ตอนที่หก

3795 คำ
"กัด? เป็นหมาเหรอ" ถามออกมาอย่างอารมณ์ดี ก้มลงค้นหาบางอย่างในตู้เย็น หยิบช็อกโกแลตแท่งยาวออกมา เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วจึงปิดตูเย็นดังเดิม "อุ้ย! " คุณหมอส่งเสียงร้องออกมา เพราะอยู่ๆ เจ้าเด็กตัวเล็กที่คิดว่านั่ง ดันมาหยุดยืนยิ้มแป้นข้างกันแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง "อ้ะ... อยากกัดก็เอานี่ไปก่อนค่ะ" ยื่นช็อกโกแลตให้ พอใจหุบยิ้มตีหน้ายุ่งกว่าเก่า เพราะสิ่งที่คุณหมอส่งให้ไม่ใช่สิ่งที่ปรารถนา จ้องมองปลายคางคุณหมอไม่วางตา ก่อนจะยื่นหน้าเข้าใกล้และ 'หมับ' ปากงับเข้าให้กับช็อกโกแลต "เดี๋ยวหมอขอไปเคลียร์งานข้างนอกแปบนึง แล้วค่อยกลับบ้านกัน" คุณหมอรีบถอยห่างออกมาจากคนที่กำลังคาบแท่งช็อกโกแลต และเดินเปิดประตูออกจากห้องไป พอใจได้แต่หน้ามุ่ยเจ็บใจ คุณหมอนี่ช่างจะรู้ทันไปหมด สงสัยต้องหาเรื่องอื่นมาแกล้งอีกไม่ให้ทันรู้ตัว "ฝนตก รถติด แบบนี้ทุกครั้งเลย" พอใจบ่นออกมา ก็เพราะพวกเธอออกจากโรงพยาบาลกันมาตั้งหลายชั่วโมง แต่ยังไปไม่ถึงไหน ติดแหงกอยู่บนท้องถนน "ถ้าพอใจกลับบ้านเลยตั้งแต่ทีแรก ป่านนี้หมอว่าหลับไปแล้ว" ไม่วาย แซวคนตรงหน้าที่ตามไปเฝ้าเธอที่ทำงาน "กลับห้องไป ก็เหงานี่ ไม่อยากอยู่คนเดียว" นี่ขนาดแค่เวรเช้า เริ่มงานพร้อมกับเด็กสาวที่ต้องไปเรียน และกลับบ้านพร้อมกัน เด็กสาวยังบ่นขนาดนี้ หากเวรบ่ายหรือเวรดึก ที่ต้องเลิกงานดึก หรือกลับบ้านเช้า เด็กแสบข้างๆ ไม่โวยวายใหญ่เหรอ "พรุ่งนี้หมอเวรดึก ยังไงพอใจก็ต้องอยู่คนเดียว" "ยังไง? " "หมอเริ่มงานเที่ยงคืน และเลิกงานแปดโมงเช้าค่ะ ตอนหมอไปทำงานพอใจคงหลับอยู่ แล้วพอพอใจกลับบ้าน หมออาจจะนอนหลับ เราอาจไม่เจอกัน" "โห... เป็นหนี้เหรอ ถึงทำงานเยอะแบบนั้น" "คะ? ทำไมถามแบบนั้นล่ะ" "หนูเห็นตารางงานของหมอที่ติดไว้ ไม่เห็นมีวันหยุดเลย แถมยังทำงานดึกอีก" "ก็มันเป็นงานของหมอนี่คะ ที่โรงพยาบาลต้องมีหมอตลอด ถ้าหมอหยุดงาน ไม่ใช่ว่าคนไข้จะหยุดเหมือนกันเสียหน่อย แต่ไม่ใช่แค่หมอหรอกค่ะ ที่ทำงานหนัก ทั้งพยาบาลก็ทั้งหนักและเหนื่อยไม่แพ้กัน" "งั้นคืนนี้หมอก็จะไม่อยู่เหรอ" "ค่ะ" "งั้นถ้าหมอ ไม่ค่อยมีวันหยุด แล้วพวกเสื้อผ้าน่ะ ใครซักให้" "ส่งซักค่ะ ซักเองคงไม่ไหว" "งั้นหนูขอซักให้ได้มั้ย" "หืม มาไม้ไหนเนี่ย" พอใจกรอกตามองบน ก่อนจะปรับสีหน้ามาเป็นปกติ "ก็หนูเห็นว่าหมอทำงานหนัก ก็อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระ จะได้ประหยัดเงินด้วย" "จะทำให้ฟรีๆ เลยเหรอคะ" "กะ ก็ ไม่ฟรีหรอก แต่... หนูคิดไม่แพงหรอก ราคาคนกันเอง" รีบบอกด้วยน้ำเสียงเชื้อเชิญ "ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ใช่ว่าหมองก แต่เพราะเสื้อผ้ามีแต่สีขาว เลยไม่อยากไว้ใจเท่าไหร่" "โห่ย หมออะ คนอุส่ามีน้ำใจ" "ถ้าทำโดยที่หวังผล ไม่ได้เรียกว่ามีน้ำใจค่ะ" พอใจเงียบ นั่งนิ่งใช้ความคิดสักครู่ก่อนจะพูดออกมาอีก "งั้น หนูทำความสะอาดบ้านให้ก็ได้ หนูทำได้ดีและก็ถนัด รับรองว่าไม่มีฝุ่นหรือขยะมากวนใจแน่" "ร้อนเงินเหรอ หรือเงินไม่พอใช้คะ" "ป๊าว เงินที่นายหัวให้ ใช้ได้ยันจบปริญญาเลย" ปฏิเสธเสียงสูง และยังอธิบายเพิ่มอีก "ค่ะ หมอเชื่อ แต่ถ้าเงินไม่พอใช้ หมอพอจะมีให้ยืมนะคะ" กว่าจะฝ่าฝนและรถติดมาได้ก็เล่นเอาเสียฟ้ามืด เมื่อถึงบ้านคุณหมอก็รีบชวนพอใจทานข้าว เพราะต้องการจะรีบเข้านอน เธอต้องตื่นเตรียมตัวก่อนเที่ยงคืน เพื่อเข้าเวร ดังนั้นทุกวินาทีมีค่า และการนอนก็สำคัญมากสำหรับอาชีพอย่างเธอ เสียงกรี้ดดังแว่วมาจากห้องคุณหมอ พอใจสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด แต่ยังไม่กล้าขยับตัว สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู จึงรีบเดินไปเปิด "ขอนอนด้วยได้มั้ย" เห็นคุณหมอยืนกอดหมอนด้วยหน้าตาตื่น พร้อมกับเสื้อผ้า ที่เตรียมจะใส่สำหรับพรุ่งนี้ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ จึงเปิดประตูให้กว้างขึ้นอย่างเชื้อเชิญ ปล่อยให้คุณหมอกระโดดขึ้นเตียง จัดที่นอน โดยมีหมอนข้างกั้น ส่วนพอใจก็ยืนดูอยู่ไกลๆ ใกล้สวิซไฟหน้าประตู เด็กสาวยังไม่เต็มตื่นนัก สถาพจึงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะถามไถ่ "ที่ห้องมันมีจิ้งจก หมอนอนไม่ได้น่ะ ขอนอนด้วยนะ แค่ไม่กี่ชั่วโมง" เมื่อจัดสถานที่เรียบร้อยจึงหันมาบอก พอใจได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก และกดสวิซปิดไฟ ก้าวขึ้นเตียงบ้าง คุณหมอนอนตะแคงหันหลังให้ ส่วนพอใจนอนหงายมองเพดานที่มืดสนิท และส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาในความมืด "หนูนอนดิ้นนะ มือหรือขาอาจฟาดตัวหมอได้" "ค่ะ พอรู้ แต่มีหมอนข้างกั้นไว้แล้วคงไม่เป็นไร" หล่อนไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ตอบออกมาทั้งที่ยังคงหลับตา "ไม่รับประกันนะ เพราะตอนหลับจะควบคุมตัวเองไม่ได้" "ค่ะ งั้นก็เบามือเบาเท้าหน่อยแล้วกัน" คุณหมอคงหลับไปแล้วเพราะลมหายใจที่สม่ำเสมอ แต่กลิ่นวานิลลาของหล่อนที่ลอยอบอวลในห้อง ทำให้อีกคนตาสว่าง ค่อยๆ กลิ้งตัวเข้าไปใกล้หมอนข้างที่วางไว้แบ่งอาณาเขต และดึงมันออกโยนวืดไปไกล เกะกะขวางทางนัก เด็กสาวคิด คนเจ้าเล่ห์ค่อยๆ ขยับกลิ้งไปชิดตัวคุณหมอ และถือวิสาสะหนุนหมอนใบเดียวกัน พลิกตัวตะแคงเข้าหาหล่อน คิดไปเองว่า เพื่อความเนียนจะต้องเริ่มจากการยกขาขึ้นมาเกี่ยวตัวคุณหมอไว้ก่อน ทำเสร็จแล้วก็ยิ้มภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของตนเอง ส่วนมือก็เกี่ยวกระหวัดตัวคุณหมอไว้แน่นเหมือนกัน และเมื่อคนในอ้อมกอดเริ่มขยับกาย หล่อนคงจะรู้จะตัว เด็กสาวจึงแสร้งโวยวาย ไม่ยอมให้คุณหมอขัดขืนหรือหนีห่าง จนหล่อนต้องทักท้วงเป็นคำพูดแทน "พอใจ พอใจ" มือก็สะกิดตีแขนเด็กสาวด้านหลังไปด้วย คนเจ้าเล่ห์จึงแกล้งสงบนิ่งคลายกอดคุณหมอแต่โดยดี เปิดโอกาสให้หล่อนได้ลุกขึ้นนั่ง ดันตัวเด็กสาวกลับไปที่เดิม และล้มตัวลงนอนใหม่ แต่คราวนี้ห่างกว่าเดิม แถมเอาหมอนอีกใบที่ใช้กอดเมื่อครู่ มากั้นกลางแทน ไม่อยากจะถือสา สักพัก ไอ้แสบก็กลิ้งมาหาอีก แต่คราวนี้หัวไหล่คุณหมอถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของคนด้านหลัง เธอถูกพอใจงับอีกแล้ว ความรู้สึกร้อนๆ ที่หัวไหล่ กับลิ้นภายในปากของพอใจ กำลังทำให้คุณหมอเริ่มหดตัว ใช้มือดันแขนและเท้าที่กอดก่ายเธออยู่ให้พ้นกาย ทีแรกเด็กสาวพยายามจะดูดกินหัวไหล่เธอราวกับเป็นขนมหวาน แต่เปลี่ยนเป็นลงน้ำหนักฟันอีกแล้ว ความเจ็บทำให้คุณหมอต้องฟาดมือไปที่ศีรษะของพอใจอีก "อ๊า... ไอติม" อ๊าแรกคือเจ็บ แต่พอมีสติก็ร้องโวยวายโทษเรื่องไอศกรีมแทน เพื่อกลบเกลื่อน กลัวคุณหมอจะรู้ว่าที่ทำเมื่อครู่ไม่ได้มาจากการละเมอ "โถ...เด็กน้อย นี่เห็นหัวไหล่หมอเป็นไอติมเหรอเนี่ย" เปลี่ยนจากการพยายามกระถดหนีเป็นเข้าใกล้แทน ดึงร่างของพอใจมาประชิดตัว และเกี่ยวแขนกอดไว้แทน ทำวิธีนี้เผื่อจะเลิกละเมอหรือดิ้น เพราะเธอก็เหนื่อยกับการรองรับเรื่องบนเตียงของพอใจมามากแล้ว อย่างน้อยเกี่ยวกันไว้แน่นๆ คนนอนดิ้นจะได้ขยับกวนเธอไม่ได้ ส่วนคนเจ้าแผนการก็นอนตัวแข็งทื่อ ใจเต้นรัว เพราะคุณหมอดันจงใจ ยัดเยียดนมตัวเองให้ ก็ใบหน้าของพอใจตอนนี้แนบชิดหน้าอกคุณหมอแบบที่ขยับหนีได้ยาก และถึงแม้จะขยับหนีได้ ก็คงไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้ไปแน่ นี่ถือว่าคุณหมอเต็มใจ ไม่ได้ล่วงเกินนะ เด็กสาวคิดเข้าข้างตัวเอง แถมยังได้กัดหมอสมใจอีก พอตื่นเช้ามาก็ไม่เจอคนที่นอนกอดเมื่อคืน พลางคิดขอบคุณจิ้งจกที่ออกมาถูกเวลา แต่ "เห้ย ซวยแล้ว" ลงจากที่นอน วิ่งตรงเข้าห้องน้ำทันที เพราะมัวแต่นอนฝันหวาน จึงตื่นสายจนได้ พอใจแต่งกายลวกๆ ไม่ได้เรียบร้อยนัก เดินออกจากคอนโดไปยังป้ายรถเมล์ สักพักก็มีมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบท่า และเอ่ยทัก "ไปกับพี่มั้ยคะน้องสาว" เมื่อเด็กสาวไม่มีท่าทีจะสนใจจึงตื๊ออีก "ไม่ต้องลังเล พี่ไม่พาเถลไถลหรอกนะ" "อย่ามายุ่ง" "รถเมล์เวลาเร่งด่วนแบบนี้ น้องขึ้นไม่ทันคนอื่นหรอกนะ" "รู้ได้ไง" กอดอกฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ "ก็พี่เห็นน้องลุกๆ นั่งๆ แบบนี้มานานแล้ว ไม่ยอมขึ้นสักที" "ไปกับพี่เถอะ ทางเดียวกันไปด้วยกัน" "ฮึ้ย! " แม้จะไม่ค่อยชอบหน้ารุ่นพี่ที่ขโมยหนุนตักเธอเมื่อวาน แต่ก็ไม่มีทางเลือก ก้าวขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์อย่างที่หล่อนชวน "ทำไมไม่นั่งหันข้างล่ะคะ" เพราะไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ใส่กระโปรงขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ได้อย่างคล่องแคล่ว ราวกับใส่กางเกงจึงอดไม่ได้ที่จะถาม "นั่งแบบนั้นไม่เป็น" พูดพลางยุ่งกับการใส่หมวกกันน็อคไปด้วย "แปลก... แต่ก็น่ารักดี" หันมาบอกอย่างไม่ปิดบัง "อย่าพูดมากได้มั้ย ไปสักที" พยายามไม่สนใจกับคำพูดของคนขับ "ได้เลยค่ะน้องสาว" มอเตอร์ไซค์คันเล็กน่ารักพาทั้งคู่เลี้ยวเข้ามาในมหาวิทยาลัย จอดหน้าตึกคณะของเด็กสาวอย่างรู้ทัน และพอใจก็เล่นก้าวลงและวิ่งขึ้นตึกไปโดยไม่สนใจคนมาส่งสักนิด จนหล่อนต้องบ่นออกมา "ไม่ขอบใจกันสักนิดเลยเหรอเนี่ย" คนแปลกก็แปลกเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ หล่อนคิด "พอใจไปไหน" อาจารย์จรินพรถามในคลาสเรียน ก็เพราะห้องนี้มีกันแค่สิบคน พอหายไปสักคน มีหรือที่ใครๆ จะไม่สังเกต "กำลังมาค่ะ นั่นไงๆ มาแล้ว" แก้มรีบบอก เมื่อมองออกนอกห้องไป เห็นว่าเพื่อนกำลังวิ่งมา อาจารย์จรินพรได้แต่กอดอกยืนดูคนที่กำลังกระหืดกระหอบเข้ามายืนหน้าห้อง "ดูเหมือนเธอจะรีบนะ แต่ตอนนี้จบคลาสแล้ว" เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันหัวเราะออกมา นั่นเพราะ "เอาออก ถอดออก" หันไปเห็นแก้มส่งเสียง และทำท่าท่าให้เธอถอดบางอย่างที่ศีรษะ นั่นทำให้พอใจนึกขึ้นได้ ใช้มือคลำของแข็งที่สวมใส่อยู่ นั่นคือหมวกกันน็อคและรีบถอดมันออก ถึงว่าตลอดทางมีแต่คนมอง "เมื่อไหร่เราจะได้เรียนจริงๆ สักที" พอใจถามขณะกำลังเดินไปที่ฐานทัพลับของตัวเอง หลังโรงจอดรถใต้ต้นมะม่วง ดีที่วันนี้พอใจพกเสื่อมาด้วย บรรยากาศใต้ต้นไม้เนี่ยดีสุดแล้วสำหรับพวกเธอ "ปีหนึ่งก็แบบนี้แหละ เรียนน้อยกิจกรรมเยอะ" "อยากวาดรูปแล้ว" พอใจบอกอีก "เราว่าปีหนึ่งน่าจะได้เรียนทฤษฎีก่อนน่ะ แล้วยังมีวิชาทั่วไปอีกที่ต้องลงเรียนร่วมกับเอกอื่น" "แล้ว เมื่อวานแกไปไหนมา ไม่เข้ารับน้อง" "เราไม่อยากร่วมกิจกรรมบ้าๆ นั่นอะ พวกแกโกรธเราหรือเปล่าอะ เพื่อนคนอื่นโดนทำโทษมั้ย" "ยังไม่โดนนะ แต่แกโดดน่าจะบอกพวกเราบ้าง พวกเราจะได้โดดด้วย เราสองคนกับคนอื่นๆ ก็ไม่อยากเข้ารับน้องเหมือนกัน พวกรุ่นพี่บ้าอำนาจ" "เราว่าถ้ารวมตัวกันไม่เข้ารับน้อง พวกรุ่นพี่พวกนั้นคงเลิกไปเอง เดี๋ยวเราไปปลุกระดมคนอื่นๆ เอง" แก้มบอก แก้มคือคนที่มนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ เพียงมาเรียนไม่กี่วันก็รู้จักคนเกือบทั้งคณะ และที่สำคัญข่าวสารต่างๆ ในมหาวิทยาลัยรวมถึงเรื่องซุบซิบอีก พอใจรู้มาจากแก้ม ทำให้ไม่ตกข่าวแม้จะไม่ค่อยสุงสิงกับใครก็ตาม "ดีๆ อันนี้เราเห็นด้วย" พอใจรีบบอก "เอ้อ... แล้วแกมายังไงเนี่ย มีหมวกกันน็อค ขี่มอไซค์มาเหรอ" ก้มลงมองหมวกกันน็อคที่วางอยู่ข้างตัว "ป่าว พอดีอาศัยรถคนอื่นมา แล้วลืมคืนหมวกน่ะ" แก้มจึงหยิบหมวกกันน็อคสีหวานลวดลายแปลกตามาดู "หืม คนที่แกอาศัยเขามา เป็นแฟนคลับเฌอปรางด้วยเหรอ" เพราะเห็นรูปไอดอลวัยรุ่นติดรอบหมวกเต็มไปหมด "ไหนๆ ขอดูหน่อย" อยู่ๆ นุชก็ขยับมาใกล้แก้มและหยิบหมวกไปดู "ใช่จริงๆ ด้วย" นุชก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับเฌอปราง "แล้วเฌอปรางนี่ใครเหรอ" "แกไปอยู่ไหนมาเนี่ย เค้าออกจะดัง" แก้มรีบบอก "เป็นดาราเหรอ" "เป็นมากกว่าดารา" นุชเอ่ยออกมาเสียงเข้มอย่างจริงจัง "เฌอปรางคือ ไอดอล แรงบรรดาลใจ และทุกๆ อย่าง" อธิบายยืดยาว นี่คงเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดที่เคยได้ยินจากปากนุช "จริงเหรอ" "ใช่ และเค้าก็เรียนที่นี่ เป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่คณะเรา" ชัดเลย ใช่เลย คนที่ขโมยตักหนุน และอาสามาส่งเมื่อเช้า นั่นคือคนดังของทุกคน แต่ก็นึกหมั่นไส้ หล่อนดูจะหลงตัวเองเหลือเกิน ขนาดติดรูปตัวเองไว้ที่หมวก "แต่ไม่ค่อยมีใครเจอหรอกนะ บ้างคนก็บอกว่าลงทะเบียนเรียนแต่ไม่มาเรียน อาจารย์ต้องเปิดสอบนอกรอบให้ บ้างก็บอกว่าเรียนภาคค่ำ" "ข่าวไร้สาระ" นุชบอก "จ้าๆ ไอดอลแกเนี่ย แตะต้องไม่ได้เลยนะ" "เอ้อ แล้วเรื่องรุ่นพี่ซิลิโคนทะลุ แกจะทำยังไง" "เห้อ... เค้าไม่เอาเรื่อง แต่เราต้องจ่ายค่าเสียหายให้" พอใจเล่ารายละเอียดให้เพื่อนทั้งสองฟัง "เจ็ดหมื่น! " ร้องออกมาพร้อมกัน "อืม พวกแกมีให้ยืมมั้ยอะ" "บ้าเหรอ เจ็ดหมื่นนะ ไม่ใช่เจ็ดสิบ" "งั้นเราจะทำยังไงล่ะ เกรงใจอาจารย์จูน อุส่าออกเงินให้ก่อน" "แกบอกคนที่บ้านหรือยังล่ะ ขอเงินคนที่บ้านสิ" "บอกคนที่บ้านไม่ได้" "งั้นแกลองหางานพิเศษทำมั้ย" "ไปทำงานบ้านเรามั้ย กำลังหาคนอยู่" นุชเสนอ "ใช่ๆ เราก็ทำอยู่ ไปด้วยกันมั้ย" แก้มเสริม "งานอะไรเหรอ" พอใจเริ่มสนใจ "เด็กเสิร์ฟในบาร์เหล้า แต่ไม่ต้องห่วง ปลอดภัยได้เงินดี" แก้มเสริมอีก "แกลองคิดดูก่อน แต่ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ มาทำกับฉันก็ได้" พอใจเดินคอตกกลับมาที่คณะ กำลังจะเคาะประตูห้องพักอาจารย์จรินพรตามที่นัดกันไว้ "มาพอดีเลย ฉันรอเธออยู่" หล่อนเปิดประตูออกมาเจอพอใจที่ยืนอยู่หน้าห้อง "ฉันมาคิดๆ ดูแล้วนะ เรื่องที่เธอพูดวันนั้นมันก็ถูก" เมื่อเข้ามานั่งคู่กันในรถจึงเอ่ยเปิดประเด็นก่อน "กิจกรรมรับน้องถูกยกเลิกแล้วนะ ต่อไปนี้หลังเลิกเรียนก็กลับบ้านได้เลย" "ทำไมล่ะคะ" "เธอถามเหมือนเสียดายอย่างงั้นแหละ" "เปล่าๆ ค่ะ ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวนะคะ เพื่อนในคณะหลายคนก็ไม่อยากร่วมกิจกรรมเหมือนกัน" "แสดงว่าที่ฉันทำก็ถูกแล้ว" บอกออกมาพร้อมรอยยิ้ม นั่นไม่ได้ทำให้พอใจเข้าใจสิ่งที่หล่อนต้องการจะพูดสักนิด 'ก๊อก ก๊อก' อาจารย์จรินพรเคาะประตูหน้าห้องพักคนไข้ก่อนจะเปิดเข้าไป ซึ่งมีพอใจตามมาติดๆ "สวัสดีครับ อาจารย์จูน" คนไข้บนเตียงที่บนใบหน้ามีผ้าก๊อซติดอยู่ที่จมูกราวกับดามเอาไว้ "สวัสดีค่ะ" หล่อนรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ "เป็นยังไงบ้าง" "ดีขึ้นแล้วครับอาจารย์" พูดกับหล่อนแต่สายตาเหลือบมองพอใจตาขวาง "แล้วกลับเมื่อไหร่" "วันเสาร์ครับ" "อืม ดีแล้ว" "อาจารย์จะไม่อ้อมค้อมนะ พูดกันตรงๆ " "ครับ" เขายิ้มตอบ เพราะมั่นใจว่าที่อาจารย์จรินพรมาพร้อมพอใจวันนี้ เพื่อมาขอร้องไม่ให้เอาเรื่อง เขาแทบจะรอให้พอใจเอ่ยขอโทษไม่ไหว แต่เด็กสาวได้แต่หลบอยู่หลังอาจารย์ "ขอโทษพอใจซะ" "อะไรนะครับ" "เธอได้ยินไม่ผิดหรอก ขอโทษเด็กของฉันซะ" "อะไรกันครับอาจารย์ เด็กอาจารย์ทำผมเลือดตกยางออกแบบนี้ ผมต้องเป็นคนขอโทษเหรอครับ" "ใช่ เพราะเธอเริ่มก่อน ขอโทษน้องซะ แล้วน้องถึงจะขอโทษที่ทำเธอบาดเจ็บ" "ไม่ครับ ถ้าเด็กนั่นไม่ขอโทษก่อน ผมจะเอาเรื่อง" "ก็เอาสิ ฉันจะได้ฟ้องเธอกลับ เอกสารที่เซ็นรับเงินไปคงไม่ได้อ่านสินะ" "เอาเลย อยากเอาเรื่องก็ตามใจ แต่ตลอดเวลาที่เรียน เธอไม่มีความสุขแน่ เพราะฉันจะกัดเธอไม่ปล่อย เริ่มจาก ยื่นเรื่องตรวจสอบพฤติกรรมรุ่นพี่ ที่บ้าใช้อำนาจ เรื่องแบบนี้มันควรหยุดที่รุ่นเธอ กิจกรรมไม่สร้างสรรค์แถมยังบังคับจิตใจรุ่นน้อง จนทำให้เกิดความลำบากใจ และเสียขวัญ" "ว่าไง เงินก็ได้ไปไม่น้อย จะยอมขอโทษน้องดีๆ มั้ย" "ก็ ก็ได้ครับ" "ดีแล้ว ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อแม่เธอ คงจะเสียใจน่าดู" "ขอโทษ" เขายอมเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ไม่ได้กลัวว่าจะถูกเอาเรื่องแต่กลัวคนที่บ้านมากกว่า "หนูก็... ขอโทษพี่ด้วย" "จบกันแค่นี้นะ แล้วอย่ามีเรื่องกันอีก" "ค่ะ/ครับ" หลังจากเคลียร์จบ อาจารย์จรินพรก็อาสามาส่งพอใจถึงที่พัก แต่ดันถูกหลอกล่อให้มาเลี้ยงข้าวร้านน่ารักๆ ข้างคอนโด "อาจารย์เท่ห์สุดๆ เลย หนูชอบอาจารย์" "หึ... จะประจบเอาอะไร" "อาจารย์รู้ทันตลอดเลย เอ่อ... หนูจะไม่อ้อมค้อมนะคะ พูดตรงๆ " จำคำพูดของหล่อนได้ดี "ล้อเลียนฉันเหรอ! " "ฮี่ๆ " ยิ้มออกมาบ้างอย่างอารมณ์ดีที่ได้หยอกล้อคนตรงหน้า "ขอขยายเวลาหน่อยได้มั้ยคะ หนูหาเงินไม่ทันหรอกค่ะ แค่ภายในเดือนเดียว" "หึ แล้วเธอมีเท่าไหร่" "มีไม่ถึงหนึ่งหมื่นค่ะ ถ้าให้อาจารย์ เดือนนี้หนูก็ไม่มีใช้ แต่หนูสัญญานะคะ ว่าจะเก็บเงินคืนอาจารย์ให้ครบ แต่อาจจะนานหน่อย" พอใจเสียงอ่อนลง "ก็ได้ แล้วฉันก็... จะลดราคาให้เธอด้วย" "จริงเหรอคะ อาจารย์ใจดีจังเลย" "อืม" หล่อนตอบออกไปอย่างไม่ยี่หระ "เหลือสัก ห้าพันได้มั้ยคะ" "ต่อซะขนาดนี้ ไม่ต้องจ่ายเลยก็ได้มั้ง" "ได้เหรอคะ" "ฉันประชด! ต่อเป็นผักเป็นปลาเลยนะ" "ค่าอาหาร แปดร้อยแปดสิบค่ะ" "เดี๋ยว! คิดผิดหรือเปล่า แค่อาหารสองอย่างเนี่ยนะ" อาจารย์จรินพรเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย "พอดีมีที่น้องสั่งกลับบ้านด้วยค่ะ" ถุงอาหารวางลงบนโต๊ะหน้าคนทั้งคู่ "ฮี่ๆ ของหนูเองค่ะ" รีบคว้าถุงอาหารและเดินออกจากร้านไปทันที นานๆ จะมีคนเลี้ยง ก็หล่อนกระเป๋าหนักนี่ แค่นี้คงไม่สะเทือน ส่วนฝั่งอาจารย์จรินพรก็ได้แต่เจ็บใจกับเด็กหัวหมอ พอใจกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าที่พักอย่างอารมณ์ดี พอเปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอหมอมะนาวนอนหลับเหยียดยาวอยู่หน้าทีวี จึงค่อยๆ เดินย่องเข้าใกล้ หล่อนคงนอนพักผ่อนหลังจากกลับมาจากทำงาน วางถุงอาหารในมือลงบนโต๊ะ นั่งยองๆ สำรวจใบหน้าคุณหมอ "ทำไมจมูกโด้งโด่ง พ่อเป็นฝรั่งหรือเปล่า" ไล่มองต่ำลงไปเรื่อยจนไปสะดุดกับรอยแดงที่หัวไหล่คุณหมอ "ทำรุนแรงไปรึเปล่านะ" รอยนั้นมันคือรอยกัดเมื่อคืน เริ่มรู้สึกผิด "หมอ หมอ" เรียกหล่อนเบาๆ ไม่กล้าถูกเนื้อต้องตัวคุณหมออีก หล่อนสะลึมสะลือค่อยๆ ลืมตาตื่น "อื้อ... มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" "มาเมื่อกี้ กินข้าวกันเถอะ ซื้อมาเพียบเลย" "ทำไมมานอนข้างนอกล่ะ" การพูดคุยกันบนโต๊ะอาหารก็ถือว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเธอ "ออกมาดูทีวีน่ะค่ะ แล้วคงเผลอหลับไป" "นึกว่ากลัวจิ้กจกซะอีก" "ให้แม่บ้านมาจัดการให้แล้วล่ะ คืนนี้คงไม่รบกวนพอใจแล้วนะ" "ไม่กวนเลย นอนด้วยกันอีกก็ได้" รีบตอบพัลวัน "หืม" "หมายถึงว่า นี่บ้านหมอ หมอจะนอนไหนก็ได้ ไม่กวนหรอก" อธิบายเสียยืดยาว "งั้นไว้เจอจิ้งจกเมื่อไหร่ จะไปนอนด้วยนะคะ" "หมอไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าซีด" ไม่ใช่แค่หน้าซีด แต่ยังมีเหงื่อผุดเต็มหน้าอีก "วันนี้ยุ่งทั้งวันน่ะค่ะ รู้สึกเพลียๆ นอนพักสักนิดคงจะดีขึ้น" "พรุ่งนี้เวรดึกอีกนี่ แล้วหมอจะไปทำงานไหวเหรอ" ไม่ทันจะได้คำตอบ คุณหมอก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปแทน จนพอใจต้องรีบตามไปติดๆ อย่างอยากรู้ ก่อนจะช่วยลูบหลังให้ เพราะคุณหมอกำลังอาเจียนหนัก "น่าจะไม่ไหวนะหมอ" เห็นคนที่เดินโงนเงนออกจากห้องน้ำ จนทนไม่ไหวต้องเข้าช่วยเกี่ยวเอวหล่อนไว้เพราะกลัวจะล้ม แล้วพาไปนั่งที่โซฟา เมื่อถึงที่คุณหมอก็ล้มตัวนอนทันที "เอาน้ำมั้ย" คุณหมอพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ พอใจจึงรีบบริการ "เป็นอะไรเหรอ ทำไมถึงอ้วก" "สงสัยอาหารเป็นพิษ" เห้อ แล้วไป ก็เพราะอาการแบบนี้คิดไปได้อย่างเดียวคือท้อง "หยิบโทรศัพท์ให้หน่อยสิคะ" เด็กสาวยื่นให้ทันที สักพักคุณหมอก็กดโทรออก ใจความที่ได้ยินคือลาป่วย "หมอกินอะไรไปเหรอ" คุณหมอแสร้งหลับตานิ่ง ไม่ตอบสิ่งที่เด็กสาวถาม ที่อาหารเป็นพิษ นั่นเป็นเพราะกุ้งเผาที่พอใจหิ้วมาฝากด้วยความภาคภูมิใจ แถมยังช่วยแกะใส่จานให้ แต่จะไม่ทานก็ไม่ได้ กลัวคนเจ้าอารมณ์จะเสียใจ สิ่งหนึ่งที่พอใจไม่รู้คือ คุณหมอแพ้กุ้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม