงเหรอคะ?” รีบถามกลับไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งยังมองอีกฝ่ายตาโต
“ระหว่างนี้ก็หาบ้านให้มันด้วย” อ้าว นึกว่าเขาจะเลี้ยงเองซะอีก
“ก็ได้ค่ะ จะรีบหาบ้านให้น้องค่ะ” แต่ถ้าไม่มี คงได้เอาไปฝากแม่กับพ่อเลี้ยงแน่ ๆ
“ต้องทำยังไง ผมไม่เคยเลี้ยงนะ” คนเสียงดุที่วันนี้ใจดีกับฉันหลายอย่างเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวฉันพาน้องไปตรวจสุขภาพให้ค่ะ แล้วก็จะซื้อของใช้ให้น้องด้วย แค่ฝากคุณเลี้ยงอย่างเดียว”
“ถ้าไม่มีไข้แล้วก็ออกไปด้วยกันเลย เดี๋ยวค่ำมืดก่อน กว่าจะไปถึงคลินิกสัตว์”
“อ้อ ไปเลยก็ได้ค่ะ แต่ว่า ก่อนอื่นเลย เราต้องหลอกล่อน้องให้ได้ก่อนนะคะ คือฉันยังไม่ได้เจรจากับน้องเลยอะ” ฉันบอกคนตรงหน้า จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับตัวกระดึ๊บไปนั่งใกล้เจ้าแมวเด็ก แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างนอกจากน้องจะไม่กลัวแล้ว ยังวิ่งเข้าใกล้ฉันอีกต่างหาก
“คุณ! น้องไม่กลัวเลยค่ะ” ตะโกนบอก เมื่ออุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดได้สำเร็จ
“งั้นไปกันเลยไหม” คนที่นั่งอยู่บนระเบียงห้องพักเอ่ยถาม
“ค่ะ อ้อ ไม่ ๆ ฝากอุ้มน้องรอก่อนได้ไหมคะ ขอไปเอากระเป๋าสตางค์ก่อน” ฉันรีบบอกเมื่อนึกขึ้นได้ พอเห็นว่าคนตัวสูงพยักหน้าส่งให้ ฉันก็ส่งเจ้าแมวตัวเล็กไปให้อีกฝ่ายอุ้มไว้ จากนั้นก็รีบเดินกลับไปหยิบของในห้อง โดยไม่ลืมสวมหน้ากากอนามัยไว้ด้วย ป้องกันการแพร่เชื้อให้คนที่หวังดีช่วยเลี้ยงเจ้าแมวระหว่างที่ฉันหาบ้านให้