“คัท! ทำได้ดีมาก”
เสียงสั่งคัทจากผู้กำกับทำให้เทียร์รดาที่อยู่ในบทหญิงสาวผู้น่าสงสาร กำลังร่ำไห้ต่อหน้าชายหนุ่มคนรักก้มหน้าปรับอารมณ์ พลางบีบมือเข้าหากันแน่น
เธอเป่าลมร้อนผ่านริมฝีปากหลังจากพยายามเล่นให้ฉากนี้ออกมาดีที่สุด จนตอนนี้ใต้ตามันบวมแดงไปหมด ก่อนจะหันไปค้อมศีรษะขอบคุณผู้กำกับกับนักแสดงชายตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ
“อ่า ตาฉัน” เทียร์รดาบ่นอุบ เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงกับอาการปวดร้าวกระบอกตา
เธอหลับตาลงเพื่อปรับการมองเห็นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาสู้แสงใหม่อีกครั้ง ในวินาทีที่เทียร์รดากวาดสายตามองไปรอบบริเวณกองถ่าย เธอก็ปะทะเข้ากับสายตาคู่หนึ่งจนชะงักค้างไปชั่วขณะ
ใบหน้าที่สะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกเจอ..
เนิ่นนานหลายวินาทีที่ทั้งสองคนสบตากัน พลันเรียวคิ้วสวยก็ขมวดมุ่น เมื่ออีกฝ่ายจ้องมองกลับมาที่เธอเช่นกัน
“นั่นมัน..” เทียร์รดาอ้าปากค้างเล็กน้อย ตอนที่รถหรูรีบขับออกไปในทันทีที่ถูกเธอจับสังเกตได้
“ฉากเมื่อกี้แกใส่อารมณ์ได้ดีมาก ฉันอินตามจนเกือบร้องไห้แล้วนะไอ้เทียร์” ส้มจี๊ดวางมือลงบนบ่าเทียร์รดาด้วยสีหน้าปลื้มใจในการแสดง มือก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้อีกคนได้ซับน้ำตาด้วย
“คียติณณ์”
“หือ”
“เมื่อกี้ฉันเหมือนเห็นผู้ชายคนนั้น เพิ่งขับรถออกไป”
“ใครอะ”
ผู้จัดการสาวที่สวมแว่นทรงกลมมองตามสายตาของเทียร์รดา พลันขมวดคิ้วมุ่นเพราะเจ้าตัวดันเห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่ได้มีใครอยู่ตรงนั้นอย่างที่เทียร์รดาคิดเลยสักคนเดียว
“ใครวะไอ้เทียร์ แกพูดถึงใครเนี่ย” ส้มจี๊ดขยับฝีเท้าเข้ากระชิดเทียร์รดา เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นผีกลางวันแสกๆ
“ไม่ใช่ผี ฉันหมายถึงผู้ชายที่ชื่อคียติณณ์”
“คุณติณณ์”
“ใช่ เขาเพิ่งขับรถออกไปเมื่อกี้เอง”
สิ้นประโยคนั้นคุณผู้จัดการสาวก็ถึงกับเอียงคอด้วยความฉงน กวาดสายตามองหาผู้ชายที่ชื่อคียติณณ์อีกครั้ง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าตรงหน้า
“เขามาทำอะไรแถวนี้”
“แกตาฝาดหรือเปล่าเทียร์”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าฉันไม่น่าจะตาฝาดนะพี่ส้ม” เทียร์รดาตอบกลับไม่เต็มเสียง คล้ายว่าไม่มั่นใจสักเท่าไหร่
“แล้วคุณติณณ์เขาจะมาทำอะไรแถวนี้” ส้มจี๊ดว่าพลางชะเง้อหน้ามองหา
“นั่นสิ เขาจะมาทำอะไรแถวนี้.. ช่างเถอะ ไม่ใช่ธุระของฉันสักหน่อย”
“อะ..เออ แต่ฉันว่าแกไปพักก่อนดีกว่า ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว”
เทียร์รดาพยักหน้ารับ พลางสะบัดศีรษะให้เลิกคิดมากเรื่องก่อนหน้านี้ แล้วหันมาให้ความตั้งใจกับการถ่ายทำที่เหลือแทน
เธอรักการแสดง..
เทียร์รดาชอบเวลาตัวเองได้สวมบทบาทเป็นตัวละครในงานเขียน เพราะเธอพยายามหลีกหนีตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมาโดยตลอด
เพราะอดีตที่ยากจะลืมเลือน
กว่าจะเลิกกองฟ้าก็มืดเข้าให้แล้ว เทียร์รดาลอบถอนหายใจให้กับวันที่เหนื่อยล้า โคลงศีรษะลาทีมงานทุกคนด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย ฝนฟ้าก็ดันทำท่าจะตกในตอนที่ผู้จัดการเธอยังทำธุระไม่เสร็จอีก
“รถเสียเหรอ” เทียร์รดาถึงกับถอนหายใจอย่างหมดแรง หลังกวาดสายตาอ่านข้อความจากผู้จัดการส้มจี๊ดที่ส่งมาเมื่อครู่
เธอมองซ้ายมองขวาแล้วเดินไปยืนรออยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างไม่รีบร้อน พอได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างเดินไปด้วย
เทียร์รดายิ้มให้กับเหล่าช่างไฟของกองที่เดินผ่านไป ก่อนจะเอนตัวพิงรั้วด้านหลังด้วยความเมื่อยขบ
ดาวดวงใหม่อย่างเทียร์รดายังคงเฉิดฉาย แม้ไม่มีแสงแฟลชของกล้องสาดส่องมา เพียงแค่บ่อยครั้งในดวงตาคู่สวยของเธอ มักจะดูเฉยชาไร้ความรู้สึก
เพราะงั้นหลายคนถึงบอกว่าหน้าเธอดูเย่อหยิ่งเวลาไร้ซึ่งรอยยิ้ม..
“พี่ส้ม.. งั้นฉันเรียกรถกลับเองนะ” เทียร์รดากรอกเสียงลงไปตามสาย พลางกำมือทุบหน้าขาที่ปวดเมื่อยของตัวเองเบาๆ
( อืม อีกนานเลยอ่ะเทียร์กว่าจะซ่อมเสร็จ หรือให้ฉันนั่งรถไปรับแกดีมั้ย )
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ เสียเวลาหน่า”
( ดูแลตัวเองด้วย ถ้ามีอะไรรีบโทรหาฉันนะ )
“โอเค ไว้เจอกัน ส่วนค่าซ่อมทั้งหมดฉันจ่ายให้พี่เอง”
( ไม่เป็นไรเว้ยเทียร์ ลูกรักฉันเดี๋ยวฉันจัดการเอง )
“ไม่ได้หรอก ลูกรักพี่ก็เหมือนลูกฉัน จะโอนเดี๋ยวนี้แหละแล้วก็ห้ามโอนคืนเด็ดขาด” เทียร์รดายื่นคำขาด หลังได้ยินเสียงผู้จัดการดูลำบากใจ
( สมกับเป็นเทียร์รดาจริงๆ นะคะเนี่ย เอาไว้ปิดกองฉันจะเลี้ยงข้าวแกคืน แล้วถ้าแกถึงห้องก็โทรมาบอกด้วยล่ะ )
“อื้อ แค่นี้นะ”
เทียร์รดาขานรับในลำคอ ก่อนจะกดวางสายแล้วเงยหน้ามองเสียงฟ้าที่คำรามเมื่อครู่
“อ่า” ไม่ทันไรฝนเม็ดใหญ่ก็ตกเปราะแปะกระทบไหล่เธอ ก่อนห่าฝนชุดใหญ่จะเทกระจาดลงมาจนเทียร์รดาที่ยืนอยู่เปียกปอน
วินาทีที่เธอกำลังลนลานเพราะฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ทันตั้งตัว ปลายเท้าของใครบางคนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า ดึงความสนใจจากเทียร์รดาให้ชะงักค้างไปชั่วขณะ
หญิงสาวที่ถูกฝนสาดกระเซนค่อยๆ ไล่สายตาขยับขึ้นมอง ก่อนจะผงะเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าคือบุคคลที่เธอเพิ่งเห็นผ่านตาเมื่อช่วงกลางวัน
คียติณณ์..
ชายหนุ่มร่างสูงราวร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ นัยน์ตาสีเข้มกระทบกับแสงจากดวงไฟ ทำให้สติของสาวเจ้าล่องลอยไปครู่หนึ่ง
เขากำลังแบ่งร่มในมือเอนมาฝั่งเธอ จนเจ้าตัวถูกฝนสาดใส่เสียเอง หนำซ้ำสีหน้ายังเรียบเฉยจนเทียร์รดาเผลอหลุดพูดชื่ออีกฝ่ายออกมา
“คียติณณ์”
“รู้จักผมด้วยเหรอครับ”
“หือ”
พอเรียกสติกลับมาได้ เทียร์รดาก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ทำเอาชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะส่งสายตาไปที่รถหรูทางด้านหลัง
“เรื่องนั้นไว้ค่อยตอบดีกว่า ตอนนี้คุณควรขึ้นรถหลบฝนก่อน”
เทียร์รดาลอบถอนหายใจกับฟ้าฝนที่ตกหนักจนเธอเปียกปอน ก่อนรีบเดินขึ้นรถของคียติณณ์แล้วเป่าลมร้อนผ่านริมฝีปากหลังหลบเข้ามาอยู่ในรถแล้ว
สายฝนโปรยปรายอย่างหนักหน่วง จนแทบจะมองไม่เห็นถนนตรงหน้า เทียร์รดายกมือขึ้นลูบแขนจากความหนาวเย็น พลางเหลือบสายตามองชายหนุ่มที่เข้ามานั่งในรถเมื่อครู่
“ผ้าเช็ดหน้าครับ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ”
ถึงเธอจะปฏิเสธเขาไปเช่นนั้น แต่คียติณณ์ก็ถือวิสาสะยัดผ้าเช็ดหน้าผืนหอมในมือเขาใส่มือเธอไว้
เทียร์รดาค้อมศีรษะขอบคุณ พลางใช้ผ้าซับตามกรอบหน้าด้วยความรู้สึกที่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย
แปลว่าที่เธอเห็นเขาเมื่อกลางวัน ไม่ได้ตาฝาดไปอย่างแน่นอน
“แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ”
“แค่ผ่านมาน่ะครับ”
“ผ่านมาเหรอ”
คียติณณ์พยักหน้ารับแล้วเสตาไปด้านข้างครู่หนึ่ง ก่อนตีหน้านิ่งใส่คู่สนทนาที่สบตากันพอดี
เทียร์รดาถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่ออีกฝ่ายจดจ้องเธอนานกว่าปกติ ถึงขั้นที่เธอละสายตาจากเขาไปครู่เดียว คียติณณ์ก็ยังไม่ยอมวางสายตาจากเธอ
“ขอโทษที่อาจจะเสียมารยาทนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขัดจังหวะ พร้อมกับชักสีหน้าเล็กน้อย “แต่.. คุณแอบตามฉันเหรอคุณคียติณณ์”
“ผมดูเหมือนโรคจิตที่ชอบแอบตามดาราดังเหรอครับ” คียติณณ์หลุดขำ พลางเม้มริมฝีปากแล้วปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยตามเดิม
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่เมื่อกี้..” ปลายประโยคขาดห้วง ในจังหวะที่คนตรงหน้าเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ผมแค่แวะมาดูสถานที่ถ่ายทำน่ะครับ เพราะคฤหาสน์หลังนี้ผมเป็นคนปล่อยให้เช่ายืมสถานที่เอง”
“คะ คฤหาสน์หลังนี้..”
“ถ้าหากทำให้คุณเข้าใจผิด ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
เรียวคิ้วสวยกระตุกเข้าหากัน พลันใบหน้าก็ชาวาบอย่างบอกไม่ถูก หลังได้ยินประโยคเมื่อครู่หลุดออกจากปากคู่สนทนา
“เอ่อ ไม่หรอกค่ะ ฉันสิต้องขอโทษ พูดจาเสียมารยาทกับคุณแย่เลย” เทียร์รดายิ้มเจื่อน พลางส่ายหน้าปฏิเสธแล้วยกมือขึ้นทัดหูแก้เขิน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็เผลอจ้องคุณนานไปจริงๆ จนลืมไปว่าคุณอาจรู้สึกไม่ดี” คียติณณ์ยอมรับอย่างไม่ปกปิด ว่าเขาเองก็เผลอจ้องมองหญิงสาวนานเกินไปด้วยความลืมตัว
ทั้งคู่เงียบไปหนึ่งอึดใจท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายไม่หยุด แม้จะมีหลายอย่างที่คียติณณ์อยากจะพูดไป แต่ชายหนุ่มก็ดันตัดบทสนทนาด้วยการเสนอตัวไปส่งอีกฝ่ายเอง
“แต่ถ้าถ้าคุณไม่รังเกียจอะไร ให้ผมไปส่งคุณได้มั้ย”
ดวงตาคู่สวยขยับมองเหมือนไม่เชื่อใจ คียติณณ์เลยหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท ก่อนจะส่งให้เทียร์รดาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ผมลืมแนะนำตัวเลย” เขากล่าวขึ้น หลังจากส่งนามบัตรให้อีกฝ่ายได้อ่าน “ผมติณณ์นะครับ นี่นามบัตรผม”
สาวเจ้ารับไว้ตามมารยาท “เทียร์ค่ะ เทียร์รดา”
“แบบนี้ก็แปลว่าเรารู้จักกันแล้วนะครับ เผื่อเราอาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกัน”
เทียร์รดาหลบตาวูบหนึ่ง จำได้ลางๆ ว่าผู้จัดการเคยบอกเกี่ยวกับคียติณณ์ ว่าต้นตระกูลที่ผ่านมาของเขาร่ำรวยมหาศาลแค่ไหน
หากเสียมารยาทไปมากกว่านี้ คงไม่ดีต่อตัวเธอเท่าไหร่เช่นกัน
“ที่จริงฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณคียติณณ์มาบ้างแล้วล่ะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับที่ให้หลบฝนด้วย” เทียร์รดายิ้มรับพร้อมค้อมศีรษะเล็กน้อย
“ตกลงอนุญาตให้ผมไปส่งมั้ยครับ” คียติณณ์ถามย้ำอีกครั้ง พลางเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามกลับ
“แค่ให้หลบฝนแบบนี้ก็รบกวนมากแล้วล่ะค่ะ ฉันเรียกรถมารับก็ได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
“แต่ผมเห็นผู้ชายคนนั้นเดินวนอยู่แถวนี้หลายรอบแล้ว เหมือนเขาจะมารอคุณ ท่าทางไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่”
“คะ”
“ผู้ชายตรงนั้นน่ะครับ”
พูดจบประโยคคียติณณ์ก็เอี่ยวลำตัวหันไปมองด้านหลัง เทียร์รดาเลยหันมองตาม ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเธอได้เห็นชายชุดดำสวมหมวกปิดบังใบหน้า กำลังเดินกางร่มแล้วชะเง้อคอด้อมๆ มองๆ อยู่แถวกองถ่าย
เทียร์รดาชักสีหน้าหวาดกลัวทันที เพราะมีหลายครั้งที่เธอมักถูกสะกดรอยตาม รวมถึงล้ำเส้นพื้นที่ส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน..
“เมื่อกลางวันก็มานะครับ ผมให้คนเข้าไปถามแล้ว แต่ก็บอกว่าเดินผ่านมาเฉยๆ”
“งั้นเหรอคะ”
“แต่ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ ผมเลยค่อนข้างแน่ใจ ว่าเขามาดักรอคุณแน่ๆ”
“อ่า น่ากลัวชะ..” ปลายประโยคขาดห้วงในวินาทีที่ใบหน้าสวยกำลังจะหันกลับ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายหนุ่มขยับตัวพอดี
ฉับพลันเวลาก็หยุดเดินกะทันหันเมื่อเทียร์รดาได้จ้องมองคียติณณ์ใกล้ๆ สายตาของทั้งคู่สบประสานกันเนิ่นนานหลายวินาที ในระยะห่างจากใบหน้าเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น
แต่มันน่าแปลกตรงไหนรู้มั้ย..
มันแปลกตรงที่สายตาคมคายดูเหนือร้ายของอีกฝ่าย จ้องมองคล้ายว่าอยากสื่อสารบางอย่างกับเธอ แต่สุดท้ายประกายในแววตาก็ดับวูบไป เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
“ถ้างั้นก็รบกวนหน่อยนะคะ” เทียร์รดาผละใบหน้าออก แล้วหันหน้ากลับมานั่งที่ตัวเองตามเดิม
คียติณณ์พยักหน้ารับกับมุมปากที่เผยอขึ้นยิ้มเล็กๆ เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรสักคำ นอกจากขับรถออกจากตรงนี้ตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย