บทที่ 10 ซือเฉิงซาน

1532 คำ
“นายช่วยส่งคนไปสืบดูสิว่าหญิงสาวเมื่อครู่นี้เป็นใคร ฉันคิดว่าเธอมีดีมากกว่าที่เราเห็น และสืบเรื่องของคนร้ายด้วยว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงเท็จแค่ไหน ช่วยเท่าที่ช่วยได้” นายท่านโล่หรือโล่หมิงควนอดีตเจ้าหน้าที่ของกองทัพระดับสูงที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าพ่อค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพอย่างถูกกฎหมายรายใหญ่เอ่ยสั่งการกับคนสนิท “ครับท่าน ผมจะรีบจัดการให้” คนสนิทตอบรับก่อนจะเดินไปสั่งลูกน้องให้สืบเรื่องของ หญิงสาวคนเมื่อครู่นี้ ตลอดทางเซี่ยเจียวหงรู้ว่ามีคนสะกดรอย และเธอคิดว่าเป็นคนของลุงท่านนั้นที่โดนจับเป็นตัวประกัน เธอพอจะได้ยินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลุงท่านนั้นน่าจะใหญ่พอตัวเลยไม่ว่าอะไร อยากตามก็ตามไป เผื่อวันหน้าเธออาจจะได้ขอความช่วยเหลือ เมื่อทั้งสี่คนซื้อของที่ต้องการครบแล้วจึงเดินกลับมาหากวงฮ่าวจื่อที่จุดนัดพบก่อนจะเหมาเกวียน กลับบ้าน เรือนจำในเมืองชุนชิง ภายในห้องนอนนี้มีนักโทษอยู่ด้วยกันหกคนรวมซือเฉิงซาน เมื่อหนึ่งปีก่อนซือเฉิงซานโดนรับน้องแต่เพราะเขาเคยล่าสัตว์ในป่า มาก่อนทำให้ความสามารถด้านการต่อสู้พอมีอยู่บ้าง ทำให้เขารอดจากการรับน้องมาได้และกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด แต่เพราะความไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากโส่เฉิงที่เข้ามาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน “นายจะเขียนทำไมอาซาน ฉันไม่เห็นนายจะส่งจดหมายกลับบ้านเลยสักครั้ง อ้อ ไม่สิ มีครั้งเดียวเมื่อหลายเดือนก่อนที่ศาลตัดสินให้นายจำคุกตลอดชีวิต” โส่เฉิงพูดจบก็ยื่นบุหรี่ให้กับเพื่อนหนึ่งมวน วันนี้เขาไปแอบซื้อมาได้ไม่กี่มวนและรู้ดีว่าเพื่อนอย่างเฉิงซานน่าจะมีเรื่องเครียด เขาไม่รู้เพราะอะไรทำไมจึงไม่ติดต่อทางบ้าน เฉิงซานมีเงินใช้จ่ายเพราะถูกส่งไปทำงานในโรงไม้ เท่าที่รู้เฉิงซานมีลูกและภรรยาแล้ว รวมถึงแม่แก่ ๆ คนหนึ่ง แต่จะให้เขาถามมากไม่ได้เพราะคนที่เข้ามาอยู่ในนี้ย่อมต้อง มีเรื่องที่ทำผิดและบอกทางบ้านไม่ได้เหมือนกัน “ฉันแค่เขียนถึงลูก ตอนนี้อาฝานและเจินเจินยังไม่เรียนหนังสือ และฉันไม่อยากให้ลูกรู้ว่ามีพ่อขี้คุก ฉันเขียนและบอกเล่าเรื่องราวลงกระดาษแค่นี้ก็พอแล้ว ฉันไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้” ซือเฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น ตั้งแต่เขาถูกใส่ร้ายเขาก็ปฏิเสธมาตลอด แต่เพราะหลักฐานรวมถึงเจ้าทุกข์ชี้ตัวมาที่เขา แค่เสียงของเขาจะแย้งอะไรได้ จนสุดท้ายศาลสั่งให้จำคุกตลอดชีวิต ข้อหาปล้นทรัพย์และพยายามฆ่ารวมถึงข่มขืนเจ้าทุกข์ ซึ่งเจ้าทุกข์ไม่ใช่ใครที่ไหนกลับเป็นเจ้านายที่เขาให้ความเคารพ นักโทษตัวจริงคงมีอิทธิพลไม่น้อย ทำให้เจ้านายที่เคยดีกับเขาเสมอ ใส่ร้ายเขาตาไม่กะพริบได้แบบนี้ เพื่อนนักโทษในห้องขังนี้ต่างก็รู้ดีว่าซือเฉิงซานถูกใส่ร้าย เพราะชายหนุ่มย้ำมาตลอดว่าไม่เคยทำผิดกฎหมาย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหลักฐานและเจ้าทุกข์มัดตัว จึงทำได้เพียงสงสารในโชคชะตาของเพื่อนร่วมห้องขัง “อีกสามเดือนฉันจะพ้นโทษ นายต้องการให้ฉันไปแจ้งข่าวให้กับเมียนายไหม” นักโทษไท่หรานที่อยู่มาหลายปีจะพ้นโทษในอีกสามเดือน เอ่ยถามขึ้น ต่อให้เขาต้องเดินทางไกลเขาก็ยินดี เผื่อว่าทางบ้านของ ซือเฉิงซานจะมาร้องเรียนและขอรื้อคดีให้ “ไม่ต้องหรอก แค่เจียวหงต้องดูแม่และลูกทั้งสองคนก็คงเหนื่อยมากพอแล้ว อย่าให้เธอมารับรู้เรื่องนี้เลย” ในเมื่อเขาเขียนจดหมายส่งบอกเธอพร้อมใบหย่าที่ขอมาจากผู้คุม เขาหวังเพียงว่าเธอจะดูแลลูกทั้งสองคนและแม่ของเขาก็พอ ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่หวังเพราะรู้นิสัยของเมียตัวเองดีว่าเป็นคนอย่างไร แต่เขากลับลืมไปว่า เซี่ยเจียวหงอ่านหนังสือไม่ออกทุกตัวอักษร เลยทำให้ตอนนี้ที่ บ้านซือต่างคิดว่าเขานอกใจมีคนอื่นไปแล้ว หลังจากที่เขียนบอกเล่าเรื่องราวลงแผ่นกระดาษจนเสร็จ ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเพื่อสูบบุหรี่และมองไปทางหน้าต่างของห้องน้ำอย่างเหม่อลอย การใช้ชีวิตในเรือนจำของซือเฉิงซานไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้ามากินอาหารและถูกส่งตัวไปทำงานที่โรงไม้ จากนั้นก็กลับมาห้องนอน วันไหนวันหยุดก็จะลงไปที่สนามตามเวลาเพื่อเล่นกีฬากับกลุ่มเพื่อนนักโทษ จากนั้นถึงเวลาก็กลับเข้าห้อง ทุกอย่างจึงวนเวียนอยู่เพียงแค่นี้ กลับมาที่หมู่บ้านไผ่เขียว หลังจากที่เซี่ยเจียวหงและทุกคนกลับมาถึงบ้านก็นำของเข้าไปเก็บ ก่อนจะมารบกวนกวงฮ่าวจื่อเพื่อแจ้งข่าวชาวบ้านว่าเธอต้องการให้มาช่วยเกลี่ยพื้นดินข้างบ้านเพื่อจะสร้างบ้านหลังใหม่ กวงฮ่าวจื่อจึงไปตามเพื่อนและคนรู้จักที่พอจะมีสัมพันธ์ไมตรีกันมาทำงาน “พี่ใหญ่กวง ให้เพื่อนพี่ตีราคาเหมามาเลย แต่ต้องเสร็จก่อนที่ เถ้าแก่หูจะพาคนงานมาสร้างบ้าน ซึ่งนั่นคืออีกเจ็ดวัน” “พวกฉันขอค่าแรงห้าหยวนได้ไหม” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น “ได้สิ ฉันจะจ่ายให้สิบหยวน แต่ไม่มีอาหารเลี้ยงนะต้องหามา กินเอง ตกลงไหม” ไม่มีใครคิดว่าเซี่ยเจียวหงจะเพิ่มค่าแรงให้อีกเท่าตัวเพียงเพราะไม่มีอาหารเลี้ยง จึงรีบพยักหน้าตอบตกลงและเซี่ยเจียวหงจ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่งก่อน “พี่ใหญ่กวง พี่ไม่ต้องทำงานกับพวกเขานะพรุ่งนี้ฉันจะเข้าป่า พี่จะไปด้วยไหม ลองถามป้ากวงดูด้วยล่ะ เผื่อว่าอยากไปเก็บหน่อไม้ด้วยกัน” เซี่ยเจียวหงแม้จะไว้ใจกวงฮ่าวจื่อแต่ขี้ปากชาวบ้านเธอไม่ชอบจริง ๆ จึงให้ชวนนางกวงหลินไปด้วยกัน ซึ่งข้อนี้กวงฮ่าวจื่อเข้าใจและยินดีมากที่เซี่ยเจียวหงหรือสะใภ้ซือชวนเขาเข้าป่าด้วยกัน อย่างน้อยเขาต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาขายบ้าง “ได้สิ พี่จะบอกแม่ให้ แต่น้องสะใภ้จะไปกี่โมงพี่กับแม่จะได้เตรียมตัว” “หลังมื้อเช้าพี่ แต่ไม่ต้องบอกใครนะ ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย อีกทั้งพวกเราไปหาเงินกัน ฉันไม่อยากให้คนอื่นมีส่วนร่วมจะว่าฉันใจดำก็ได้” ในเมื่อนี่มันเป็นความสามารถของเธอ ซึ่งเธอไม่ยินดีจะแบ่งปันหรือเผื่อแผ่ให้ใครนอกจากบ้านกวง “อืมพี่เข้าใจ และขอบคุณมากที่ชวนพี่กับแม่ไปด้วย” กวงฮ่าวจื่อพยักหน้าเข้าใจ เรื่องแบบนี้เป็นเขาจะปิดปากเงียบไม่ให้ใครตามไปได้นอกจากคนที่อยากให้เช่นกัน เซี่ยเจียวหงเมื่อพูดคุยกับกวงฮ่าวจื่อและคนที่มาปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้วจึงเข้าบ้านเพื่อมาดูลูกทั้งสองคนและบอกกับแม่สามีว่าพรุ่งนี้เธอจะเข้าป่าพร้อมกับบ้านกวง “แม่ไปด้วยได้ไหม ส่วนสองแฝดฝากไว้กับสะใภ้กวง แม่จะได้ช่วยด้วย อย่างน้อยก็ช่วยเก็บหน่อไม้ก็ยังดี แม่ไม่ไปเป็นภาระของอาหงหรอก” นางหลิงมู่อยากช่วยลูกสะใภ้หาเงิน จึงขอที่จะตามไปด้วย เซี่ยเจียวหงคิดไม่นานจึงพยักหน้าตกลง “ได้ค่ะแม่ หน่อไม้ในป่าเยอะจริง ๆ พรุ่งนี้ถ้าล่าสัตว์ได้ฉันกับ พี่ใหญ่กวงและพวกเราจะได้เอาไปขายเลย หากมาขายให้ชาวบ้านฉันกลัวเป็นขี้ปากและพอจะขึ้นเขาคราวต่อไป ชาวบ้านได้ขอตามไปเป็น พรวนแน่” “แล้วทำไมอาหงถึงให้บ้านกวงไปด้วยล่ะ” “เพราะบ้านกวงดีกับบ้านซือ เราสร้างบ้านใหม่แล้วฉันอยากให้บ้านกวงอยู่ดีกินดีด้วย ล่าสัตว์พรุ่งนี้ฉันตั้งใจจะแบ่งให้บ้านกวงส่วนหนึ่ง แม่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม เพราะที่ผ่านมาป้ากวงและพี่ใหญ่กวงดีกับแม่และสองแฝดมาก สำหรับเซี่ยเจียวหงคนนี้บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้อง ชำระค่ะ” “พูดอะไรเสียน่ากลัวเชียว อาหงเปลี่ยนตัวเองและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนที่ดีกับเราแค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว ส่วนคนที่มีความแค้น ปล่อยได้ก็ ปล่อยไป” นางหลิงมู่กล่าว “ถ้าไม่มายุ่งหรือมาทำร้ายคนบ้านซือ ฉันก็พร้อมที่จะมองผ่าน แต่เมื่อไรที่ยื่นมือเข้ามาวุ่นวายฉันก็ขอจัดการตามวิธีของฉันก็แล้วกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม