CHAPTER 4 : ตามหาจนได้พบเจอ

1325 คำ
บางครั้งการที่เราได้เกิดใหม่โดยไร้ซึ่งความทรงจำในชาติก่อน อาจเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ยากเกินจะรับไหว หากรู้ว่าเคยเป็นใครหรือต้องตายอย่างอนาถใจยังไง.. นาทีนี้ใบหน้าของเทียร์รดาซีดเผือด เธอสลบคาอ้อมแขนของคียติณณ์ โดยที่ยังไม่ทันได้ซักไซ้ไถ่ถามอะไรสักคำเดียว เขาเลยถือวิสาสะอุ้มหญิงสาวขึ้นมานอนบนเตียง นั่งเฝ้าเธอไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้ว่าเวลาจะผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม “เหนื่อยมามากใช่มั้ย..” คียติณณ์เอ่ยเสียงค่อย ขณะที่วางสายตาไว้ที่เทียร์รดา ในแววตาคมคายดูหม่นหมอง แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า กลับมีรอยยิ้มบางเบาผุดขึ้นบนมุมปากเขาอย่างลืมตัว ภาพลักษณ์ภายนอกเทียร์รดาอาจดูตรงกันข้ามกับบทนางเอกที่ได้รับ แต่คียติณณ์กลับมองเห็นบางอย่างในดวงตาคู่นั้น การแสดงออกที่เป็นเพียงกลไกการป้องกันตัว.. คียติณณ์ดูเหม่อลอยคล้ายว่าตกลงไปอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนร่างบางบนเตียงจะหายใจเฮือกแล้วเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ วินาทีที่เทียร์รดาเห็นเพดานห้องนอน เจ้าตัวก็ลุกพรวดพราดจนคียติณณ์พลอยตกใจตามไปด้วย “เมื่อกี้..” ดวงตาคู่สวยหลุกหลิกไปมา คล้ายกับคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “แค่ไฟตก ไม่มีอะไรหรอกครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกอย่างใจเย็น พลันเลิกคิ้วขึ้นเพราะเหมือนเทียร์รดาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีเขาอยู่ตรงนี้ “ผู้หญิงคนนั้น อ่า ผู้หญิงที่แขวนคอคนนั้นทำไมถึง..” “คุณเทียร์” “นี่มันเรื่องบะ..” จังหวะที่เธอหันมาแล้วเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างเตียง สาวเจ้าก็ถึงกับหอบหายใจเฮือกจนเกือบผงะไปด้านหลัง แต่โชคดีที่มือหนาคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน ส่งผลให้ร่างบางเซถลาเข้ามาชนอกแกร่งอย่างจัง “หายใจเข้าลึกๆ ไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายแล้วนะคุณ..” โทนเสียงโอนอ่อนปลอบประโลมคนที่เพิ่งจะตื่นตระหนกให้ใจเย็นลง คนในอ้อมแขนที่นิ่งงันไปชั่วขณะ เมื่อเผลอเงยหน้าขึ้นแล้วสบสายตากับชายหนุ่มเข้า “มีอะไรอยากจะถามผมหรือเปล่า" คียติณณ์ถามขึ้น หลังจากที่สาวเจ้าเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่หยุด “เอ่อ” พอได้สติเทียร์รดาก็ผละชายหนุ่มออก พลางยกมือขึ้นเสยผมแล้วหลุบตาเก็บอาการเก้อเขินเมื่อครู่ คียติณณ์ระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะเสตาไปด้านข้างครู่หนึ่ง “งั้นผมขอถามอะไรสักอย่างนึงได้ไหมครับ..” น้ำเสียงจริงจังของคู่สนทนา ทำให้เทียร์รดาเงยหน้าขึ้นมอง พลันเลิกคิ้วใส่หลังได้เห็นว่าสีหน้าของเขาไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด “คุณเคย.. ฝันถึงอะไรแปลกๆ บ้างมั้ย” “ฝันเหรอคะ” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มรับแทนคำตอบ พอได้เห็นว่าเทียร์รดากำลังดูสับสน เขาก็นั่งนิ่งปิดปากเงียบไปโดยปริยาย หากทว่าวินาทีต่อมาเทียร์รดากลับช้อนสายตามองเขา คล้ายว่าไม่ไว้ใจขึ้นมา หนำซ้ำยังขยับตัวหนีราวกับว่าอีกคนจะทำมิดีมิร้ายเธอยังไงยังงั้น “ทำไมถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้น มันทำให้รู้สึกไม่ดีเลยนะครับ” คียติณณ์ว่าพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย แววตาหม่นลงที่ได้เห็นท่าทางของเธอ ก่อนจะคลี่รอยยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกเมื่อครู่ “ฉันขอ..” “เอาเถอะครับ ถ้าคุณรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมจะได้ขอตัวกลับ อยู่นานกว่านี้คงไม่ดีเท่าไหร่.. ยังไงก็ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจตอบตัดบทด้วยรอยยิ้ม ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้เห็นรูปร่างที่ดูดีได้สัดส่วนราวกับนายแบบ จนเทียร์รดาเผลอมองทุกอิริยาบถของอีกฝ่ายอย่างลืมตัว แน่นอนว่าเธอไม่ไว้ใจผู้ชายตรงหน้า ทว่าสายตาของคียติณณ์ดูผิดหวังเล็กน้อยที่เธอตั้งแง่ใส่เขา “เดี๋ยวก่อนค่ะ” เทียร์รดาเอ่ยปากเรียกรั้งอีกฝ่ายที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไป ไม่รู้ทำไมเธอถึงพลั้งปากรั้งเขาไว้แบบนั้น.. “ครับ” เขาหันกลับมามองเธอ พลางเลิกคิ้วเชิงถามกลับ แต่อีกคนดันนิ่งเงียบแล้วหลบตามองไปทางอื่นแทน “ไม่ต้องห่วง เราจะได้พบกันอีกแน่นอนครับ” “คะ” “แล้วมาเจอกันอีกนะครับ.. คุณเทียร์” เทียร์รดาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะมองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากห้องไป เมื่อเสียงปิดประตูห้องดังขึ้น หัวใจของหญิงสาวก็เหมือนจะหล่นวูบตามไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก เธอยกมือขึ้นทาบอกข้างซ้ายที่เต้นล้ำไม่เป็นส่ำ ยามหลับตาภาพใบหน้าของผู้ชายที่ชื่อคียติณณ์ก็ปรากฏขึ้นมากวนใจ ไม่เพียงเท่านั้นเทียร์รดายังนึกถึงภาพเงาของหญิงสาวบนผนังห้อง พอได้นั่งทบทวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วไม่ได้คำตอบของความสงสัย เทียร์รดาก็ถึงกับครางฮือด้วยความหงุดหงิดตัวเอง “อ่า นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย” บ้านธานิตวรารีย์ “ออกกำลังกายแต่เช้าเลยนะคะพี่ติณณ์” เสียงหวานดังแว่วมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มที่เพิ่งจะออกกำลังกายในช่วงเช้าเสร็จ ถอดหูฟังออกพร้อมกับหันไปคลี่รอยยิ้มให้น้องสาวตน “ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอเฌอ” คียติณณ์โปรยยิ้มหวาน มองสาวน้อยในวันวานที่ตอนนี้สวมชุดนักศึกษาปีหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหา ติณณ์หรือคียติณณ์ในวัยยี่สิบเจ็ดปี ว่าที่ประธานเก้าอี้บริหารเหลียนฮวากรุ๊ปคนใหม่ ดีกรีนักศึกษาจบนอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่ตอนนี้ตกเป็นขี้ปากคนอื่นเรื่องยังไม่ยอมคบใคร ตลอดระยะเวลาร่วมสามสิบปี เขาเฝ้ารอใครบางคนมาตลอด.. “เฌอมีเรียนเก้าโมงค่ะ ขอบคุณนะคะที่เมื่อคืนกลับมาติวให้เฌอด้วย” เฌอชายิ้มกว้างจนดวงตาหยีเป็นสระอิ ก่อนจะเข้าไปควงแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน “ก็มีพี่น้องสาวคนเดียวนี่” คียติณณ์ว่าพลางยีหัวเธอเบาๆ “แสนดีแบบนี้ทำไมยังไม่มีสาวสักคนมาดามใจสักทีคะเนี่ย” เฌอชาว่าแล้วยู่ปากอย่างครุ่นคิด เธอยังไม่เคยเห็นคียติณณ์ควงสาวมาแนะนำให้พ่อกับเธอรู้จักเลยสักครั้ง จนอายุปาเข้าไปจะเลขสามอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่คิดเรื่องแต่งงานหรือเปรยว่าคบหากับใครสักคนให้ฟังเลย “ทำไม เราจะหาแฟนให้พี่เหรอ” เขาถามกลับแบบไม่จริงจัง “เฌอก็คิดว่ามีคนที่เหมาะสมกับพี่อยู่นะคะ” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังฉีกยิ้มกรุ้มกริ่มแฝงจุดประสงค์ “พี่มาริตาไง” “ตัวแสบ” คียติณณ์ดันหน้าผากอีกฝ่ายออกเบาๆ "มาริเป็นเพื่อนพี่" “อ่า ไม่รู้ด้วยแล้ว พี่มารินิสัยดี หน้าตาก็น่ารัก..” คียติณณ์ลอบถอนหายใจ สายตาชัดเจนในคำตอบว่ามาริตาเป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น “เฌอไม่เข้าใจพี่ติณณ์เลยจริงๆ ทำไมถึงไม่ยอมมีแฟนสักที สามสิบเมื่อไหร่รับรองได้ขนลุกซู่แน่” “เหอะ” “เฌอให้พี่เลือกผู้หญิงเองก็ได้ แต่ว่า.. ถ้าเจอพี่สะใภ้แล้ว ต้องรีบแนะนำให้เฌอรู้จักด้วยนะคะ” คียติณณ์ไม่ตอบแต่ยิ้มกริ่มแล้วยักคิ้วใส่ ราวกับว่ามีพี่สะใภ้ในใจเตรียมไว้ให้น้องสาวแล้วเรียบร้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม