บางครั้งการที่เราได้เกิดใหม่โดยไร้ซึ่งความทรงจำในชาติก่อน อาจเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ยากเกินจะรับไหว
หากรู้ว่าเคยเป็นใครหรือต้องตายอย่างอนาถใจยังไง..
นาทีนี้ใบหน้าของเทียร์รดาซีดเผือด เธอสลบคาอ้อมแขนของคียติณณ์ โดยที่ยังไม่ทันได้ซักไซ้ไถ่ถามอะไรสักคำเดียว
เขาเลยถือวิสาสะอุ้มหญิงสาวขึ้นมานอนบนเตียง นั่งเฝ้าเธอไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้ว่าเวลาจะผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม
“เหนื่อยมามากใช่มั้ย..” คียติณณ์เอ่ยเสียงค่อย ขณะที่วางสายตาไว้ที่เทียร์รดา
ในแววตาคมคายดูหม่นหมอง แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า กลับมีรอยยิ้มบางเบาผุดขึ้นบนมุมปากเขาอย่างลืมตัว
ภาพลักษณ์ภายนอกเทียร์รดาอาจดูตรงกันข้ามกับบทนางเอกที่ได้รับ แต่คียติณณ์กลับมองเห็นบางอย่างในดวงตาคู่นั้น
การแสดงออกที่เป็นเพียงกลไกการป้องกันตัว..
คียติณณ์ดูเหม่อลอยคล้ายว่าตกลงไปอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนร่างบางบนเตียงจะหายใจเฮือกแล้วเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ
วินาทีที่เทียร์รดาเห็นเพดานห้องนอน เจ้าตัวก็ลุกพรวดพราดจนคียติณณ์พลอยตกใจตามไปด้วย
“เมื่อกี้..” ดวงตาคู่สวยหลุกหลิกไปมา คล้ายกับคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“แค่ไฟตก ไม่มีอะไรหรอกครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกอย่างใจเย็น พลันเลิกคิ้วขึ้นเพราะเหมือนเทียร์รดาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีเขาอยู่ตรงนี้
“ผู้หญิงคนนั้น อ่า ผู้หญิงที่แขวนคอคนนั้นทำไมถึง..”
“คุณเทียร์”
“นี่มันเรื่องบะ..”
จังหวะที่เธอหันมาแล้วเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างเตียง สาวเจ้าก็ถึงกับหอบหายใจเฮือกจนเกือบผงะไปด้านหลัง แต่โชคดีที่มือหนาคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน ส่งผลให้ร่างบางเซถลาเข้ามาชนอกแกร่งอย่างจัง
“หายใจเข้าลึกๆ ไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายแล้วนะคุณ..” โทนเสียงโอนอ่อนปลอบประโลมคนที่เพิ่งจะตื่นตระหนกให้ใจเย็นลง
คนในอ้อมแขนที่นิ่งงันไปชั่วขณะ เมื่อเผลอเงยหน้าขึ้นแล้วสบสายตากับชายหนุ่มเข้า
“มีอะไรอยากจะถามผมหรือเปล่า" คียติณณ์ถามขึ้น หลังจากที่สาวเจ้าเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่หยุด
“เอ่อ” พอได้สติเทียร์รดาก็ผละชายหนุ่มออก พลางยกมือขึ้นเสยผมแล้วหลุบตาเก็บอาการเก้อเขินเมื่อครู่
คียติณณ์ระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะเสตาไปด้านข้างครู่หนึ่ง
“งั้นผมขอถามอะไรสักอย่างนึงได้ไหมครับ..”
น้ำเสียงจริงจังของคู่สนทนา ทำให้เทียร์รดาเงยหน้าขึ้นมอง พลันเลิกคิ้วใส่หลังได้เห็นว่าสีหน้าของเขาไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด
“คุณเคย.. ฝันถึงอะไรแปลกๆ บ้างมั้ย”
“ฝันเหรอคะ”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มรับแทนคำตอบ พอได้เห็นว่าเทียร์รดากำลังดูสับสน เขาก็นั่งนิ่งปิดปากเงียบไปโดยปริยาย
หากทว่าวินาทีต่อมาเทียร์รดากลับช้อนสายตามองเขา คล้ายว่าไม่ไว้ใจขึ้นมา หนำซ้ำยังขยับตัวหนีราวกับว่าอีกคนจะทำมิดีมิร้ายเธอยังไงยังงั้น
“ทำไมถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้น มันทำให้รู้สึกไม่ดีเลยนะครับ” คียติณณ์ว่าพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย แววตาหม่นลงที่ได้เห็นท่าทางของเธอ ก่อนจะคลี่รอยยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกเมื่อครู่
“ฉันขอ..”
“เอาเถอะครับ ถ้าคุณรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมจะได้ขอตัวกลับ อยู่นานกว่านี้คงไม่ดีเท่าไหร่.. ยังไงก็ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”
ชายหนุ่มตัดสินใจตอบตัดบทด้วยรอยยิ้ม ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้เห็นรูปร่างที่ดูดีได้สัดส่วนราวกับนายแบบ จนเทียร์รดาเผลอมองทุกอิริยาบถของอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
แน่นอนว่าเธอไม่ไว้ใจผู้ชายตรงหน้า ทว่าสายตาของคียติณณ์ดูผิดหวังเล็กน้อยที่เธอตั้งแง่ใส่เขา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” เทียร์รดาเอ่ยปากเรียกรั้งอีกฝ่ายที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไป
ไม่รู้ทำไมเธอถึงพลั้งปากรั้งเขาไว้แบบนั้น..
“ครับ” เขาหันกลับมามองเธอ พลางเลิกคิ้วเชิงถามกลับ แต่อีกคนดันนิ่งเงียบแล้วหลบตามองไปทางอื่นแทน
“ไม่ต้องห่วง เราจะได้พบกันอีกแน่นอนครับ”
“คะ”
“แล้วมาเจอกันอีกนะครับ.. คุณเทียร์”
เทียร์รดาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะมองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากห้องไป
เมื่อเสียงปิดประตูห้องดังขึ้น หัวใจของหญิงสาวก็เหมือนจะหล่นวูบตามไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก
เธอยกมือขึ้นทาบอกข้างซ้ายที่เต้นล้ำไม่เป็นส่ำ ยามหลับตาภาพใบหน้าของผู้ชายที่ชื่อคียติณณ์ก็ปรากฏขึ้นมากวนใจ
ไม่เพียงเท่านั้นเทียร์รดายังนึกถึงภาพเงาของหญิงสาวบนผนังห้อง พอได้นั่งทบทวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วไม่ได้คำตอบของความสงสัย เทียร์รดาก็ถึงกับครางฮือด้วยความหงุดหงิดตัวเอง
“อ่า นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”
บ้านธานิตวรารีย์
“ออกกำลังกายแต่เช้าเลยนะคะพี่ติณณ์”
เสียงหวานดังแว่วมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มที่เพิ่งจะออกกำลังกายในช่วงเช้าเสร็จ ถอดหูฟังออกพร้อมกับหันไปคลี่รอยยิ้มให้น้องสาวตน
“ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอเฌอ” คียติณณ์โปรยยิ้มหวาน มองสาวน้อยในวันวานที่ตอนนี้สวมชุดนักศึกษาปีหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหา
ติณณ์หรือคียติณณ์ในวัยยี่สิบเจ็ดปี ว่าที่ประธานเก้าอี้บริหารเหลียนฮวากรุ๊ปคนใหม่ ดีกรีนักศึกษาจบนอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่ตอนนี้ตกเป็นขี้ปากคนอื่นเรื่องยังไม่ยอมคบใคร
ตลอดระยะเวลาร่วมสามสิบปี เขาเฝ้ารอใครบางคนมาตลอด..
“เฌอมีเรียนเก้าโมงค่ะ ขอบคุณนะคะที่เมื่อคืนกลับมาติวให้เฌอด้วย” เฌอชายิ้มกว้างจนดวงตาหยีเป็นสระอิ ก่อนจะเข้าไปควงแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน
“ก็มีพี่น้องสาวคนเดียวนี่” คียติณณ์ว่าพลางยีหัวเธอเบาๆ
“แสนดีแบบนี้ทำไมยังไม่มีสาวสักคนมาดามใจสักทีคะเนี่ย” เฌอชาว่าแล้วยู่ปากอย่างครุ่นคิด
เธอยังไม่เคยเห็นคียติณณ์ควงสาวมาแนะนำให้พ่อกับเธอรู้จักเลยสักครั้ง จนอายุปาเข้าไปจะเลขสามอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่คิดเรื่องแต่งงานหรือเปรยว่าคบหากับใครสักคนให้ฟังเลย
“ทำไม เราจะหาแฟนให้พี่เหรอ” เขาถามกลับแบบไม่จริงจัง
“เฌอก็คิดว่ามีคนที่เหมาะสมกับพี่อยู่นะคะ” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังฉีกยิ้มกรุ้มกริ่มแฝงจุดประสงค์ “พี่มาริตาไง”
“ตัวแสบ” คียติณณ์ดันหน้าผากอีกฝ่ายออกเบาๆ "มาริเป็นเพื่อนพี่"
“อ่า ไม่รู้ด้วยแล้ว พี่มารินิสัยดี หน้าตาก็น่ารัก..”
คียติณณ์ลอบถอนหายใจ สายตาชัดเจนในคำตอบว่ามาริตาเป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น
“เฌอไม่เข้าใจพี่ติณณ์เลยจริงๆ ทำไมถึงไม่ยอมมีแฟนสักที สามสิบเมื่อไหร่รับรองได้ขนลุกซู่แน่”
“เหอะ”
“เฌอให้พี่เลือกผู้หญิงเองก็ได้ แต่ว่า.. ถ้าเจอพี่สะใภ้แล้ว ต้องรีบแนะนำให้เฌอรู้จักด้วยนะคะ”
คียติณณ์ไม่ตอบแต่ยิ้มกริ่มแล้วยักคิ้วใส่ ราวกับว่ามีพี่สะใภ้ในใจเตรียมไว้ให้น้องสาวแล้วเรียบร้อย