ร่างของเทียนหอมถูกพาเข้ามาในห้อง ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าคนที่พ่อเธอเรียกว่าเสี่ยคือใคร แต่สิ่งที่เธอเห็นคือชายฉกรรจ์ราวห้าคนยืนอยู่ในห้อง ทุกคนดูน่ากลัว ส่วนตัวเธอนั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟากว้าง ด้วยอาการสั่นเทา
ไม่นานนักเสียงฝีเท้าของคนที่สวมรองเท้าขัดมันก็เดินเข้ามาดัง ตึก ตึก พร้อมเสียงหัวใจของเธอที่เต้นแรงอยู่อย่างนั้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงทุ้มพูดขึ้น
"สวัสดีครับเสี่ย ผมพาลูกสาวมาให้ดู"
เป็นทรงพลที่ยกมือไหว้ชายหนุ่มที่อ่อนกว่าเขาหลายปี มาร์คัส เป็นนักธุรกิจที่ชอบลงทุน และชอบลงทุนกับบ่อยการพนันหลายที ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเป็นเจ้าของโครงการหลายแห่ง
"นายครับ ไอ้ทรงพลที่เสนอลูกสาวมาใช้หนี้ เราจ่ายหนี้บ่อนให้มันหนึ่งล้าน มันบอกว่าลูกสาวมันยังสาว มันเลยขอเพิ่ม...."
สิงห์คนสนิทยังพูดไม่จบ มาร์คัส ก็หย่อนก้นลงนั่งแล้วจ้องมองมาทาง เทียนหอม ที่ก้มหน้าตัวสั่นระริก
"นี่นะเหรอที่ขอเพิ่มล้านหนึ่ง หน้าตาดีแต่ดูซอมซ่อไปหน่อย"
ประโยคของชายหนุ่มทำให้คนที่นั่งก้มหน้าต้องเงยขึ้นมามองเพียงแวบเดียว เป็นจังหวะที่สบตากับ มาร์คัสพอดี จึงทำให้ เทียนหอมงุดหน้าลงอีกรอบ
"ถึงนางเทียนมันจะดูซอมซ่อแต่เชื่อเถอะครับว่ามันไม่เคยมีผัว ผมรับประกัน"
"พ่อ!!"
"มึงเงียบไปเลย!"
มาร์คัส จ้องมองเรือนร่างของเทียนหอมตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของเขาบ่งบอกได้ถึงความพอใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แม้นว่าการเจอกันจะเป็นครั้งแรกแต่สิงห์ลูกน้องคนสนิทก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
ความเงียบภายในห้องหรูเกิดขึ้นแค่ชั่วครู่ มีเพียงแค่ทรงพลที่เงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มให้เสี่ยที่เขาเรียกอย่างเป็นมิตร ทว่ามาร์คัสก็ไม่ได้สนใจตัวเขาแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าเงินที่จะยอมจ่ายไปในวันนี้มันคุ้มค่า เขาเองก็ไม่รอช้าที่จะสั่งลูกน้อง
"เซ็นเช็คให้มันเพิ่ม แล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว"
เขาหันมาสั่งสิงห์ลูกน้องคนสนิท ไม่นานเกิดรอเช็คใบโปรดพร้อมจำนวนเงินหนึ่งล้านบาทก็อยู่ในมือของทรงพล
"ขอบคุณครับเสี่ย ลูกผมมันว่านอนสอนง่าย อยากให้มันทำอะไรมันทำหมด"
"ไม่ต้องพูดมาก ไสหัวมึงไปได้แล้ว"
ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นมาไหว้สุดหัวจากนั้นก็ยิ้มให้สิ่งที่เห็นตรงหน้า จำนวนเงินไม่น้อยที่เขาจะใช้ต่อลมหายใจในบ่อน ต้องเรียกว่าทุนเสียมากกว่า
"งั้นผมไปนะครับ"
มาร์คัสพยักหน้าอย่างไร้เหยื่อใย สำหรับเขาทรงพลก็แค่เศษสวะเท่านั้น แต่เพราะบ่อนเป็นของเขาครึ่งหนึ่งแม้จะยอมจ่ายแพงเพราะผู้หญิงคนเดียว แต่ก็ยังดีกว่าฆ่ามันทิ้งแต่ไม่ได้อะไรกลับมา
เพียงแค่ผู้ที่เทียนหอมเรียกว่าพ่อลุกขึ้นจากโซฟาตัวกว้าง เธอก็ไม่รอช้าที่จะรั้งแขนพ่อไว้พร้อมกับทำท่าจะลุกตาม ทว่า
"ปล่อยสิวะ"
"พ่อหนูกลัว หนูอยากกลับบ้าน"
"อีลูกคนนี้นิ"
ทรงพลทำท่าเหมือนจะง้างมือขึ้นมาตบ จนเทียนหอมต้องเสหลบใบหน้าเรียวไปอีกทาง แต่ก็ต้องชะงักไว้เพราะเกรงใจชายหนุ่มที่เขาเรียกว่าเสี่ย
"ต้องขอโทษด้วยนะครับเสี่ย"
พูดจบเขาก็เดินออกไปทันที โดยไม่สนใจเทียนหอมสักนิด ทำราวกับว่าหญิงสาวที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่สองขวบไม่ใช่คน แค่กระดาษแผ่นเดียวทำให้เขาทำเรื่องผิดมนุษย์ไร้จิตใต้สำนึก
เทียนหอมนั่งตัวสั่นระริกอยู่อย่างนั้น เธอก้มหน้าตลอดพลางมือก็บีบกันแน่น ส่วนมาร์คัสเขาไม่ได้พูดแต่สิ่งที่เขาทำคือนั่งจ้องเธออยู่อย่างนั้น
"พวกมึงออกไปก่อน"
เสียงเข้มโพล่งเสียงออกมาสั่ง จากนั้นลูกน้องที่อยู่ภายในห้องต่างก็ออกมารออยู่ด้านนอก ตอนนี้ก็เหลือแค่ เทียนหอมกับมาร์คัสเท่านั้น
"เงยหน้าขึ้นมาสิ!"
ชายหนุ่มเอ่ยพูดเสียงเรียบแต่คนที่นั่งก้มหน้าเหมือนจะตื่นกลัวอยู่มาก แม้ว่าสายตาจะแอบเหลือบขึ้นมามองใบหน้าเขา แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะมองมาร์คัสเต็มตาเสียทีเดียว
"เงยหน้าขึ้นสิ!"
คราวนี้น้ำเสียงที่พูดมันเปลี่ยนไป เสียงเข้มดุดันโพล่งขึ้นจนเทียนหอมต้องยอมเงยหน้าขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังยกมือขึ้นมาทาบที่อกพร้อมอาการที่เรียกว่าสั่นเทาเพราะความกลัว จากนั้นก็พูดขึ้น
"หนูกลัวแล้ว หนูไม่อยากขายตัว เงินที่พอหนูเอาไป หนูขอหามาคืนให้ได้ไหมคะ!"