เขาบอกอย่างใจดี จัดการคลุมผมให้เธออย่างเรียบร้อย ลมหายใจของเขาที่เป่ารดขมับและหน้าผากทำให้เธอใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอาล่ะ เริ่มได้แล้ว หั่นขิงให้เท่ากัน ยาวๆ แบบนี้และเป็นลูกเต๋า”
“แค่นี้เองเหรอคะ”
“อืม... ลองดูสิ”
เขาพยักหน้าให้เธอ ก่อนจะพูดเนิบนาบอย่างเป็นกันเองแต่กดดันอยู่ในที
“การหั่นวัตถุดิบสำคัญตรงมีดต้องคม หั่นต้องทำเท่ากัน แลดูสวยงามน่ากิน ไม่ใช่สักแต่หั่นๆๆ”
“อาณัฐคะ ไม่เท่ากันก็กินได้นี่คะ”
“ใช่กินได้ ใครจะทำอาหารก็ทำได้ แต่จะทำให้อร่อย ดูดี น่ากินมันยากกว่า”
คำพูดของเขามันจริง นอกจากหั่นขิงให้เท่ากันแล้ว อย่างอื่นก็ต้องหั่นให้เท่ากัน และเธอก็หั่นไม่เท่ากันสักกะอย่าง คิดในใจว่าทำไมไม่เน้นที่รสชาติของอาหารเป็นหลัก
“เหนื่อยจังเลยค่ะ มันไม่เท่ากันจะให้ทำยังไง”
“การทำอาหารต้องประณีต สะอาด เรียบร้อย สวยงาม แม้กระทั่งต้มจืด ถ้าชิ้นเท่าๆ กัน มันก็น่ากินกว่าชิ้นเล็กบ้างใหญ่บ้าง ถ้าจะเรียนทำอาหารกับอาก็ต้องตั้งใจมากกว่านี้ ถ้าจะสักแค่ทำๆ ให้เสร็จๆ ไปและกินได้ ไม่ต้องมาเรียน”
“อาณัฐคะ หนูดีจะตั้งใจ”
เธอไม่เคยยอมแพ้อะไร และไม่มีวันยอมแพ้อย่างเด็ดขาด ณัฐกอดอกมองดูเด็กสาวที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาก็นึกชื่นชมในใจ แต่ไม่ได้เอ่ยปากออกมาให้เธอได้ใจ
การใช้มีดในวันนั้นจบลงด้วยการที่นุดีนั่งหมดสภาพบนโซฟาและให้ณัฐช่วยนวดตัวให้ เขานวดแข้งนวดขา นวดตัวนวดไหล่ให้เธออย่างเอ็นดู
“เป็นไง ถอดใจหรือยัง”
“ยังค่ะ หนูดีไม่มีวันยอมแพ้หรอก”
“ก็ดี ต้องหัดแบบนี้ทุกๆ วันใช้มีดเก่งเมื่อไหร่ก็จะสอนทำอาหาร นอกจากหั่นผักแล้ว เนื้อก็สำคัญ ปลาก็ต้องหั่นให้ถูกลาย เนื้อก็เหมือนกันหั่นไม่ดีทำให้เสียรสชาติได้”
“ต้องถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่... อาบอกแล้วไงว่าไม่ใช่แต่สักว่าจะทำแค่อาหารให้อร่อย มันไม่มีวันอร่อยถ้าวัตถุดิบของเขาไม่ดี ผักไม่สด เนื้อไม่สด หั่นไม่ถูกลาย หรือหั่นชิ้นใหญ่เกินมันสุกช้า ชิ้นเล็กเกินเนื้อมันอาจจะเปื่อยถ้าใช้ไฟแรงหรือตั้งไฟนานไป”
“เห็นคนที่ทำกับข้าวขายข้างถนน ไม่เห็นต้องมานั่งพิถีพิถันแบบนั้นเลย”
“ถ้าอยากเป็นแค่คนขายข้าวแกงริมฟุตบาทหรือข้างถนน ก็ได้ ลูกค้าที่กินๆ ไปแบบนั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ถ้าอยากเป็นเชฟที่เก่งมันต้องมีมากกว่านั้น เพราะมันจะมีลูกค้าที่ยินดีควักเงินจ่ายให้เราพร้อมกับความสุขที่เขาได้กินอาหารของเรา”
“หนูดีไม่ยอมแพ้หรอก”
“เอาให้ได้อย่างที่ปากพูด”
“ชิส์!”
เธอสะบัดหน้างอนเขา ทำท่าจะต่อว่าเขาอีก แต่สะบัดหน้ากลับมา แก้มนวลกลับโดนปากและจมูกร้อนๆ ของเขา
นุดีชะงัก ณัฐเองก็ชะงัก เขาหยุดมือที่กำลังนวดไหล่เธอทันที
นุดีขยับปากจูบเขาก่อน แต่เธอจูบไม่เป็นก็เลยบดปากเขาไปแบบนั้น ณัฐคราง เขาเลื่อนมือมาเกาะกุมทรวงอกอวบอิ่มของเธอเอาไว้ ก่อนจะบดจูบจนเธอถอย เขากลับเป็นฝ่ายรุก ดูดริมฝีปากด้านบนของเธอ
เธอหอบหายใจเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกห่าง
“อาณัฐคะ”
“หือ... ว่าไง”
เขาพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“หนูอยากลองค่ะอาณัฐ”
ณัฐหรี่ตามองคนตรงหน้า ก่อนจะถามเสียงนุ่ม เขารู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่นพร่าอย่างควบคุมไม่อยู่
“อยากลอง...”
พูดยังไม่จบประโยคก็บดจูบริมฝีปากหยักหนาของเขาอีกครั้ง ณัฐจูบตอบอย่างดูดดื่ม เธอกอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ความผูกพันที่มีให้กันตลอดระยะเวลาหลายวันทำให้ทั้งสองปรารถนาสิ่งเดียวกันอย่างล้ำลึก
“หนูดียังเด็ก ควรตั้งใจเรียน”
เขาระงับอารมณ์ความเป็นชายอย่างเต็มที่ เพราะคิดว่าเธอยังเด็กนัก
“แต่หนูดีอยากลองกับอาณัฐ”
“อยากแค่ลองสนุกๆ แล้วคิดถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า”
“หนูดีรักอาณัฐ”
เธอโผเข้ากอดเขา ณัฐยอมรับว่าเขาตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เด็กสาวพูดมันออกมา
“รักหรือเหงา ที่อยู่กับอาเพราะพ่อแม่ไม่ดูแล”
“มันอาจจะใช่บางส่วน แต่หนูดี หนูดีอาจจะบ้าไปเองคนเดียว”
จู่ๆ เธอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่เขาหาว่าเธอพูดเล่น แต่เธอพูดจริงทุกอย่าง
“อาแค่...”
“ช่างเถอะค่ะ หนูดีไปลองกับคนอื่นก็ได้”
ร่างอวบหันหน้าหนี เธอพูดเพราะประชด แต่ณัฐรู้สึกว่าเขาโกรธเธออย่างที่สุด
มือแข็งแรงกระตุกมือเธอครั้งเดียว ร่างเธอก็กระเด็นมานั่งบนตักของเขาเรียบร้อยแล้ว
“อุ๊ย! อาณัฐ”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง อยากเป็นเหมือนพ่อแม่หรือไง”
“ไม่อยากเป็นเหมือนพ่อแม่ค่ะ อยากเจอผู้ชายที่รักเราจริง อยากมีสามีแบบอาณัฐ มันผิดตรงไหนคะ”
ณัฐอึ้งไป ไม่คิดว่าเด็กสาวจะพูดตรงแบบนี้
“แล้วอาณัฐคิดยังไงกับหนูดีคะ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน เคยรักหรือชอบหนูดีบ้างไหม”
“อาเอ็นดูเรา”
“เอ็นดูเฉยๆ เหรอคะ”
เธอสะบัดหน้าหนี รู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าเขาจะมีใจให้เธอบ้าง
“หนูดีคงเหมือนเด็กใจแตก แต่เชื่อไหม หนูดีไม่เคยจูบกับผู้ชาย ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยให้ใครกอดแบบนี้ ไม่เคยนั่งตักผู้ชายด้วย”
ณัฐเองได้ฟังเด็กสาวพูดก็แทบหลุดขำ หัวเธอยุ่งนิดหน่อย แถมยังตาแดงๆ เหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่ก็น่าเอ็นดูและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
“อาแก่แล้ว”
“แค่สามสิบหกเอง”
“ไหนเจอกันตอนแรกบอกว่าอาแก่แล้ว อายุเท่าแม่เราอ่ะ แถมยังบอกเลยว่าอาอายุตั้งสามสิบหก”
เขากลั้นขำจนปวดกราม
“ตอนนั้นเหรอ”
เธอทำท่านึกก่อนจะตาโต ทำหน้าไขสือได้แนบเนียน เขาไม่รู้ว่าจะจับเธอฟาดก้นหรืออะไรดี แต่เขาทำอะไรเธอไม่ลงจริงๆ
“อาณัฐไม่แก่เสียหน่อย ตอนนั้นถอนคำพูดก็ได้ คือยังไงดีล่ะคะ อาณัฐแก่เพราะอายุมันบอกว่าแก่ แต่จริงๆ อาณัฐยังหนุ่มเอ๊าะๆ เหมือนเด็กอายุยี่สิบปลายๆ น่ะค่ะ”
ไม่รู้ว่าเขาจะขำหรือจะทำหน้ายักษ์ใส่เธอดี ไอ้อายุยี่สิบปลายๆ ของเธอน่ะ มันเรียกเอ๊าะๆ อย่างนั้นเหรอ
เออนะ... ยัยเด็กบ๊องช่างพูดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เรียกว่าดำน้ำเห็นก้นอวบๆ จริงๆ เลย
“สรุปว่าอายังไม่แก่ ยังเอ๊าะๆ เหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นตอนปลาย”
“ใช่ค่ะ”
เธอยิ้มแป้นแล้น พยักหน้าหงึกๆ มือไม้ก็ซนเหลือเกินแอบลูบเขาไปทั่ว
“ถ้าเป็นแฟนกับอา จะไม่อายคนอื่นเขาเหรอว่ามีแฟนแก่”
“ไม่หรอกค่ะ หนูชอบอาณัฐมากๆ อาณัฐอบอุ่น ใจดี ทำอาหารอร่อย แล้วก็รับฟังทุกปัญหาของหนูดี คนอื่นไม่เคยฟังหนูดีเลย มีแต่พวกเผด็จการทั้งนั้น แล้วหนูดีจะไปฟังคำพูดของคนอื่นทำไมล่ะคะ”
“อายังไม่มีแฟนนะ”
“คะ? อาณัฐบอกหนูดีทำไมคะ”
นุดีใบหน้าเหลอหลา ณัฐแทบหลุดขำ แต่เขามีมารยาทพอที่จะไม่ขำให้เธอโกรธไปมากกว่านี้
“หนูดีจะสมัครเป็นแฟนอาไม่ใช่เหรอ อาต้องบอกก่อนสิว่ายังมีแฟน บอกว่ามีแฟนแล้ว เป็นชู้น่ะสิ”
“เป็นชู้ได้ไง แค่แฟนไม่ใช่เมีย”
“แก่แดด” เขาจิ้มหน้าผากเธอ
“อาคะ”
“ว่าไง”
“หนูดีจะชวนขึ้นห้องค่ะ”
“แค่กๆๆๆ”
ณัฐสำลักหูตาแดงไปหมด อยากจะหวดก้นเธอจริงๆ ที่ทำได้ก็แค่ขยำเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“หรือว่าอาณัฐทำไม่เป็นคะ เราค่อยๆ ศึกษาไปก็ได้ค่ะ หนูดีพร้อม”
ณัฐทั้งอยากลงไปนอนดิ้นขำให้สาสมกับประโยคใสซื่อของเธอ เขาเหมือนตาแก่พรากผู้เยาว์ยังไงก็ไม่รู้ นี่ถ้าพ่อแม่เธอรู้ มีหวังเขาโดนปาดคอแน่ๆ แต่เด็กมันยั่วก็ทนไม่ไหวเหมือนกันนะ
“ศึกษายังไงหืม...”
“วีดีโอหนังเอวีค่ะ หนังโป๊ก็ได้ เยอะแยะไป”
“เป็นเด็กเป็นเล็กดูหนังแนวนี้ด้วยเหรอ”
ณัฐหูผึ่ง... เขาหวงแหนเธออย่างบอกไม่ถูก กลัวเธอไปทำอะไรไม่ดีไม่งามกับเพื่อนชายที่โรงเรียน วัยกำลังอยากรู้อยากลองอยู่
“แอบดูของคุณพ่อน่ะค่ะ วันหลังจะหยิบมาให้อาณัฐดูด้วยจะได้ศึกษา”
เธอพูดเหมือนเขาเป็นเด็กเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มทำอะไรไม่เป็น แต่เขาก็ไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น