หลังจากอุบัติเหตุสุดอลเวงบนรถเมล์ ทั้งคู่ก็ขอพากันลงระหว่างทาง และขึ้นแท็กซี่วนกลับมาที่ห้างสรรพสินค้า ที่ใช้จอดรถแทน และทันทีที่ถึง พอใจก็รีบวิ่งแจ้นนำเข้าห้องน้ำ
"โอ้ย...ทำไมหน้าแดงแบบนี้เนี่ย" เด็กสาวยืนบ่นกับตัวเองหน้ากระจก นึกถึงภาพที่ตัวเองฝังหน้าลงไปที่หน้าอกคุณหมอ จำความรู้สึกนุ่มนิ่มที่กระแทกหน้าตัวเองได้ดี แถมกอดกันกลมอีก น่าอายชะมัด ยิ่งคิดใบหน้าก็ยิ่งเห่อแดงไปอีกจนต้องยกมือขึ้นถูแก้มตัวเอง
"ไม่สบายหรือเปล่า" เสียงคุณหมอเอ่ยทักหลังจากเดินออกจากห้องน้ำมาเจอพอใจที่เอาแต่ถูหน้าตัวเองไปมา
"ปะ เปล่า"
"แต่หน้าแดงแบบนี้ เป็นไข้หรือเปล่าคะ" วางมือลงบนหน้าผากเด็กสาวทันที ด้วยสัญชาตญาณความเป็นหมอ ยิ่งทำให้อาการของพอใจไม่ได้ดีขึ้นเลย หน้าแดงเป็นลูกตำลึง แถมยังยืนนิ่งตาเบิกโพลงกับสิ่งที่คุณหมอทำ
"ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา"
"ม่ะ ไม่เป็นไร อยากกลับบ้านแล้ว" ขยับตัว เบี่ยงหนีมือคุณหมอ
"งั้นกลับเลยก็ได้ค่ะ แล้วค่อยสั่งอาหารไปทานด้วยกัน" ที่จริงคุณหมอตั้งใจจะพาเด็กสาวทานข้าวด้วยกันในห้างสรรพสินค้า แต่พอใจดันอยากกลับบ้านจึงไม่อยากบังคับ
"อื้อ" ได้แต่พยักหน้าให้อย่างโล่งใจ
เมื่อถึงที่พัก พอใจก็แยกตัวเข้าห้องเพื่อเก็บของและอาบน้ำตามที่คุณหมอสั่ง
"เท้าเป็นอะไร" ออกจากห้องมาก็เห็นคุณหมอนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่บนโซฟาหน้าทีวี
"สงสัยตอนที่อยู่บนรถเมล์ ถูกเหยียบเท้าค่ะ" ถูกเหยียบเท้าอย่างนั้นเหรอ คนเด็กกว่าตาโต นึกถึงเหตุการณ์บนรถ ตอนที่เซถลาเข้าหาคุณหมอ จำได้ว่าเหยียบบางอย่าง นั่นคงเป็นเท้าของหล่อนแน่นอน
"ทำให้ก็ได้ อยากช่วย" เดินเข้าหา นั่งลงที่พื้นและแย่งอุปกรณ์ที่มือมาถือไว้
"เป็นหมอจริงป่ะเนี่ย ทำไมเหมือนทำไม่เป็น" พูดไปก็จับเท้าคุณหมอด้วยอย่างเบามือ สังเกตเห็นที่ข้อนิ้วเท้าของหล่อน มันดูถลอกจนเป็นแผล
"ทำเป็นค่ะ แต่ไม่ถนัด อุ้ย! " อุทานออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่พื้นเอาเท้าวางไว้บนตักตัวเอง จนต้องชักเท้ากลับแต่พอใจดันจับไว้แน่นอย่างไม่ยอมเช่นกัน
"ไม่เป็นไรค่ะ มันสกปรก" หล่อนดูเกรงใจ
"ไม่สกปรกหรอก อาบน้ำแล้วไม่ใช่เหรอ" เห็นว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้าน แถมที่ผมยังมีผ้าขนหนูพันอยู่ สงสัยหล่อนเพิ่งจะสระผม
"เท้าหมอขาวจัง" ภายในห้องมีแต่ความเงียบ ขาก็ขาว ไม่สิ ขาวไปทั้งตัวนั่นแหละ โดยเฉพาะขาอ่อน ประโยคพวกนี้ เพียงคิดในใจ หล่อนใส่กางเกงผ้าขาสั้นย้วยๆ สีดำ ดูขับกับผิว แถมเสื้อยืดตัวโตที่ใส่ก็สภาพเก่า มันช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์คุณหมอตอนอยู่นอกบ้าน หมดกัน แต่ตอนนี้ต้องโฟกัส ที่การแปะพลาสเตอร์ยาแทนการคิดเรื่องคนตรงหน้า
"เสร็จแล้ว" ยกเท้าคุณหมอออกจากตัก
"ขอบคุณค่ะ หมอสั่งอาหารแล้วนะคะ พอใจน่าจะชอบ"
"จริงๆ ทำอาหารกินเองก็ได้นะหมอ เห็นว่ามีครัวด้วย" เด็กสาวยังคงนั่งเจื้อยแจ้วอยู่ที่พื้น
"ถ้าพอใจอยากทำก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังเลิกงานจะซื้อของสดมาเตรียมไว้ให้" เพราะตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็ไม่เคยเข้าครัวทำอาหารจริงจังสักครั้ง อย่างมากสุดก็แค่อุ่นอาหาร และล้างจาน
"ได้สิ แต่ว่าทำไม่เป็นหรอกนะ" ยิ้มแป้นบอกออกไป
"อ้าว นึกว่าทำเป็น"
"ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น อันนี้ทำเป็น อ้อ... หุงข้าวก็ทำได้ ส่วนกับข้าวอื่นหมอก็ทำสิ"
"งั้นซื้อเอาสะดวกกว่าค่ะ เพราะหมอไม่มีเวลาทำให้"
"นั่นสิ เป็นหมอก็คงไม่ค่อยมีเวลาว่างสินะ" พอใจพูดกับตัวเอง
"งั้นถ้าวันไหนเวรเช้า จะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยแล้วกันค่ะ ส่วนอาหารก็เดี๋ยวจะหิ้วมาจากโรงพยาบาล" ปกติหลังเลิกงาน คุณหมอจะรับประทานอาหารจากโรงพยาบาลหรือนอกบ้านให้เรียบร้อย แล้วจึงกลับบ้านเพื่อพักผ่อน แต่หากมีสมาชิกเพิ่มมาอยู่ร่วมชายคา คงต้องปรับนาฬิกาชีวิตตัวเองเสียใหม่
"ไม่เป็นไร หมอไม่ต้องห่วงหรอก ไม่อยากให้เป็นภาระ" พูดออกมาในสิ่งที่ตนเองคิด เพราะเห็นใบหน้าครุ่นคิดของคุณหมอแล้วก็เริ่มเป็นกังวล กลัวจะทำให้คนตรงหน้าลำบากใจ
"อาหารที่โรงพยาบาล อร่อยและราคาถูก หมออยากทานหลายอย่างแต่ทานคนเดียวไม่หมด ถ้าซื้อมาทานที่บ้านจะได้มีพอใจช่วยทานค่ะ"
"โถ่! ที่แท้ก็งกนี่เอง" มองค้อนคุณหมอตาแทบกลับ แต่เสียงสัญญาณหน้าห้องก็ทำให้คนอายุมากกว่าเปลี่ยนเรื่อง
"ทานข้าวกันเถอะค่ะ อาหารน่าจะมาแล้ว"
"งั้นเดี๋ยวหนูไปเอาเอง" บอกก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปเปิดประตู
"เอ่อ..." เมื่อประตูถูกเปิดออก ทั้งพอใจและผู้ชายแปลกหน้าก็ต่างคนต่างแปลกใจ สำหรับพอใจเขาดูดีเกินกว่าจะเป็นพนักงานส่งอาหารด้วยเพราะการแต่งกาย และสำหรับเขา เด็กผู้หญิงที่มาเปิดประตูคือคนแปลกหน้า จนต้องถอยกลับไปดูหมายเลขห้องอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาผิด
"ผม มาหาหมอมะนาวครับ" เขาจึงแสดงเจตนาอย่างชัดเจน
คุณหมอและแขกผู้มาใหม่ต่างพากันออกไปนอกระเบียง เพื่อพูดคุยกัน โดยทิ้งให้พอใจจัดโต๊ะอาหารลำพัง ซึ่งสายตาของเด็กสาวก็เอาแต่สาดส่องไปยังชายหญิงคู่นั้น
"ตกลงกันแล้วนี่คะ ว่าถ้าจะมา ให้บอกก่อน" หล่อนบอกด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
"พี่ขอโทษค่ะ พอดีว่าพี่มีเรื่องด่วน อยากให้มะนาวช่วย"
"เรื่องเดิมเหรอคะ"
"ค่ะ" เขาดูดีใจจนออกนอกหน้า ที่คุณหมอมะนาวรู้ทัน โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของหล่อน ก้มลงกดโทรศัพท์และส่งให้เธอ เพื่อให้ได้พูดคุยกับปลายสาย
"ค่ะ พี่เอื้อ นี่มะนาวเอง"
"ช่วงนี้ที่โรงพยาบาลต้องสรุปงบค่ะ"
"ค่ะ สวัสดีค่ะ" เธอพูดเพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้อาการของคนปลายสายสงบลงได้ ยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา
"ขอบคุณมะนาวมากนะคะ พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เพราะเอื้อไม่เชื่อใจพี่เลย แต่ถ้าเป็นมะนาว..."
"พี่ก็ควรทำให้เธอวางใจสิคะ จะให้มะนาวเคลียร์ให้ทุกครั้งก็ไม่ถูก" ทั้งประโยคและน้ำเสียงเชิงตำหนิของคุณหมอมะนาวทำให้เขาเริ่มเกรงใจเธอขึ้นมาบ้าง
"พี่ขอโทษแล้วกันค่ะ พี่อาจจะขอมะนาวมากไป"
"รู้ก็ดีแล้วค่ะ และอีกเรื่องที่พี่ควรเคลียร์คือสถานะของเรา"
"ขอเวลาพี่อีกนิดนะคะ รอให้เอื้อคลอดก่อนแล้วพี่จะเข้าไปขอขมาคุณพ่อมะนาวด้วยตัวเอง"
"เร็วหน่อยก็ดีค่ะ เพราะท่านก็ถามเรื่องหลานมาตลอด" น้ำเสียงคุณหมอดูเย็นชา ไร้เยื่อใย จนเขาไม่อาจอยู่ได้เพราะเริ่มจะอึดอัด จึงต้องขอตัวกลับ
"แล้วอีกอย่างหนึ่งค่ะ" เธอเรียกให้เขาหันกลับมาอีกครั้ง
"มะนาวไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว หลังจากนี้ถ้าพี่ต้องการจะเจอ ต้องเป็นที่อื่น ไม่อยากให้น้องลำบากใจ" เพราะเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อน เธอเคยพาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาเลี้ยงดูเหมือนน้องสาวแท้ๆ และพาแฟนเข้าบ้านด้วย มันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเด็กผู้หญิงคนนั้นสั่นคลอน จึงไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้น ห่างกันไว้คงจะดีกว่า
"อ๋อ น้องคนนั้น คือคนที่มะนาวอุปการะใช่มั้ยคะ"
"ค่ะ ที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ" คุณหมอเพียงบอกแค่นั้น ไม่อยากจะเล่ารายละเอียดอะไรต่อ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าไม่ควรถาม จึงยอมเดินออกมาอย่างไม่คิดเซ้าซี้ และประโยคทิ้งท้ายของเขาทำให้คุณหมอยิ้มออกมาได้บ้าง 'น้องคนนั้นโชคดีนะครับ ที่มีมะนาวดูแล'
สาเหตุหลักที่คุณหมอและผู้ใหญ่รอบตัวของพอใจพากันเห็นดีเห็นงามและให้เด็กสาวพักอาศัยกับคุณหมอก็เพราะ หล่อนเสนอตัวให้ทุนการศึกษาและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างระหว่างการเรียน หรือเรียกว่าเป็นผู้อุปถัมภ์ แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกกับพอใจโดยตรง เพราะเด็กแสบอย่างพอใจคงไม่ยอมแน่ จึงต้องเอาชื่อเจ้านายทั้งสองมาอ้างว่าเป็นคนส่งเสียแทน ก็หยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนั้น คงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหล่อนเป็นแน่ แถมหากบอกตรงๆ ก็กลัวว่าการปฏิบัติตัวต่อกันจะเปลี่ยนไป พอใจคงจะไม่กล้าเป็นตัวเอง เพราะเธอเลื่อนฐานะจากหมอที่ไม่ชอบหน้ามาเป็นผู้มีพระคุณแทน และทั้งหมดทั้งมวลนี้คุณหมอคิดเองเออเอง
"หมอ ไม่กินข้าวเหรอ" ผู้ชายคนนั้นออกจากห้องไปนานแล้ว แต่คุณหมอยังยืนกอดอกนิ่งนอกระเบียง จนพอใจต้องออกมาตาม
"โห...ตรงนี้บรรยากาศดีจัง" พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน แม้คอนโดแห่งนี้จะอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็เห็นวิวทิวทัศน์ ทั้งแม่น้ำ และตึกสูงระฟ้า ช่างน่ามอง
"เอาข้าวมากินตรงนี้ได้หรือเปล่า" ถามออกมาอย่างลุ้นๆ
"ได้สิ" หันมาตอบอย่างอารมณ์ดี พอใจจึงหายแว้บเข้าไปในห้องอีกครั้งอย่างรวดเร็ว และออกมาอีกพร้อมจานอาหาร และแก้วน้ำ วางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ภายนอกระเบียงและหันมาบอก
"อันนี้ของหมอ" ก่อนจะหายเข้าห้องไปอีกครั้ง และออกมาใหม่พร้อมจานและแก้วอีกเซ็ต นั่นคงเป็นของพอใจเอง การที่มีพอใจมาวุ่นวาย เจื้อยแจ้วข้างหูตลอดก็ดีแบบนี้แหละ อยู่กับเด็ก ก็ขอสูบความสดใสของพอใจมาไว้กับตัวบ้างก็ดี อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องเครียดเท่ากับพวกผู้ใหญ่ที่ชีวิตซับซ้อน โดยเฉพาะเรื่องระหว่างเธอกับสามีตามกฎหมาย ที่มักจะมาไม่บ่อย แต่ก็ชอบมีเรื่องมาทำร้ายจิตใจเธออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องวันนี้ มันทำให้อารมณ์ปรี้ดแตก แต่ก็ต้องซ่อนความโกรธนั้นไว้ภายใต้ความนิ่ง
"อย่างกับลิง" เมื่อพอใจลงนั่งตรงข้ามกัน คุณหมอจึงเปรยออกมาอย่างอารมณ์ดี
"ลิงลม" เด็กสาวพูด พลางก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปากไปด้วย
"อะไรนะคะ" เพราะเอาแต่เคี้ยวอาหารตุ้ยๆ จึงฟังไม่ค่อยถนัด เด็กสาวจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มและพูดอีกครั้ง
"บอกว่าลิงลม ถ้าจะให้หนูเป็นลิง ต้องเป็นลิงลมเท่านั้น เพราะว่ามันนุ่มนิ่มน่ารัก แล้วคนก็ชอบเอาไปเลี้ยง"
"เหรอคะ" เอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจ ก็เคยได้ยินอยู่หรอกนะ ลิงลม แต่ยังไม่เห็นภาพชัดๆ สักที
'ฟรึ่บ' อยู่ๆ ไฟภายในห้องและตึกตรงข้าม ที่มีไฟสว่างก็มืดลง ดีที่ฟ้ายังไม่มืดมาก จึงพอได้เห็นหน้าคร่าตากันอยู่ สักพักก็มีเสียงเครื่องจักรทำงานแทน และไฟเล็กๆ บางจุดก็เริ่มสว่างขึ้นแต่ไม่เท่าในทีแรก
"สงสัยไฟดับค่ะ โชคดีที่มีไฟสำรอง แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ น่าจะดับไม่นาน" คุณหมอบอก กลัวว่าเด็กสาวจะกลัวความมืด แต่กลับตรงข้าม
"อ๋อ" ตอบเพียงเท่านั้น ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทานต่ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก็แหงล่ะ เด็กบ้านนอกอย่างเธอ ชินแล้วกับการอยู่มืดๆ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ไม่ชิน น่าจะเป็นคุณหมอ ที่บอกว่าไฟดับไม่นาน ตอนนี้เป็นชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ ที่ทั้งคู่นั่งรอไฟกันอยู่นอกระเบียง ทั้งชวนคุยก็แล้ว กินก็แล้ว แต่ไม่มีวี่แวว ไฟก็ยังไม่มาสักที
"ร้อนจัง" คุณหมอเปรยออกมา การมานั่งรับลมนอกระเบียงอาจไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะไม่มีลมพัดมาสักนิด ทั้งที่เป็นตึกสูง แถมดูอบอ้าวอีกด้วยซ้ำ
"ไหวมั้ยหมอ" หล่อนดูกระวนกระวายจนพอใจอดห่วงไม่ได้
"หมอไม่ชอบที่มืด เพราะมันดูแคบ ทำให้ร้อน เหมือนจะหายใจไม่ออก" เธอเอ่ยบอกเบาๆ
"งั้น...ลุกขึ้น! " อยู่ๆ พอใจก็ลุกพรวดและยื่นมือไปจับแขนคนตรงหน้าดึงให้ลุกตาม
"ไปอาบน้ำกัน จะได้หายร้อน"
"คะ? " ตอนนี้ใบหน้าคุณหมอดูจะเห่อร้อนกว่าเดิมไปอีกกับประโยคเอ่ยชวนของพอใจ
"ไฟดับ ไม่ต้องอาย มองไม่เห็นหรอก"
"หันหลังสิคะ" เอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงปกติ ซึ่งมันกลับตรงกันข้ามกับภายใน ที่ตอนนี้ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เพราะว่าอายถ้าจะแก้ผ้าต่อหน้ากัน ก็พอใจเล่นอยู่ใกล้ไม่ห่าง แม้ภายในห้องน้ำจะมืด เพราะสถานการณ์ไฟดับ แต่ก็ยังพอมีแสงไฟจากตึกอื่นที่กำลังทยอยส่องแสงสว่างสาดเข้ามาบ้าง จนเห็นภาพได้พอเลือนลาง
"ทำเป็นอายไปได้" แม้ปากจะบอกแบบนั้นแต่ก็ยอมหันหลังให้และถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกหมดอย่างไม่นึกอาย แล้วจึงรีบกระโดดลงอ่างอาบน้ำ จนน้ำที่เอ่อแทบล้นกระเซ็นออกมาเต็มพื้น แถมคนที่อยู่นอกอ่างก็โดนลูกหลง เปียกโชกไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ถือสา ไหนๆ ก็ตั้งใจจะมาเปียกอยู่แล้ว แต่ที่น่าห่วงก็คือเจ้าตัวแสบที่โดดลงอ่างแบบไม่ลืมหูลืมตา ได้ยินเสียงไอแค่กๆ นั่นก็มาจากการสำลักน้ำ ก็แหงแหละ อ่างอาบน้ำทรงสี่เหลี่ยมอย่างดี ทั้งกว้างขวาง จุน้ำได้หลายลิตร แบบที่ลงอาบพร้อมกันสองคนยังดูใหญ่ ไม่แปลกที่เด็กสาวตัวเล็กจะพลาด
"ลงมาสิหมอ" ไม่วายเอ่ยเร่งเร้าอีก โดยที่ตัวเองก็ดำผุดดำว่ายอย่างเพลิดเพลิน ราวกับเป็นสระว่ายน้ำ
"ค่ะๆ รู้แล้ว" เมื่อเห็นว่าพอใจไม่ได้สนใจเธอแล้ว จึงรีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกบ้าง โดยกองกระจัดกระจายไว้ที่พื้นอย่างไม่เป็นระเบียบ แบบที่เด็กสาวทำ แต่ก่อนจะลงอ่าง มือคุณหมอก็เลื่อนไปยังชั้นวางอุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายราคาแพงอย่างชำนาญ แม้จะมีแสงสว่างเพียงน้อยนิด แต่เธอก็จดจำตำแหน่งได้ดี หยิบผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดฟองนุ่มติดมือมาไว้ แต่ยังไม่ทันได้ลงน้ำในทันที เธอเพียงนั่งที่ขอบอ่างโดยไม่ได้หันมาเต็มตัว มืออีกข้างก็กำลังยื่นลงมาเพื่อช่วยตีฟอง ไหนๆ ก็จะลงอ่างแล้วก็ขอสร้างความรื่มรมณ์เสียหน่อย การกระทำของคุณหมอทำให้พอใจต้องหยุดนิ่ง มือควานปัดป่ายหาบางอย่างนอกอ่างและ 'ฟรึ่บ' แสงไฟสีส้มจากโทรศัพท์มือถือของพอใจสว่างวาบ ออปชั่นไฟฉายที่ติดมากับเครื่องถูกนำมาเปิดใช้โดยเด็กสาว
"ว้าย! " คุณหมอร้องเสียงหลง ตกใจ เพราะไม่ทันได้ระวังตัว ไม่คิดว่าจะมีแสงไฟส่องมาทางตนเอง หันหลังให้ทันทีโดยที่ก็ยังนั่งอยู่ที่ขอบอ่าง
"จะเปิดไฟฉายทำไมคะ"
"ก็หมอทำอะไรล่ะ น้ำมันกะเพื่อม" กลายเป็นว่าเพราะความสงสัยและอยากรู้อยากเห็นของพอใจนั่นเองที่ทำให้ต้องส่องไฟมาทางเธอ
"หมอกำลังทำฟองค่ะ ปิดไฟก่อนได้มั้ย จะลงน้ำแล้ว" พูดโดยไม่คิดหันมามองหน้าเด็กสาว เพราะความอาย พอใจจึงยอมปิดไฟให้แต่โดยดี คุณหมอจึงได้หายใจหายคอได้บ้าง
"ก็บอกก่อนสิ จะได้ช่วยตีฟอง" สรุปยังไงคุณหมอก็ผิดอยู่วันยันค่ำ แถมพอใจยังตั้งหน้าตั้งตาตีฟองอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เธอจึงได้โอกาส ค่อยๆ ก้าวลงอ่างช้าๆ ตอนนี้จึงต่างคนต่างอยู่กันคนละมุม สำหรับคุณหมอเธอสามารถนอนเหยียดยาวไปในอ่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่สำหรับพอใจมือใหม่หัดลงอ่าง ได้แต่นั่งหลังเหยียดตรงพิงพนัก มือก็คว้าจับฟองที่นุ่มนิ่มเล่นไปพลางๆ ตอนนี้ภายในห้องน้ำกลับมาสงบนิ่ง ไม่มีเสียงพูดคุย หรือแม้กระทั่งทั้งคู่ ที่ดูเหมือนหยุดนิ่งไม่ขยับกาย สำหรับคุณหมอ การแช่น้ำถือเป็นการพักผ่อน แต่พอใจ ตอนนี้กลับรู้สึกอึดอัด ทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าขยับ เพราะสังเกตว่าคนตรงข้ามพอลงอ่างมาปุ้บก็เข้ามุมเงียบของตัวเองไป แม้จะยกมือขึ้นจากน้ำยังไม่กล้า กลัวว่าจะเป็นการสร้างคลื่นใต้น้ำจนรบกวนคุณหมอ
"หมอ" แต่ความอดทนของเด็กสาวกลับหมดลงจนได้
"คะ" เสียงตอบรับของหล่อนทำให้พอใจเผลอยิ้มออกมา อย่างน้อยน้ำเสียงของคุณหมอก็ยังดูเป็นปกติไม่ได้รำคาญเธอแต่อย่างใด
"ผู้ชายคนนั้น เขาเป็นแฟนเหรอ"
"ค่ะ"
"อ๋อ" ตอบรับออกมาเพียงเท่านั้น
"แต่จะเรียกว่าแฟนก็ไม่ถูก เพราะแต่งงานกันแล้ว ต้องใช้คำว่าอะไรล่ะ สามี มั้ง" น้ำเสียงคุณหมอดูตอบทีเล่นทีจริง
"ที่ เคยบอกว่าจะแต่งงาน คือกับคนนี้เหรอ" ก่อนหน้านี้เคยได้ยินคุณหมอพูดเรื่องแต่งงาน แต่ก็ทำเป็นไม่อยากรู้ไม่อยากสนใจ แต่ก็อดที่จะนึกถึงไม่ได้
"จำได้ด้วยเหรอ" คุณหมอแกล้งเย้า
"อืม"
"แล้ว ทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ แถมดูไม่สนิทกันอีก" เพราะท่าทางของทั้งคู่ดูไม่เหมือนคู่รักเลยสักนิดจนน่าสงสัย
"ก็แล้วต้องสนิทสนมกันแบบไหนล่ะคะ ถึงจะใช้คำว่าสามีภรรยาได้"
"ไม่รู้ แค่เห็นยืนคุยห่างกันเป็นวา" เอ่ยบอกอย่างที่เห็นทันควัน คุณหมอจึงเผลอหลุดขำออกมา
"นี่แอบจับผิดกันด้วยเหรอคะ"
"บ้าเหรอ! ใครเค้าจะทำแบบนั้น ไม่ได้มีเวลาว่างเหลือเฟือเสียหน่อย"
"ปฏิเสธเสียงสูงเลยนะ" อดแซวเด็กสาวไม่ได้ และความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง
"หมอ"
"คะ"
"แข่งกันดำน้ำมั้ย"
"คะ! " คราวนี้ร้องถามออกมาด้วยความแปลกใจ แถมพอใจยังเขยิบเข้ามาชิดอีก ท่าทางแบบนั้น หากไฟติดคงรู้ได้ทันทีว่ามาใกล้เพื่ออ้อน
"ไฟดับอยู่นี่คะ"
"ก็เปิดไฟฉาย"
"แต่..."
"นะ นะ หมอ" ยื่นมือไปข้างหน้าอย่างสะเปะสะปะเพื่อจะควานหาแขนของคุณหมอ ก็เธอเป็นเด็กนี่ จึงรู้วิธีออดอ้อนผู้ใหญ่ในแบบของตัวเอง แต่มือใต้น้ำนั้นก็ไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่ กว่าจะหาแขนของคุณหมอได้ ก็ไล่สัมผัสไปเกือบทั้งตัว จนคนถูกกระทำสะดุ้ง ก็ตอนนี้เธอเปลือยเปล่า เอาเป็นว่าแค่โดนกันนิดเดียวเหมือนราวกับถูกไฟช็อต
"นะ นะ หมอ เกิดมายังไม่มีใครเคยยอมเล่นด้วยเลย แถมอ่างหมอก็กว๊างกว้าง หนูชอบ" ยังไม่เลิกเจื้อยแจ้ว แถมยังควงแขนคุณหมอแน่น และยื่นหน้าเข้าใกล้อีก
"ก็ได้ค่ะ" เอาเป็นว่าที่ยอมเพราะต้องการตัดความรำคาญ ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
"เย่ หมอใจดีจังเลย" ปล่อยแขนคุณหมอทันที ก่อนจะหันกระเถิบห่างไปคว้าโทรศัพท์ตัวเอง
"เปิดไฟฉาย แล้ววางไว้ตรงนั้นแหละค่ะ" เพราะเห็นว่าคนเด็กกว่ากำลังจะหันมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ถ้าแสงไฟสาดเข้าดวงตาคราวนี้อีก คงต้องได้วีนแน่ ซึ่งพอใจก็เชื่อฟังตามที่คุณหมอบอกเป็นอย่างดี
"แข่งกันดำน้ำ ใครชนะได้ห้าร้อย"
"หืม เงินเยอะเหรอ" คุณหมอร้องเสียงหลงกับความใจถึงของพอใจ บทจะสายเปย์ก็น่าหมั่นไส้นัก ทีแค่เรื่องกระโปรงนักศึกษาแพง ทำเป็นบ่นไม่หยุด
"อยากได้เงินหมอต่างหาก เพราะหนูชนะแน่"
"ค่ะ" เรื่องความมั่นใจของเด็กแสบนี่ก็น่าหมั่นไส้ด้วย
"เราต้องจับมือกันด้วยนะ" พอใจบอกกติกา นั่นทำให้คุณหมอเลิกคิ้วอย่างสงสัย
"ก็เผื่ออีกคนโกงไงล่ะ"
"หมอไม่โกงหรอกค่ะ"
"มันเป็นกติกาสากลนะ"
"จับมือกันตอนแข่งดำน้ำเนี่ยนะ"
"ใช่สิ ถ้าเกิดว่าหมอไม่ไหวแล้วโผล่จากน้ำก่อน แล้วลงไปใหม่อีกจะรู้ได้ยังไง ดังนั้นจับมือกันไว้ อีกฝ่ายจะได้สบายใจ"
"ค่ะ ตามนั้นก็ได้"
"แข่งกันสามครั้ง ชนะสองในสาม หนูจะนับสามแล้วเริ่มได้"
"ค่ะ" คุณหมอชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วเชียวว่าพอใจไม่เคยดำน้ำแข่งกับใครอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า เพราะดูรู้ดีไปเสียทุกอย่าง แถมยังรอบคอบเรื่องกติกาอันแสนแปลกนั่นอีก
"หนึ่ง..." นับหนึ่งคือทั้งคู่เริ่มจับมือกัน ด้วยท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนเพื่อความถนัด
"สอง..." นับสอง พอใจเริ่มกำมืออีกคนแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าจะถูกโกง และ
"สาม! " ทั้งคู่หายจ๋อมลงไปในน้ำพร้อมกัน สำหรับพอใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการแข่งดำน้ำ สมัยยังเป็นเด็กหญิง เรื่องการกระโดดลงน้ำในลำธาร เธอคือเซียน และเป็นแชมป์ดำน้ำในหมู่เพื่อน เด็กสาวจึงกล้าเอาเงินห้าร้อยมาเดิมพัน แต่สำหรับคุณหมอ เวลาเดินไปไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ หล่อนก็พยายามฉุดมือตัวเองจากการเกาะกุมของพอใจ และดีดโผล่พ้นน้ำ มือเสยผมและลูบใบหน้าอัตโนมัติ ก่อนจะหอบหายใจแฮ่ก ส่วนพอใจก็ผุดตามขึ้นมาติดๆ
"อะไรเนี่ยหมอ แค่นี้อะนะ ไม่สนุกเลย" คุณหมอได้แต่มองค้อนเป็นคำตอบ
"โถๆ น่าสงสาร ครั้งต่อไปจะอ่อนข้อให้แล้วกัน" คำพูดเย้ยหยัน ก่อนจะแอบยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ และการแข่งครั้งที่สองก็เริ่มอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนครั้งแรก คุณหมอเริ่มกระตุกมือพอใจ เธอไม่ไหว แต่เด็กสาวไม่ยอม กลับกระชากดึงมือคุณหมอเข้ามาใกล้แทน จนร่างกายเฉียดชิดกัน แต่นั่นยังไม่ได้ดั่งใจคนสร้างกติกา ยอมปล่อยมือจากคุณหมอ แต่ไม่ใช่เพื่อให้หล่อนโผล่พ้นน้ำ ร่างคุณหมอถูกดึงรั้งลงใต้น้ำอีกครั้ง เพราะพอใจกอดรัดเอวไว้แน่น ด้วยความตกใจกับความถึงเนื้อถึงตัว แข้งขาอ่อนแรง ก็สัมผัสใต้น้ำแบบเนื้อแนบชิดมันช่างล่อแหลมจนหวั่นใจ เนื้อเนียนนุ่มของเด็กสาวและของคุณหมอเบียดเสียด แม้จะอยู่ในน้ำ แต่มันก็ให้ความรู้สึกนุ่มลื่น ปั่นป่วนช่องท้อง
"เย่! " เด็กสาวโผล่ขึ้นน้ำมาก่อน และส่งเสียงดีใจออกมา และตามมาด้วยคุณหมอที่โผล่ขึ้นมาติดๆ ราวกับคนจะขาดใจ เหมือนถูกเด็กสาวลากลงไปในหลุมลึกด้วยความรู้สึกวาบหวามและปล่อยเธอไว้ลำพังกับความทรมาน
"หมอชนะแล้ว แข่งกันอีกรอบนึง เรา..." หยุดพูดเพียงเท่านั้น ก็จะให้พูดต่อได้ยังไง เพราะนมคุณหมอชี้หน้าอยู่ ก็หล่อนเล่นหลับหูหลับตาโผล่ขึ้นมาไขว่คว้าอาอากาศหายใจ จนไม่ดูสภาพตัวเอง มือไม้ปัดป่ายเสยผมที่ตกลงมารกหน้า ลมหายใจหอบเหนื่อยมันทำให้ก้อนกลมๆ สองก้อนตรงหน้าสั่นไหวกระเพื่อม ผิวที่ว่าเรียบเนียนตอนสว่างยังไม่น่ามองเท่ากับตอนไฟสลัว หล่อนขาวออร่าไปทุกส่วน ยิ่งไหปลาร้าที่เด่นชัดขึ้นมานั่น มันช่างดึงดูดสายตาไม่แพ้หน้าอก จนต้องขยับเข้าใกล้ แต่ก็ไม่อาจละความสนใจจากจุดเดิมได้ นั่นก็คือ นมนิ่มของหมอ และ
"อะ อร้าย พอใจ! " ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้กล้าก้มลงงับยอดปทุมถันสีชมพูระเรื่อของคุณหมอ
"อื้อ เจ็บ"