“นายช่วยส่งคนไปสืบดูสิว่าหญิงสาวเมื่อครู่นี้เป็นใคร ฉันคิดว่าเธอมีดีมากกว่าที่เราเห็น และสืบเรื่องของคนร้ายด้วยว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงเท็จแค่ไหน ช่วยเท่าที่ช่วยได้”
นายท่านโล่หรือโล่หมิงควนอดีตเจ้าหน้าที่ของกองทัพระดับสูงที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าพ่อค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพอย่างถูกกฎหมายรายใหญ่เอ่ยสั่งการกับคนสนิท
“ครับท่าน ผมจะรีบจัดการให้”
คนสนิทตอบรับก่อนจะเดินไปสั่งลูกน้องให้สืบเรื่องของ หญิงสาวคนเมื่อครู่นี้
ตลอดทางเซี่ยเจียวหงรู้ว่ามีคนสะกดรอย และเธอคิดว่าเป็นคนของลุงท่านนั้นที่โดนจับเป็นตัวประกัน เธอพอจะได้ยินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลุงท่านนั้นน่าจะใหญ่พอตัวเลยไม่ว่าอะไร อยากตามก็ตามไป เผื่อวันหน้าเธออาจจะได้ขอความช่วยเหลือ เมื่อทั้งสี่คนซื้อของที่ต้องการครบแล้วจึงเดินกลับมาหากวงฮ่าวจื่อที่จุดนัดพบก่อนจะเหมาเกวียน กลับบ้าน
เรือนจำในเมืองชุนชิง
ภายในห้องนอนนี้มีนักโทษอยู่ด้วยกันหกคนรวมซือเฉิงซาน เมื่อหนึ่งปีก่อนซือเฉิงซานโดนรับน้องแต่เพราะเขาเคยล่าสัตว์ในป่า มาก่อนทำให้ความสามารถด้านการต่อสู้พอมีอยู่บ้าง ทำให้เขารอดจากการรับน้องมาได้และกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด แต่เพราะความไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากโส่เฉิงที่เข้ามาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
“นายจะเขียนทำไมอาซาน ฉันไม่เห็นนายจะส่งจดหมายกลับบ้านเลยสักครั้ง อ้อ ไม่สิ มีครั้งเดียวเมื่อหลายเดือนก่อนที่ศาลตัดสินให้นายจำคุกตลอดชีวิต”
โส่เฉิงพูดจบก็ยื่นบุหรี่ให้กับเพื่อนหนึ่งมวน วันนี้เขาไปแอบซื้อมาได้ไม่กี่มวนและรู้ดีว่าเพื่อนอย่างเฉิงซานน่าจะมีเรื่องเครียด เขาไม่รู้เพราะอะไรทำไมจึงไม่ติดต่อทางบ้าน เฉิงซานมีเงินใช้จ่ายเพราะถูกส่งไปทำงานในโรงไม้ เท่าที่รู้เฉิงซานมีลูกและภรรยาแล้ว รวมถึงแม่แก่ ๆ คนหนึ่ง แต่จะให้เขาถามมากไม่ได้เพราะคนที่เข้ามาอยู่ในนี้ย่อมต้อง มีเรื่องที่ทำผิดและบอกทางบ้านไม่ได้เหมือนกัน
“ฉันแค่เขียนถึงลูก ตอนนี้อาฝานและเจินเจินยังไม่เรียนหนังสือ และฉันไม่อยากให้ลูกรู้ว่ามีพ่อขี้คุก ฉันเขียนและบอกเล่าเรื่องราวลงกระดาษแค่นี้ก็พอแล้ว ฉันไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้”
ซือเฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น ตั้งแต่เขาถูกใส่ร้ายเขาก็ปฏิเสธมาตลอด แต่เพราะหลักฐานรวมถึงเจ้าทุกข์ชี้ตัวมาที่เขา แค่เสียงของเขาจะแย้งอะไรได้ จนสุดท้ายศาลสั่งให้จำคุกตลอดชีวิต ข้อหาปล้นทรัพย์และพยายามฆ่ารวมถึงข่มขืนเจ้าทุกข์
ซึ่งเจ้าทุกข์ไม่ใช่ใครที่ไหนกลับเป็นเจ้านายที่เขาให้ความเคารพ นักโทษตัวจริงคงมีอิทธิพลไม่น้อย ทำให้เจ้านายที่เคยดีกับเขาเสมอ ใส่ร้ายเขาตาไม่กะพริบได้แบบนี้
เพื่อนนักโทษในห้องขังนี้ต่างก็รู้ดีว่าซือเฉิงซานถูกใส่ร้าย เพราะชายหนุ่มย้ำมาตลอดว่าไม่เคยทำผิดกฎหมาย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหลักฐานและเจ้าทุกข์มัดตัว จึงทำได้เพียงสงสารในโชคชะตาของเพื่อนร่วมห้องขัง
“อีกสามเดือนฉันจะพ้นโทษ นายต้องการให้ฉันไปแจ้งข่าวให้กับเมียนายไหม”
นักโทษไท่หรานที่อยู่มาหลายปีจะพ้นโทษในอีกสามเดือน เอ่ยถามขึ้น ต่อให้เขาต้องเดินทางไกลเขาก็ยินดี เผื่อว่าทางบ้านของ ซือเฉิงซานจะมาร้องเรียนและขอรื้อคดีให้
“ไม่ต้องหรอก แค่เจียวหงต้องดูแม่และลูกทั้งสองคนก็คงเหนื่อยมากพอแล้ว อย่าให้เธอมารับรู้เรื่องนี้เลย”
ในเมื่อเขาเขียนจดหมายส่งบอกเธอพร้อมใบหย่าที่ขอมาจากผู้คุม เขาหวังเพียงว่าเธอจะดูแลลูกทั้งสองคนและแม่ของเขาก็พอ ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่หวังเพราะรู้นิสัยของเมียตัวเองดีว่าเป็นคนอย่างไร แต่เขากลับลืมไปว่า เซี่ยเจียวหงอ่านหนังสือไม่ออกทุกตัวอักษร เลยทำให้ตอนนี้ที่ บ้านซือต่างคิดว่าเขานอกใจมีคนอื่นไปแล้ว
หลังจากที่เขียนบอกเล่าเรื่องราวลงแผ่นกระดาษจนเสร็จ ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเพื่อสูบบุหรี่และมองไปทางหน้าต่างของห้องน้ำอย่างเหม่อลอย
การใช้ชีวิตในเรือนจำของซือเฉิงซานไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้ามากินอาหารและถูกส่งตัวไปทำงานที่โรงไม้ จากนั้นก็กลับมาห้องนอน วันไหนวันหยุดก็จะลงไปที่สนามตามเวลาเพื่อเล่นกีฬากับกลุ่มเพื่อนนักโทษ จากนั้นถึงเวลาก็กลับเข้าห้อง ทุกอย่างจึงวนเวียนอยู่เพียงแค่นี้
กลับมาที่หมู่บ้านไผ่เขียว หลังจากที่เซี่ยเจียวหงและทุกคนกลับมาถึงบ้านก็นำของเข้าไปเก็บ ก่อนจะมารบกวนกวงฮ่าวจื่อเพื่อแจ้งข่าวชาวบ้านว่าเธอต้องการให้มาช่วยเกลี่ยพื้นดินข้างบ้านเพื่อจะสร้างบ้านหลังใหม่ กวงฮ่าวจื่อจึงไปตามเพื่อนและคนรู้จักที่พอจะมีสัมพันธ์ไมตรีกันมาทำงาน
“พี่ใหญ่กวง ให้เพื่อนพี่ตีราคาเหมามาเลย แต่ต้องเสร็จก่อนที่ เถ้าแก่หูจะพาคนงานมาสร้างบ้าน ซึ่งนั่นคืออีกเจ็ดวัน”
“พวกฉันขอค่าแรงห้าหยวนได้ไหม” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ได้สิ ฉันจะจ่ายให้สิบหยวน แต่ไม่มีอาหารเลี้ยงนะต้องหามา กินเอง ตกลงไหม”
ไม่มีใครคิดว่าเซี่ยเจียวหงจะเพิ่มค่าแรงให้อีกเท่าตัวเพียงเพราะไม่มีอาหารเลี้ยง จึงรีบพยักหน้าตอบตกลงและเซี่ยเจียวหงจ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่งก่อน
“พี่ใหญ่กวง พี่ไม่ต้องทำงานกับพวกเขานะพรุ่งนี้ฉันจะเข้าป่า พี่จะไปด้วยไหม ลองถามป้ากวงดูด้วยล่ะ เผื่อว่าอยากไปเก็บหน่อไม้ด้วยกัน”
เซี่ยเจียวหงแม้จะไว้ใจกวงฮ่าวจื่อแต่ขี้ปากชาวบ้านเธอไม่ชอบจริง ๆ จึงให้ชวนนางกวงหลินไปด้วยกัน ซึ่งข้อนี้กวงฮ่าวจื่อเข้าใจและยินดีมากที่เซี่ยเจียวหงหรือสะใภ้ซือชวนเขาเข้าป่าด้วยกัน อย่างน้อยเขาต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาขายบ้าง
“ได้สิ พี่จะบอกแม่ให้ แต่น้องสะใภ้จะไปกี่โมงพี่กับแม่จะได้เตรียมตัว”
“หลังมื้อเช้าพี่ แต่ไม่ต้องบอกใครนะ ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย อีกทั้งพวกเราไปหาเงินกัน ฉันไม่อยากให้คนอื่นมีส่วนร่วมจะว่าฉันใจดำก็ได้”
ในเมื่อนี่มันเป็นความสามารถของเธอ ซึ่งเธอไม่ยินดีจะแบ่งปันหรือเผื่อแผ่ให้ใครนอกจากบ้านกวง
“อืมพี่เข้าใจ และขอบคุณมากที่ชวนพี่กับแม่ไปด้วย”
กวงฮ่าวจื่อพยักหน้าเข้าใจ เรื่องแบบนี้เป็นเขาจะปิดปากเงียบไม่ให้ใครตามไปได้นอกจากคนที่อยากให้เช่นกัน
เซี่ยเจียวหงเมื่อพูดคุยกับกวงฮ่าวจื่อและคนที่มาปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้วจึงเข้าบ้านเพื่อมาดูลูกทั้งสองคนและบอกกับแม่สามีว่าพรุ่งนี้เธอจะเข้าป่าพร้อมกับบ้านกวง
“แม่ไปด้วยได้ไหม ส่วนสองแฝดฝากไว้กับสะใภ้กวง แม่จะได้ช่วยด้วย อย่างน้อยก็ช่วยเก็บหน่อไม้ก็ยังดี แม่ไม่ไปเป็นภาระของอาหงหรอก”
นางหลิงมู่อยากช่วยลูกสะใภ้หาเงิน จึงขอที่จะตามไปด้วย เซี่ยเจียวหงคิดไม่นานจึงพยักหน้าตกลง
“ได้ค่ะแม่ หน่อไม้ในป่าเยอะจริง ๆ พรุ่งนี้ถ้าล่าสัตว์ได้ฉันกับ พี่ใหญ่กวงและพวกเราจะได้เอาไปขายเลย หากมาขายให้ชาวบ้านฉันกลัวเป็นขี้ปากและพอจะขึ้นเขาคราวต่อไป ชาวบ้านได้ขอตามไปเป็น พรวนแน่”
“แล้วทำไมอาหงถึงให้บ้านกวงไปด้วยล่ะ”
“เพราะบ้านกวงดีกับบ้านซือ เราสร้างบ้านใหม่แล้วฉันอยากให้บ้านกวงอยู่ดีกินดีด้วย ล่าสัตว์พรุ่งนี้ฉันตั้งใจจะแบ่งให้บ้านกวงส่วนหนึ่ง แม่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม เพราะที่ผ่านมาป้ากวงและพี่ใหญ่กวงดีกับแม่และสองแฝดมาก สำหรับเซี่ยเจียวหงคนนี้บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้อง ชำระค่ะ”
“พูดอะไรเสียน่ากลัวเชียว อาหงเปลี่ยนตัวเองและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนที่ดีกับเราแค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว ส่วนคนที่มีความแค้น ปล่อยได้ก็ ปล่อยไป” นางหลิงมู่กล่าว
“ถ้าไม่มายุ่งหรือมาทำร้ายคนบ้านซือ ฉันก็พร้อมที่จะมองผ่าน แต่เมื่อไรที่ยื่นมือเข้ามาวุ่นวายฉันก็ขอจัดการตามวิธีของฉันก็แล้วกัน”