ทันทีที่ในห้องเหลือแค่คีย์ติณณ์กับเทียร์รดา บทสนทนาก็นิ่งเงียบไปโดยปริยาย ยามใบหน้าหญิงสาวไร้ซึ่งรอยยิ้มดูเย่อหยิ่งจนไม่น่าเข้าหา
ทว่า..
“คุณกำลังรู้สึกผิดที่ตบเธอคืนเหรอ”
“คะ”
คียติณณ์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเธอ
“บางทีการใช้กำลังก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่เห็นผลเร็วที่สุดนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ
เทียร์รดาที่มีความวิตกกังวลอยู่เต็มใบหน้า ค่อยๆ คลี่รอยยิ้มมุมปากพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดที่ตอบโต้ไปแบบนั้น"
"งั้นเหรอครับ"
ใบหน้าของคียติณณ์ออกแนวผู้ชายอบอุ่นที่มีแววตาอ่อนโยน หากแต่บางครั้งก็แฝงความดุดันยามปรายหางตามอง
ช่างเป็นผู้ชายหลากหลายมิติซะจริง..
“ไม่ว่าเรื่องที่เธอกล่าวหาจะจริงหรือไม่จริง เธอก็ไม่ควรทำแบบนี้กับคุณต่อหน้าคนอื่น” คียติณณ์พูดต่อในน้ำเสียงที่ทำให้อีกคนสัมผัสได้ว่าเขาจริงใจ
“ถ้าฉันเป็นเมียน้อยของคนอื่น ฉันคงรู้สึกอับอายที่สุดในชีวิตตัวเองแล้วล่ะค่ะ หากมันเป็นเรื่องจริงอย่างที่เธอพูด.. ฉันก็คงไม่กล้าทำแบบนั้นลงไป”
พูดจบเทียร์รดาก็ก้มหน้าบีบมือเข้าหากันแน่น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดวิตกอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องจริง.. ฉันก็จะไม่รู้สึกแย่กับมัน” เธอโพล่งขึ้นคล้ายว่าทะเลาะกับตัวเองในหัวเสร็จ ก่อนแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจสั่นประหม่าไม่ไหวแล้ว
คียติณณ์ที่ได้เห็นสีหน้าฝืนยิ้มของเธอถึงกับหุบยิ้มลง ก่อนจะเปรยสายตาขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าเขานิ่งๆ
“การยอมรับว่าเรารู้สึกยังไง ไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“ยอมรับ..”
“การต้องแสร้งทำเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอะไร มีแต่จะทำให้ความอ่อนแอกัดกินคุณเรื่อยๆ สุดท้าย.. ก็จะมีแค่คุณที่เจ็บปวด”
ประโยคคำพูดที่ดึงสติหญิงสาว ทำให้เธอหยุดชะงักงัน พลันมุ่นคิ้วเข้าหากันกับสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมา
การรู้สึกคุ้นเคยกับคนแปลกหน้ามันเป็นปกติหรือเปล่า..
เทียร์รดาได้แต่กักเก็บความสงสัยไว้ภายใต้ริมฝีปาก ยามจดจ้องมองนัยน์ตาสีดำขลับของเขา เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ
ความรู้สึกที่ราวกับว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน ทั้งที่คียติณณ์เป็นเพียงคนแปลกหน้าในเวลานี้
สัมผัสถึงกลิ่นอายยามเช้าเหมือนผล็อยหลับในอ้อมแขน แล้วตื่นมาได้เห็นดวงตาคู่นี้ทุกวัน ทั้งที่ไม่รู้จักเขาดีเลยด้วยซ้ำ
หรือบางทีความทรงจำซ่อนเร้นบางอย่างก็เข้าใจได้ยากเหมือนกัน..
“คุณติณณ์”
“ครับ”
“มันอาจจะช้าไปสำหรับคุณ.. แต่ขอบคุณสำหรับเรื่องวันนั้นนะคะ”
สิ้นประโยคนั้นเทียร์รดาก็ระบายยิ้มบางๆ พลางค้อมศีรษะแทนคำขอบคุณอีกครั้ง
“คุณอุตส่าห์แบกฉันขึ้นเตียง แล้วยังนั่งเฝ้าอีก แต่ฉันกลับตั้งแง่กับคุณในทางที่ไม่ดีไปแล้ว” เธอพูดต่อด้วยความรู้สึกผิด พลางระบายลมหายใจเบาๆ
ในคืนนั้นคียติณณ์ไม่ได้ล่วงเกินหรือทำเรื่องที่ไม่ดีเลยแม้แต่นิดเดียว มีแค่ตัวเธอเองที่ตั้งแง่กับเขาในทางที่ไม่ดีตั้งแต่แรก
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” เขายิ้มรับอย่างผ่อนคลายแกมหัวเราะเบาๆ “ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“วันนี้คุณเองก็กลับมาดูสถานที่ถ่ายทำเหรอ” เทียร์รดาถามกลับเพราะไม่อยากให้บรรยากาศเงียบเชียบเกินไป
ยังไงเขาก็เป็นคนช่วยเธอไว้ถึงสองครั้งสองครา..
“อ่า ครับ” ชายหนุ่มขานรับพร้อมกับหลบตาวูบหนึ่ง “แค่ผ่านมา..”
“ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เสียงหวานกล่าวขอบคุณจากใจจริง “ที่วันนี้คุณช่วยฉันจากนักข่าวไว้”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขยับสายตาขึ้นมองคนตรงหน้า แววตาทอประกายวาววับจนเทียร์รดาเผลอจ้องเขากลับอย่างลืมตัว
“แก้มคุณยังเจ็บอยู่มั้ย..”
เนิ่นนานหลายวินาทีที่ทั้งคู่สบตากัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มืออุ่นของคียติณณ์แตะข้างแก้มขาว พร้อมโปรยรอยยิ้มหวานบางๆ บนมุมปากสวย
ทำไมถึงรู้สึกดีที่เขาอยู่ตรงนี้กัน..
อกข้างซ้ายของหญิงสาวเต้นล่ำไม่เป็นส่ำ กลอกตาไปมาด้วยความที่ทำตัวไม่ถูก ก่อนจะปัดมือเขาเบาๆ แล้วผละใบหน้าออกห่าง
“เทียร์”
“คุณโช”
ทั้งสองคนหันกลับไปมองต้นตอของเสียงพร้อมกัน พลันในแววตาของคียติณณ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ เมื่อได้เห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เทียร์รดาต้องเจ็บตัว
ประธานโชที่เดินเข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงปรายหางตามองคียติณณ์ ก่อนจะหันไปคลี่รอยยิ้มให้เทียร์รดา ราวกับมองอีกคนเป็นฝุ่นละอองที่เกะกะลูกตาเท่านั้น
“ขอโทษที่ผมมาช้า พอดีติดประชุมด่วนน่ะครับ ไม่คิดว่าจะมีปัญหานี้เกิดขึ้นด้วย”
“คุณได้คุยกับเธอหรือยังคะ ฉันว่าคุณควรจัดการคนของคุณมากกว่า”
เทียร์รดายิ้มรับแต่แววตาแข็งกร้าว ทำให้คู่สนทนาหน้าเจื่อนไปครู่หนึ่ง เพราะเจ้าตัวดันรีบตรงมาหาเทียร์รดาก่อนเคลียร์กับคู่หมั้นของตน
“แปลว่าคุณยังไม่ได้คุยกับเธอเหรอ” หญิงสาวเลิกคิ้วถามแล้วแค่นเสียงในลำคอ
“ผมขอคุยกับเทียร์ตามลำพังได้ไหมครับ” ประธานโชเอ่ยพร้อมกับหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนหน้าตึงตั้งแต่เมื่อครู่
“ไม่ได้ครับ” คียติณณ์ตอบกลับทันควัน ทำเอาอีกคนถึงกับแสยะยิ้ม ยกนิ้วขึ้นลูบหว่างคิ้วด้วยความไม่พอใจ
หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่ ลอบถอนหายใจเบาๆ กับสถานการณ์ที่อึดอัดไม่น้อย
“ผมได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วมาไตร่ตรองดู.. การปล่อยคุณอยู่กับเธอสองคนคงไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไหร่”
สิ้นประโยคนั้นเทียร์รดาที่ได้ฟังก็ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ เธอค่อยๆ ขยับสายตามองคียติณณ์ พลันรอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนมุมปาก
“อีกอย่างคุณก็น่าจะรู้ว่ากำลังตกเป็นประเด็นข่าวฉาว ทำไมถึงไม่ปกป้องเธอหน่อยเหรอครับ” คียติณณ์ออกตัวเสียงแข็ง คล้ายว่าไม่สบอารมณ์อย่างหนักที่ประธานโชมาหาเทียร์รดา แทนที่จะเคลียร์ปัญหากับผู้หญิงของตัวเองให้เรียบร้อย
“มันไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมจะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีของผมเอง”
“งั้นก็ดีครับ แต่คนแรกที่คุณควรจัดการก็คือผู้หญิงของคุณ อย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้เลย”
“คุณเป็นอะไรกับเทียร์เหรอ ทำไมถึงออกตัวแรงขนาดนี้”
เทียร์รดาหันขวับมองประธานโช ที่ดูก็รู้แล้วว่ากำลังใช้น้ำเสียงยั่วโมโหหาเรื่องกัน แต่พอเธอเอ่ยปากจะแทรกจังหวะสนทนา คนที่ถูกประธานโชต่อว่าก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ลดละเช่นกัน
“ผมเป็นแค่คนที่อยากให้เธอมีความสุข..”
“หะ”
“ผมแค่อยากให้เธอพบเจอแต่ความสุข.. ไม่ต้องคอยลบล้างข่าวลือแย่ๆ ในตอนที่อีกฝ่ายลอยตัวเพราะเป็นเจ้าของบริษัท”
ใช่ แค่ขอให้เธอมีความสุขในทุกวัน
ได้ยินแล้วก็อาจดูหวานเลี่ยนหูคนฟัง แต่สำหรับคียติณณ์เขารู้สึกแบบนั้นอย่างแท้จริง ไม่มีการประดิษฐ์คำพูดหรือเสแสร้งในความรู้สึก
ในชาตินี้.. ขอแค่ให้เธอมีความสุขก็พอ