ตอนที่แปด

3823 คำ
"แกป่วยป่ะเนี่ย จามไม่หยุด" เสียงแก้มเอ่ยทักเพื่อนที่มาเรียนตั้งแต่ไก่โห่ ที่เอาแต่จามตั้งแต่เจอหน้ากัน "กินนี่มั้ย" นุชส่งให้ คงเพราะความรำคาญเสียงจาม ไม่ใช่ห่วงใย "ขอบใจ" ยาที่นุชส่งให้ เรียกว่าซิงค์ แก้มช่วยตบท้ายสรรพคุณว่าดีนักดีหนา พอใจจึงเอาเข้าปากทันที และเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็กลับมากระปรี้กระเปร่าตาสว่างต่างจากเดิม "แกจะเข้าชมรมอะไร" "ไม่รู้เลยอะ พวกแกล่ะ ขอลอกหน่อยสิ" พอใจบอกลืมเรื่องที่เฌอปรางบอกไปสนิทเพราะไม่ได้ใส่ใจ "ชมรมอาสาน่ะ ทีแรกพวกเราตั้งใจจะเข้าชมรมการแสดงเพราะมีเฌอปราง แต่มาคิดๆ ดูแล้วพวกเราคงไม่มีโอกาส เพราะไม่สวยแถมไม่มีความสามารถพิเศษอะไร คงจะสู้ใครไม่ได้" "ทำไมพวกแกคิดแบบนั้นล่ะ ยังไม่ได้ลองเลยนะ" "เขาเอาแค่ยี่สิบคน และพวกเราไปดูรายชื่อมาแล้วเมื่อเช้า มีคนสมัครจะร้อยอยู่แล้ว คงต้องมีการคัดเลือกอีก เราคงจะไม่ผ่านรอบคัดเลือกนั่นแหละ ไม่รู้ว่าพวกที่ได้คิวแรก มากันตั้งแต่กี่โมง" แก้มบ่นเซ็งๆ "งั้นเหรอ ไม่เห็นเป็นไรเลย มีชมรมอื่นอีกตั้งเยอะ ที่พวกแกเลือกก็ดีนะ" "ใช่ เพราะไอ้นุชมันฉลาด ชมรมอาสาเนี่ย มีผู้ชายหล่อๆ ล่ำๆ ตั้งเยอะ อาหารตาของพวกเรา" "ชมรมนั้นไม่ค่อยมีผู้หญิง ถ้ามีเราสามคนเข้าไป เราจะได้สวยสุด อ่อนแอสุด ผู้ชายจะได้มารุมล้อม" พอใจตาโตทันทีกับความคิดที่เพิ่งจะหลุดออกจากปากคนเงียบขรึมอย่างนุช "ฮ่ะ ฮ่ะ" ทั้งสามพากันหัวเราะกับความคิดของตัวเอง พลางเขียนลงสมุดเลือกชมรมอาสาอย่างไม่ลังเล ด้านคุณหมอหลังจากตื่นนอนก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า อาการดีกว่าเมื่อวานลุกขึ้นเตรียมตัวอาบน้ำ กำลังจะเดินออกจากห้องแต่ก็ต้องสะดุดตากับโพสอิทที่แปะไว้หน้าประตู 'กินข้าวเยอะๆ นะจ้ะหมอ เรียนเสร็จจะรีบกลับไปดูแล' คุณหมอได้แต่ส่ายหัว ยิ้มให้กับความทะเล้นของเด็กสาว จากที่ตั้งใจจะเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย เปลี่ยนเป็นก้าวเดินไปที่โต๊ะอาหารแทน 'หนูซื้อมา ไม่ได้ทำเอง วางใจได้' โพสอิทอีกอันวางข้างชามข้าวต้มที่กำลังส่งกลิ่นหอมฉุย หลังจากอาบน้ำทานข้าวเรียบร้อย ก็ตั้งใจจะนอนพักผ่อนอีก แต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ เพราะความไม่เคยชิน ที่จะต้องนอนอยู่บนที่นอนนานๆ เดินออกมานั่งหน้าทีวี หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา และส่งข้อความหาเด็กสาว 'ขอบคุณนะคะ หมอดีขึ้นมากแล้ว เพราะมีพอใจดูแล' พิมพ์แบบนั้นไปแต่ยังไม่ได้กดส่งในทีเดียว ลบประโยคหลังออก 'ขอบคุณนะคะ หมอดีขึ้นมากแล้ว' และกดส่ง นั่งดูหน้าจอ รอคอยเด็กสาวตอบกลับ แต่ไม่มีวี่แววแม้กระทั่งการอ่าน จึงถอดใจรอ พอใจคงเรียนอยู่ ลืมไปเสียสนิท นี่เธอคงว่างมากเกินไป มานั่งรอเด็กสาวตอบข้อความ "ดีจัง อยู่ในนี้ไม่ต้องเดินทางไกลด้วย" เพราะอาจารย์จรินพรเลื่อนเวลาสอน พอใจจึงมาขลุกอยู่กับเพื่อนตามคำชวนในหอพักนักศึกษา ทั้งสามนอนเรียงกันที่พื้นเพื่อดูหนังด้วยกัน "ไม่ต้องตื่นแต่เช้าด้วย แต่ถึงแม้จะตื่นสาย ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง" "แล้วทำไมพอใจไม่อยู่หอใน" นุชถามอย่างอยากรู้ "เพราะต้องอยู่กับหมอน่ะ" เริ่มเล่าความสัมพันธ์กับผู้ปกครองที่ตัวเองเรียกว่าหมอสั้นๆ ให้ทั้งคู่ฟัง "ใช่ผู้หญิงสวยๆ ที่ขับรถมาส่งวันแรกหรือเปล่า" "ทำไมถึงรู้ และที่สำคัญ หมอก็ไม่สวยด้วย" "เราเห็น และแบบนั้นน่ะ บ้านเราเรียกสวย" แก้มย้ำ "นี่เราแอบทำอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย หูตาเป็นไร่สับปะ-รดเลยนะแกเนี่ย" ไม่อยากจะเถียงเรื่องสวยไม่สวย จึงเปลี่ยนเรื่องแทน "ใช่ แกต้องระวังตัวให้มาก เพราะตอนนี้เราเข้ากลุ่มข่าวมหา'ลัยแล้ว" "อะไรคือกลุ่มข่าวมหา'ลัย" "ก็กลุ่มเพจข่าวมหาลัย ในเฟสบุคไง มีแต่เรื่องซุบซิบ" นุชช่วยอธิบาย "หื้มม อะไรคือเฟสบุค" "แกไม่มีเฟสบุคเหรอ" นุชถามบ้าง "มะ ไม่มีอะ" แก้มและนุชมองหน้ากันอย่างเข้าใจ หยิบโทรศัพท์ของพอใจขึ้นมา และเริ่มเปิดแอคเคาท์ โลกโซเชียลของพอใจกำลังถูกเปิดกว้างด้วยเพื่อนทั้งสอง หลังเลิกเรียนที่เวลาล่วงเลยไปเกือบหกโมงเย็น เพราะคาบวิชาอาจารย์จรินพรที่สอนเต็มเวลาต่างจากวิชาอื่น เอาซะเด็กรักเรียนอย่างพอใจเปื่อยไปเลย เดินออกจากห้องเรียนด้วยความเพลียเพราะบทเรียนที่แสนจะอัดแน่น "มานี่เลย ไอ้เด็กหัวหมอ" ถูกดึงคอเสื้อและลากมาใกล้รถตัวเอง "อาจารย์จูน! " ในห้องเรียนก็อุส่าหลบหน้าหลบตา แถมรีบออกมาก่อนคนอื่นๆ เพื่อจะได้ไม่เผชิญหน้ากัน "คิดจะหนีฉันเหรอ" "ป่ะ เปล่าค่ะ หนูจะหนีอาจารย์ทำไมล่ะ" เอ่ยออกมาอย่างเหงื่อตก "ขึ้นรถเลย ไม่งัั้นฉันจะหักคะแนนเธอ" "หนูขอโทษค่ะ เรื่องในร้านอาหารวันก่อน" ตัดสินใจเอ่ยขอโทษทันทีที่ขึ้นมานั่งด้วยกันบนรถ "ฉันไม่รับแค่คำขอโทษ แต่เธอต้องไถ่โทษ! " "นี่มันบ้านหนูนี่" รถคันหรูเลี้ยวเข้าคอนโดที่คุ้นเคย "ใช่บ้านเธอคนเดียวเสียเมื่อไหร่ ฉันก็อยู่ที่นี่" เข้าจอดในชั้นประจำของตัวเอง "ยกแฟ้มหลังรถทั้งหมด แล้วตามฉันมา" พอใจต้องจำใจอุ้มแฟ้มหนาหลายอันตามอาจารย์ผู้เผด็จการเข้าลิฟท์ไป ประตูเปิดชั้นเจ็ด ชั้นที่เด็กสาวอยู่ เดินผ่านห้องพักตัวเองด้วยสายตาละห้อย อีกนิดเดียวก็จะได้เข้าไปนอนอืดฉึ่งบนเตียงกว้างแล้ว แต่ดันต้องตามเป็นทาสรับใช้ยัยอาจารย์ขายาวนี่ "เข้ามาสิ ฉันดูมีเวลาว่างมารอเธอมากนักเหรอ" ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าห้องอาจารย์จรินพร "ว้าว" ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง เมื่อเข้ามาก็พบทั้งภาพวาด ภาพถ่าย และงานปั้นเต็มไปหมดราวกับเป็นแกลลอรี่ "วางไว้บนโต๊ะนั่น แล้วตามมาตรงนี้" ทำตามคำบอกทันที และค่อยๆ เดินตามอาจารย์จรินพรอย่างระวัง เกรงจะเผลอไปชนกับงานศิลป์ของเธอ "ใส่ซะ เดี๋ยวเลอะฝุ่น" โยนผ้ากันเปื้อนให้เด็กสาว พอใจรีบคว้าไว้ทันที ก็มันดันลอยวืดไปไกลตัวจนต้องไล่ตาม ถูกแกล้งชัดๆ เพราะหล่อนส่งเสียงหัวเราะเยาะกับใบหน้า เหวอๆ ของพอใจ ส่วนอาจารย์ก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองและถอดออก เผยให้เห็นเนื้อขาวๆ ที่โผล่พ้นเสื้อกล้าม ก่อนจะสวมผ้ากันเปื้อนทับ "ช่วยยกรูปนั่นลง และแขวนอันใหม่ที" เธอหมายถึงรูปวาดขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า พอเข้าใจจุดประสงค์ของอาจารย์ จึงช่วยอย่างเต็มใจ เดินกันไปคนละฝั่ง เพื่อยกภาพเก่าลง เห็นภาพบนผนังที่ดูบางๆ แบบนั้นก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน จนทั้งคู่พากันส่งเสียงหอบ เมื่อเอาลงมาสำเร็จ รูปอันใหม่ก็ถูกขึ้นแขวนอีกครั้ง ด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน และเมื่อเรียบร้อยดี อาจารย์จรินพรก็เอาแต่ยืนกอดอกมองภาพวาดอย่างภูมิใจ "อาจารย์ หนูไปได้หรือยังคะ" ต่างจากพอใจที่ไม่ได้สนใจกับภาพวาดที่ดูไม่รู้เรื่องเลยสักนิด "เรียนจิตรกรรม แต่ดูภาพนี้ไม่ออกเลยเหรอ" ปากว่าแบบนั้นแต่สายตายังคงจดจ้องภาพไม่วางตา เด็กสาวเงยหน้าไปเจอคนข้างๆ ที่น้ำตาคลอเบ้า บ้าไปแล้วนี่คือจิตวิญญาณของศิลปินหรือเปล่านะ แล้วถ้าเธอไม่ร้องห่มร้องไห้เหมือนอาจารย์ จะดูเหมาะสมที่จะเรียนเอกนี้หรือเปล่าล่ะ ส่งมือตัวเองไปด้านหลังและหยิกแขนตัวเองเต็มแรง 'ออกมา ออกมา' ในใจนึกพึมพำ ภาวนาให้น้ำตาไหล และออกแรงอีก และในที่สุด น้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็พรั่งพรูออกมา ไม่ใช่มาจากความซาบซึ้งแต่อย่างใด สะอึกสะอื้นจนอาจารย์ต้องหันมามอง "นี่เธอร้องไห้เหรอ" เอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ "ใช่ค่ะ ภาพนี้มันเศร้ามาก คนวาดต้องมีเรื่องทุกข์อยู่ในใจแน่ๆ ถึงถ่ายทอดออกมาได้ดีขนาดนี้" ไม่วายเอ่ยปดเป็นเรื่องเป็นราว "เพ้อเจ้อ! " หล่อนหันมาดุด้วยใบหน้าบึ้งตึง "อะ อะไร นะคะ" "หูตึงเหรอ ฉันบอกว่า เพ้อเจ้อ" "ฉันนี่แหละเป็นคนวาดเอง และที่สำคัญ ฉันไม่มีทางร้องไห้ให้หมาย่ะ" "ลืมตามองรูป ไม่ใช่เอาแต่ก้มมองนมฉัน! " ใช่แล้ว ภาพบนผนังคือรูปสุนัขที่นั่งคาบลูกบอล นัยตายิ้มด้วยความสุข แล้วมันจะเศร้าจนร้องไห้ได้ยังไง และอีกอย่างที่ใช่คือ หล่อนจับได้ว่าพอใจแอบมองนม แต่ไม่ใช่นมจริงๆ เสียหน่อย แค่ร่องอกต่างหาก แต่ก็แค่แว้บเดียว เพราะอาจารย์ดันรีบสวมผ้ากันเปื้อนทับเสียก่อน "แล้ว แล้ว อาจารย์ร้องไห้ทำไม" "ฝุ่นเข้าตาย่ะ" แบมือให้คนตรงหน้าดู มือทั้งสองข้างมีแต่รอยดำจากฝุ่น ซึ่งพอใจก็มีเหมือนกัน "เอ่อ ฮะฮ่า หิวน้ำจังค่ะ ยกภาพขึ้นเมื่อกี้ เอาซะคอแห้งเลย" แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน แถมยังเปลี่ยนเรื่องอีก "ออกไป ไอ้ลามก! " พอใจรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องอาจารย์จรินพร และเปิดเข้าห้องหมอทันที "ฟู่วว น่ากลัวชะมัด" ภาพอาจารย์จรินพรวีนใส่ยังติดตาจนน่าจนลุก คนอะไรทั้งน่ากลัวและงก อุส่าช่วย น้ำสักแก้วก็ไม่ให้ ไร้น้ำใจ "ทำอะไรมาคะ ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น" เพราะพอใจยังยืนพิงอยู่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน จนคุณหมอต้องเอ่ยถามอย่างเสียไม่ได้ "เจอผีมา" ใช่ อาจารย์จรินพรน่ากลัวเหมือนผี แต่เมื่อได้สติก็เดินหาคนที่กำลังขะมักเขม้นอยู่ในครัว "ทำไรอะ" ยื่นหน้าไปตรงมือคุณหมอที่ขยับเป็นระวิง "ปอกไข่ค่ะ" "จะเอาไปไหนล่ะ ทำบุญเหรอ" เพราะเห็นปริมาณไข่ต้มวางเต็มโต๊ะ จึงยื่นมือไปหยิบมาช่วยปอกบ้าง แต่อยู่ๆ ก็ถูกตีจนร้องออกมา ไข่หลุดออกจากมือทันที "โอ้ย... ตีทำไม" "มือเลอะ ไปล้างก่อนเลย" บอกออกมาพร้อมกับส่งสายตาดุๆ ใส่ พอใจจึงถอยกรูด เอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำ และล้างมือตามที่หมอสั่ง ปากก็ขมุบขมิบบ่นออกมาไร้เสียง อย่างล้อเลียน "เสร็จแล้ว สะอาดมั้ยคะคุณหมอ" แบมือให้คุณหมอตรวจราวกับเด็ก หล่อนเพียงพยักหน้าน้อยๆ อย่างเสียไม่ได้ "แล้วตกลงจะเอาไปไหนอ่ะ ไข่เพียบเลย" แต่พอหลังจากล้างมือแล้ว พอใจดันเลือกที่จะเท้าคางดูคุณหมอทำงาน แทนการช่วย ไม่เหมือนที่เคยตั้งใจในทีแรก "ทำไข่พะโล้" "ทำไปฝากใคร" "ทำทานเองไงคะ" "โห ทำทั้งแผง กินกี่วันเนี่ย" "ก็ทำเผื่อพอใจด้วย" "กะจะไม่ให้กินอย่างอื่นเลยหรือไง หน้าเป็นไข่แน่" "เว่อค่ะ แต่สูตรของหมอร่อยนะ ได้ทานแล้วจะติดใจ" "จริงเหรออออ" เพราะน้ำเสียงยืดยาวทำให้คุณหมอต้องเงยหน้าขึ้นจากไข่ในมือ เริ่มไม่ไว้ใจ "อะไรคะเนี่ย ทำไมทำหน้าแปลกๆ " "หมอหยุดหลายวันใช่มั้ย" "ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานแล้ว" "อะไรกัน... ในใบรับรองแพทย์บอกให้หยุดตั้งหนึ่งอาทิตย์นะ" "แต่หายดีแล้วนี่คะ นั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้มันน่าเบื่อ ไปทำงานดีกว่า" "หมอนี่ดื้อจังเลย ทำแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยอีก ไข้กลับขึ้นมาจะทำยังไง แค่คืนนั้นเรียกหมอแล้วไม่ยอมตื่น หนูก็ห่วงจะแย่ อย่าทำแบบอีกนะ ไม่สบายก็ไม่น่าจะไปทำงานและก็น่าจะบอกกันบ้าง เรื่องแพ้กุ้งก็อีก" "ตั้งแต่ไปเรียนมาเนี่ย บ่นเก่งขึ้นนะคะ" "ไม่ขำนะหมอ" ใบหน้าบึ้งตึง เพราะคุณหมอยังคงยิ้มหวาน พูดจาหยอกล้อกับเธอ ดูเหมือนไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เด็กสาวบอก "รู้แล้วค่ะคุณพอใจ หมอจะหยุดนอนอยู่บ้าน ไม่ไปทำงานตามใบรับรองแพทย์" "ดีแล้ว แล้วหายดีแน่นะตอนนี้น่ะ" เพิ่งจะเห็นข้อความของคุณหมอหลังจากเลิกเรียนว่าหล่อนอาการดีขึ้น "ค่ะ เมื่อคืนคงนอนเต็มอิ่มมั้งคะ เช้ามาไข้เลยลด ขอบคุณนะคะที่อยู่ด้วย" "ไม่เป็นไร" กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างภูมิใจกับการช่วยหล่อนลดไข้ในแบบของตัวเอง "ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ออกมาไข่พะโล้คงเสร็จพอดี" พอใจพยักหน้ารับ "สระผมด้วยนะคะ ไปมุดอะไรมาหยากไย่เต็มหัวเลย" "อ่อ ค่ะ" นึกถึงรูปที่ห้องอาจารย์จรินพร นี่แหละน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมศีรษะของตัวเองถึงเลอะเทอะ "เราไปดูหนังกันมั้ยหมอ พรุ่งนี้หนูไม่มีเรียน" เอ่ยถามในความมืด แม้คุณหมอจะอาการดีขึ้น แต่ก็ยังมีไออยู่บ้าง แต่เด็กสาวก็ยังไม่วางใจขอตามไปนอนด้วยในห้อง ซึ่งคุณหมอก็ยังไม่ยอมให้นอนร่วมเตียงด้วยอยู่ดี "ไหนว่าคนป่วยต้องนอนพักไงคะ" "ก็อาการหมอดีขึ้นแล้ว แล้วหนูก็อยากดูหนังกับหมออีก" "เหมือนพอใจจะชอบที่หมอไม่สบายนะ" "ไม่ได้ชอบที่หมอไม่สบาย แต่ชอบที่หมอหยุดอยู่บ้าน ทำอาหารแล้วเราก็มีเวลาคุยกัน แล้วก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน" "ทำเป็นพูดไป เดี๋ยวอีกหน่อยมีเพื่อนก็ไม่สนใจหมอ" "ไม่หรอก ใครจะไปทำแบบนั้นเล่า" ลุกขึ้นนั่ง กระถดตัวติดปลายเตียง และค่อยๆ ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงหัวเตียง เท้าคางอย่างเนียนๆ "หนูชอบหมอนะ ชอบไข่พะโล้ของหมอด้วย" เพราะเสียงของพอใจที่ใกล้หูเสียเหลือเกิน จนคุณหมอต้องพลิกตัวมาอีกฝั่งด้วยความสงสัย พอดีกับที่พอใจลุกและก้าวขึ้นเตียงคร่อมเธอ "ทะ ทำอะไรคะ" เพราะไม่ทันตั้งตัวที่อยู่ๆ คนที่เข้าใจว่านอนข้างล่างจะขึ้นมาบนเตียง และอยู่บนตัวเธอตอนนี้ "จะนอนด้วย" ตอบออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างคุณหมอ "บอกแล้วไง ว่าไม่ให้นอนด้วย" "นี่หนูกำลังช่วยหมออยู่นะ ที่อาการดีขึ้นเพราะเมื่อคืนหนูขึ้นมานอนบนเตียง และเราก็กอดกันกลมดิ๊ก ไข้หมอเลยลด" "อะ อะไรนะคะ" "เพราะว่าเอาแต่หลับไม่รู้เรื่อง จำไม่ได้ล่ะสิ ว่าเมื่อคืนหมอเป็นคนเรียกหนูให้ขึ้นมานอนด้วย หนูก็บอกว่าไม่ไม่ แต่หมอก็ยังตื๊อ" "ไม่จริงอะ" ใครจะเชื่อ "ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว หนูไม่ถือสาหรอก" ทำเป็นตัดบทด้วยน้ำเสียงจริงจัง "นอนเถอะ ง่วงแล้ว" คุณหมอยังตามไม่ทัน ได้แต่พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ก็จำไม่ได้ จึงถอดใจขยับห่างออกจากพอใจจนแทบติดขอบเตียง และหลับตาลง 'ก๊อก ก๊อก' คุณหมอเดินออกไปเปิดประตู แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีแขกมาหา แถมเวลาเช้าแบบนี้ด้วย "เธอ/เธอ" เอ่ยออกมาพร้อมกันด้วยความแปลกใจ "ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่" อาจารย์จรินพรเอ่ยออกมาก่อน "แล้วทำไมเธอถึงมาที่นี่" คุณหมอเป็นฝ่ายถามบ้าง คนหน้าประตูเปลี่ยนท่ายืนเป็นกอดอก ตัวตรง และเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น ต่างจากอาการตกใจที่ได้เจอหน้ากันเหมือนเมื่อครู่ "ฉันมาหาลูกศิษย์ชื่อพอใจ อยู่ข้างในใช่มั้ย" พูดพลางใช้สายตากวาดมองไปในห้อง "พอใจเป็นลูกศิษย์เธอเหรอ" ถามออกมาอย่างไม่ไว้ใจ "ใช่สิ ทำไม... ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นหมอเหมือนเธอ แต่ฉันก็ได้เป็นอาจารย์มหา'ลัย มีเกียรติไม่แพ้กัน" "เลิกหาเรื่องสักทีได้มั้ย" "เปล๊า... ฉันไม่เคยหาเรื่องใคร อย่าคิดไปเองสิ" พูดพลางเดินผ่านประตูเข้ามาภายในห้อง โดยไม่รอให้เชิญ "อาจารย์! " เสียงพอใจทักขึ้นเมื่อเห็นหล่อนภายในห้อง ไม่คิดว่าจะเจอกันในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ "แต่งตัวซะสวยเชียว จะไปเที่ยวไหนกันล่ะ" "จะไปดูหนังค่ะ วันนี้ไม่มีเรียน แล้ว... อาจารย์มาหาหนู หรือว่ามาหาหมอมะนาวเหรอคะ" พอใจเพิ่งจะเดินออกจากห้องมาจึงไม่ได้ยินเสียงสองคนคุยกัน "มาหาเธอนั่นแหละ ลืมไว้ในห้องฉันน่ะ" ส่งกระเป๋าผ้าคืนให้ "อุ้ย ลืมไปเลย" เพราะเอาแต่รีบร้อนออกจากห้องหล่อนมา จึงไม่ทันได้คว้ากระเป๋าตัวเองติดมือมาด้วย แถมวันนี้ไม่มีเรียนจึงลืมกระเป๋าไปเสียสนิท "ไปดูหนังกันสองคนเหรอ" "ค่ะ อาจารย์อยากไปด้วยมั้ยล่ะ" เอ่ยชวนไปเสียอย่างนั้น เพราะมั่นใจว่าหล่อนไม่ไปด้วยแน่ "ไปสิ ฉันอยากไปด้วย" "ไม่ดีกว่า เราอยากไปกันแค่สองคน ขอบคุณมากนะ ที่อุส่าเอาของมาคืน เชิญกลับเถอะ" เสียงคุณหมอเอ่ยแทรก เด็กแสบที่ยืนเหวอไม่คิดว่าอาจารย์จรินพรจะอยากไปด้วย ส่วนคุณหมอนั้นอยากจะฟาดพอใจสักที ที่เที่ยวไปชวนคนนั้นคนนี้ไปไหนต่อไหนด้วย "ดูเหมือนมะนาวจะไม่อยากให้ฉันไปกับเธอนะพอใจ งั้นก็ ฉันไม่กวนแล้วล่ะ ขอตัวนะ เจอกันพรุ่งนี้" พูดจบก็เดินเข้าหาเด็กสาวและก้มลงจูบหน้าผากพอใจเป็นการบอกลา ก่อนจะหันไปเหยียดยิ้มให้หมอมะนาวและเดินออกจากห้องไปเงียบๆ 'อะไรเนี่ย ทำไมต้องหน้าแดงแบบนั้นล่ะ' ลามไปถึงหูด้วย คุณหมอสังเกตพฤติกรรมเด็กสาวที่ยืนนิ่งจนต้องเรียกสติ นึกโมโหคนที่เพิ่งจะเดินออกไปที่เป็นสาเหตุให้ต้องหงุดหงิดใจแบบนี้ "พอใจ! " สะดุุ้งโหยง "อยู่กันแค่นี้เรียกเบาๆ ก็ได้" ไม่วายเอ่ยออกไปอย่างแก้เก้อ ลูบท้ายทอยตัวเองป้อยๆ "หมอกับอาจารย์จูนรู้จักกันเหรอ" พอใจเพียรถามคำถามนี้กับคุณหมอตั้งแต่ขึ้นรถมาด้วยกัน แต่หล่อนก็เลี่ยงไม่พูดถึงแถมยังใบหน้าบึ้งตึงอีก แล้วการดูหนังของพอใจครั้งนี้จะน่ารื่นรมมั้ยล่ะ "ถ้าหมอไม่บอก พรุ่งนี้หนูจะไปถามอาจารย์จูนเอง" ก็เพราะต่อมอยากรู้อยากเห็นของพอใจเริ่มทำงานหนัก จนต้องงัดทางเลือกสุดท้ายออกมาข่มขู่ ดูจากท่าทางที่ทั้งคู่แสดงต่อกันแล้ว น่าจะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ "เห้อ! " หล่อนถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด "สัญญาก่อน ถ้าหมอบอกไป พอใจต้องห้ามยุ่งกับจูนอีก" "อืม สัญญา" ไม่มีทางหรอกที่พอใจจะไปยุ่งวุ่นวายกับอาจารย์จูน แต่ถ้าหล่อนมายุ่งเองก็คงไม่ผิดคำสัญญา จึงตบปากรับคำคุณหมออย่างมั่นใจ "จูนเป็นน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่ค่อยถูกกัน เลยไม่อยากให้พอใจเข้าใกล้" "อ๋อ... เป็นพี่น้องกันนี่เอง แล้ว อาจารย์จูนเป็นคนไม่ดีเหรอ" ก็แค่ตัวเองไม่ชอบ แล้วจะให้คนอื่นไม่ชอบด้วยก็ค่อนข้างจะฝืนความรู้สึกไปหน่อย จึงอยากจะหาเหตุผลดีๆ มาประกอบ จะได้เชื่อฟังหมออย่างเต็มใจ "จูนประวัติไม่ค่อยดี เรื่องชู้สาวกับนักศึกษาน่ะ แค่ห่างได้ก็ควร" "อ๋อ... ก็ได้ จะไม่ยุ่ง แต่อาจารย์จูนเป็นที่ปรึกษานะ แถมอยู่ที่เดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดี" "งั้นก็ระวังตัวเองแล้วกันค่ะ หมอแค่เตือน" ก็เพราะไม่เห็นอาจารย์จรินพรจะมีท่าทีในแบบที่หมอมะนาวกล่าวหา จึงไม่คิดระแวงอะไร จึงทำเป็นหาเรื่องอื่นคุยเพื่อให้คุณหมอคลายอารมณ์หงุดหงิด แต่ไม่วายวกกลับมาเรื่องเดิม "พ่อหมอคงภูมิใจน่าดูเลยที่ในครอบครัวมีทั้งหมอและก็อาจารย์" เอ่ยออกมาอย่างชื่นชม "ค่ะ นอกจากหมอและอาจารย์ ก็มีตำรวจด้วย พี่ชายคนโต ต่างแม่อีกเหมือนกัน" "โหย... พ่อหมอคงหล่อน่าดู" ไม่ได้สนใจกับอาชีพที่คุณหมอบอกเลยสักนิด แต่ดูจะสนใจความมีเมียเยอะของพ่อคุณหมอแทน "ไม่หล่อหรอกค่ะ แค่รวย" แม่ของหมอมะนาวคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคลุมถุงชน แต่ทั้งคู่ไม่ได้รักกัน ผู้เป็นพ่อจึงมีบ้านเล็กบ้านน้อยมากมายทั้งก่อนและหลังแต่งงาน และก็ตามมาด้วยบรรดาลูกๆ ที่คนเป็นพ่อพามาเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ในบ้านหลังใหญ่ ทัดเทียมลูกเมียหลวง ซึ่งความสัมพันธ์ของลูกๆ ในบ้านก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ "เหรอ... แต่อาจารย์จูนก็หน้าตาคล้ายหมออยู่เหมือนกันนะ" "เหรอคะ" "ใช่" "ตอนเด็กๆ หมอกับจูนแข่งกันทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน และเรื่องครอบครัว แต่ตอนนี้ต่างคนต่างอยู่แล้วล่ะ" "ถ้าใครเก่งกว่า พ่อจะยกทรัพย์สมบัติให้เหรอ" เคยดูละคนหลังข่าว ที่พี่น้องในตะกูลมักจะแย่งสมบัติกัน "คงจะใช่ ถ้าพ่อรักใครชอบใครมากที่สุด พ่อก็คงจะให้คนนั้นแหละ หมอเลยขยันเรียน เพื่อให้มีอาชีพที่ดี เผื่อโดนตัดออกจากกองมรดก จะได้มีเงินเลี้ยงตัวเอง" "แต่พ่อหมอ น่าจะชอบอาจารย์จูนนะ" "ทำไมล่ะ" ถามออกมาด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง ตกลงแล้วพอใจเนี่ย อยู่ข้างใครกันแน่ "ก็อาจารย์จูนทั้งสวยและก็มีเสน่ห์มากกว่าหมออีก" ไม่ค่อยชอบใจนักกับคำตอบของพอใจ ถึงแม้จะต่างคนต่างอยู่แต่ไม่ค่อยปลื้มนักที่พอใจเอาแต่ชื่นชมน้องสาวต่างแม่ไม่หยุดปาก "แล้วพอใจล่ะ ชอบหมอ อาจารย์ หรือตำรวจมากกว่ากัน" เปลี่ยนมาถามความเห็นในมุมของพอใจบ้าง "หนูก็ต้องชอบหมอสิ ชอบหมอกว่าคนอื่นอยู่แล้ว"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม