ตอนที่​ 1. แม่และลูก

2315 คำ
บ้านนงค์ลักษณ์ ณ หมู่บ้านเช่าจัดสรรของบริษัทเคหะยนต์โปรดักช์ชั่น อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ บ้านของเยาวมาลย์ หรือคนในหมู่บ้านจัดสรรของที่นี้จะเรียกหญิงเจ้าของบ้านว่าหนูสมายด์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ เยาวมาลย์คนนี้เธอมีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทของเคหะยนต์โปรดักช์ชั่นนั่นแหละ ในช่วงเช้าของอีกวัน เยาวมาลย์ได้ตื่นมาในช่วงตีห้าครึ่งซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่เธอยังเป็นสาววัยยี่สิบโน้นแล้ว จนตอนนี้เธอมีอายุได้สี่สิบหกปีแล้ว เมื่อเธอตื่นจากเจ้าเครื่องรูปไก่ขันได้เวลาเธอจึงรีบไปเตรียมอาหารในชุดนอนสีฟ้านั่นแหละ ผัดผักใส่กุ้ง ใข่ไก่ต้ม และน้ำพริกกุ้งเสียบ คือเมนูอาหารของเธอและลูกของเธอ เธอมีลูกสาวแสนสวยอยู่คนหนึ่งชื่อว่านาคสุรีย์ คำว่า"เปียโน"ชื่อเล่นของสาวน้อยวัยสิบห้าปีคนนี้ ถึงหนูน้อยคนนี้จะถูกพ่อทิ้งเธอไปเพราะงานต่างๆของแม่เธอ แต่สาวน้อยคนนี้ก็ได้ตั้งใจไว้แล้วว่า เมื่อเธอได้เรียนจนจบถึงมหาลัยแล้ว เธอก็จะหางานทำเพื่อแม่และตัวเอง ถึงตอนนี้หนูแว่นคนนี้จะทำอะไรไม่ได้มากก็ตาม "ทำอะไรเหรอค่ะแม่มายด์" หนูแว่นของเยาวมาลย์ได้เดินลงมาที่โต๊ะกินข้าวแล้วมองมาที่แม่ของเธอที่กำลังใส่ปิ่นโตกับข้าวทั้งของเธอและของลูกเธอ กางเกงยีนสั้นสักลายการ์ตูนและเสื้อตัวใหญ่ลายสกอตสีขาวแดงแบบยุค90s คือชุดที่เปียโนใส่นอนในทุกๆคืน "ว่าไงยัยแว่น" เยาวมาลย์หันไปเรียกลูกสาวของตนแบบอารมย์ดี เปียโนดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงมองสำรับมื้อเช้าแล้วหันหน้าไปหาแม่ของตน " หู้ว! แม่มายด์ค่ะ กับข้าวเยอะจังเลยค่ะ" เปียโนยิ้มอย่างอารมย์ดี เยาวมาลย์ตักข้าวทั้งของเธอและของลูกยกมาวางไว้บนโต๊ะ สาวน้อยไม่รีรอรีบตักชิ้นกุ้งพอดีช้อนเข้าปากแล้วตักข้าวไปที่ช้อน ตักไข่ต้มใส่ข้าว หยิบซอสฝาเหลืองขวดเล็กเหยาะใส่ไข่แล้วบี้และคลุกข้าวจนข้าวเป็นสีเหลืองดูน่ากิน ก่อนตักข้าวส่วนสีเหลืองนั้นใส่ปากแล้วกิน เยาวมาลย์เธอกินข้าวไปแล้วกดดูทีวีเพื่อดูข่าว เธอดูข่าวไปเรื่อยๆจนเจอกับข่าวๆหนึ่ง นักข่าวได้พูดบนโต๊ะข่าวของเขาพร้อมอ่านข่าวบนจอว่า นักเรียนไทย ระบบศึกษาไทยและแอป "โรงเรียนT.N.P.N.(K.E.K.)" มาดูข่าวต่อไปนะครับ เรื่องนี้ได้เป็นที่พูดถึงในวงกว้างนะครับเมื่อคุณกาญจ์ บ้านกล ประธานบริษัทกลุ่มโกลเด้นอีเล็กซ์ฯกรุ๊ปหรือเค.อี.เค ได้คิดค้นกลุ่มแอปและสถาบันศึกษาการเรียนแบบออนไลน์ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้กลุ่มของเค.อี.เคกรุ๊ปได้ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักกับบริษัทยา ระบบอินเตอร์เน็ตและสถานบันรักษาโรคที่คนไทยรู้จัก บริษัทนี้นะครับได้สร้างคุณูปการให้กับชาวโลกและชาวไทยด้วยการสร้างวัคซีนมิลินห์ด้า วัคซีนชื่อดังที่ทำให้ทหารทั่วโลกรอดพ้นจากไวรัสใหญ่หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เป็นไวรัสที่ทำลายผิวหนังและระบบประสาท และยังเป็นบริษัทเอกชนที่สร้างวัคซีนแปดขนาน ที่สามารถรักษาโรคร้ายทั้งแปดอย่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ พอกลับเข้ามาในเรื่องระบบการศึกษาของเค.อี.เค. ทางเราได้โทรศัพท์ถามถึงการสร้างในครั้งนี้ คุณกาญจ์บอกกับสื่อของเราว่าให้สายข่าวออกมาถามตรงๆ ซึ่งคุณนฤมลสายข่าวของเราได้ไปที่แมนชั่นของคุณกาญจ์แล้ว เดี๋ยวเรายกหน้าที่นี้ให้กับคุณนฤมลครับ คุณนฤมลครับ คะนพคุณค่ะ ในตอนนี้ดิฉันอยู่กับคุณกาญจ์ บ้านกลนะค่ะ ซึ่งคุณกาญจ์ได้ได้ให้เกียรติแก่สื่อของเรามากนะค่ะที่ได้ต้อนรับเราและได้ร่วมให้ข้อมูลกับเรานะค่ะ สวัสดีคะคุณกาญจ์ สวัสดีครับ ขอถามหน่อยนะค่ะ สายข่าวรายงานว่าคุณกาญจ์จะมีการตั้งองค์กรการกุศลอย่างสถาบันการศึกษาออนไลน์ในไทย อยากทราบว่าเหตุใดหรือเพราะอะไรที่ทำให้คุณกาญจ์ได้ก่อตั้งสถาบันศึกษานี้ขึ้นมาค่ะ ต้องบอกว่า การที่ได้ตั้งสถาบันนี้ขึ้นมา ก็เพียงแค่อยากเห็นคนไทยใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ก็เท่านั้นเองครับ ในการวางระบบในครั้งนี้ได้พัฒนาด้วยผู้เชี่ยวชาญและระบบคอมพิวเตอร์ชั้นสุดยอดของเราครับ จึงไม่ต้องห่วงทั้งการศึกษาที่ดีและมีคุณภาพครับ ขอบพระคุณค่ะ ตอนนี้เชิญกลับไปยังห้องข่าวของเราได้แล้วค่ะ... ข่าวในจอโทรทัศน์นั้น เป็นข่าวของบริษัทที่ภรรยาคนใหม่ของสามีของเธอได้ทำงานอยู่ ถึงแม้ว่าจะอย่าร้างกันแต่ในในความจริงคือเธอได้ไปมาหาสู่กันบ้างก็ได้เจอกัน และอันที่จริงแล้วเธอกับภรรยาใหม่ของสามีอดีตสามีของเธอก็คือเพื่อนกันนั้นเอง และเมื่อเธอได้ดูข่าวแล้ว เธอก็ยิ้มออกมาด้วยที่ว่าบริษัทของเพื่อนเธอได้ก้าวกระโดดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าข้างในมันจะรู้สึกอิจฉาบ้างก็ตาม เปียโนทานข้าวอยู่เห็นแม่ของเธอได้มองจอโทรทัศน์ไม่วางตาจึงได้ถามว่า "แม่มายด์ค่ะ" "..จ..จ้ะเปีย" สมาย์หันมาหาเปียโนด้วยยังคงจ้องทีวีอยู่ เปียโนก็ได้ถามขึ้นอีกครั้ง "แม่อิจฉาบริษัทของเจ้านายแม่รินเหรอค่ะ" เยาวมาลย์เมื่อเห็นลูกของตนได้ถามไว้เช่นนั้นก็ได้ส่ายหน้าแล้วปฏิเสธไปด้วยเสียงนุ่ม "อะไรกันยัยแว่น แม่ก็แค่คิดเรื่องในข่าว ว่าเรานะควรจะเรียนด้านออนไลน์อย่างเดียวเลยดีมั้ย" "แม่ค่ะ!~..." น.ส.นาคสุรีย์ทำหยู่หน้ากะเง้ากะงอดเมื่อแม่ของตนได้ตอบคำถามที่ไม่น่าตอบเอาเสียเลย "จะให้พวกเราสองคนลำบากกันทำไมหละค่ะ หนูนะเรียนที่โรงเรียนเอกชนของหมู่บ้านก็มีไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ" เมื่อเห็นลูกสาวได้มาพูดเชิงไม่เห็นด้วยอย่างน่ารัก คนเป็นแม่ก็ได้ยิ้มเป็นเลาว่าได้แกล้งลูกสาวของตนอย่างชอบใจ เยาวมาลย์จึงได้พูดเฉลยขึ้นว่า "แม่ก็พูดไปงั้นเองแหละลูก แม่ก็แค่อยากให้ลูกได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านบ้างก็เท่านั้นเอง" เมื่อได้พูดถึงตรงนี้แล้ว คนเป็นแม่ก็ได้ยกโทรศัพท์มือถือของตนมาดูเวลาในมือก็พบว่าเวลาในมือบอกเป็นเลข 06 : 05 แล้ว เยาวมาลย์จึงได้พูดกับลูกของเธอว่า "นี่ไอ้แว่น รีบกินข้าวได้แล้วนี่หกโมงกว่า รีบกินเร็วรีบกินๆ" เมื่อได้ยินเวลาที่แม่ของตนบอกแล้ว ดูเหมือนว่าเปียโนจะหยิบมือถือของตนเพื่อเช็กความแน่ใจจนเมื่อรู้ตัวว่ามือถือมันได้บอกเป็นเวลาดังกล่าวแล้วจึงได้รีบกินข้าวในจานทันที... เมื่อแม่และลูกทั้งสองได้ทำธุระของตนเสร็จแล้ว เยาวมาลย์ที่ได้แต่งตัวเสร็จแล้วจึงได้เข้ามาในรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยของเธอที่ตอนนี้เปียโนก็ได้เดินเข้ามาในรถแล้วเช่นกัน เมื่อเขียนถึงตรงนี้ก็น่าจะบอกได้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังขับรถเพื่อไปในที่ทำงานของตน เปียโนก็ถูกขับไปส่งที่โรงเรียนสินชัยวิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่ห่างจากหมู่บ้านไปไม่มากนัก ส่วนเยาวมาลย์ก็ได้ขับรถไปอีกเส้นทางหนึ่งเมื่อหล่อนไปส่งนักเรียนสายเลือดของตนแล้ว เธอจึงได้ขับมาเรื่อยๆ จนไปเจอร้านเสบียงประจำของเธอ ร้านนั้นชื่อร้านว่าไก่ย่างปางเลไลย์ ซึ่งเป็นร้านส้มตำไก่ย่างรถเข็นแถวๆร้านเซเว่นฯที่ปั้มแห่งหนึ่งในตัวเมืองสมุทรปราการนั้นเอง เธอมักจะไปเจอพ่อค้าที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนของเธอ นายสถิตหรือตาทิดแห่งร้านรถเข็นไก่ย่างปางเลไลย์ได้เห็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาจึงได้พูดอย่างอารมย์ดีว่า "อ้าว ยัยมายด์ เป็นไงบ้างได้ข่าวว่าแกไปดูงานที่เมืองจีนใหญ่ เป็นไงบ้างละ" สมายด์พยักหน้า พลาง "ก็สนุกดีนะพี่ ได้สนุกหลังไวรัสเอ็นไอทีหายนี้ก็ดีเหมือนกันนะพี่ วันนี้เอาไก่ย่างส้มตำใข่เค็ม ส้มตำหนึ่งไก่สองค่ะ" พ่อค้าหัวใสพยักหน้า แล้วทำตามออเดอร์ทันที เมื่อสมายด์มาถึงบริษัทขององค์กรเคหะยนต์ฯ เธอก็รีบไปดูงานที่เธอดูแลอยู่ เธอทำงานเป็นพนักงานชั้นหัวหน้าฝ่ายบัญชีและการตลาดจึงต้องดูงานจนถึงค่ำในทุกๆวันดังเช่นวันนี้ 09:45 ประชุม ณ ที่ประชุมในบริษัท นายไตรภาส ภวัสสันติ ผู้เป็นประธานบริษัท ได้กล่าวอภิปรายว่า "ก่อนที่จะได้คุยกันในเรื่องงาน ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับทุกคน" เมื่อเหล่าผู้บริหารได้ยินเช่นนั้น จึงได้หันมามองให้นายไตรภาส รวมถึงเยาวมาลย์ที่ร่วมประชุมด้วย "ผมจะเข้าสมัครการเมืองในพรรคภาคีรวมไทย ทีนี้ท่านสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีที่อยู่ที่นี้ ผมขอถามหน่อยว่า เมื่อผมได้ลงจากตำแหน่งประธานบริษัทไปเป็นส.ว.ในเรื่องการเมืองแล้ว บริษัทเราควรที่จะได้ใครเป็นประธานบริษัท" นายวัยวัฒน์ ปัญจงสิทธ์ ผู้อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการบริษัท"ดับบิว.พี.อินดักส์ชั่น"ได้ยกมืออนุญาตขึ้น เมื่อนายไตรภาสเห็นจึงได้กล่าวเชิงอณุญาติให้นายวัยวัฒน์แถลงว่า "เชิญคุณวัยแถลง" วัยวัฒน์ได้เอามือลงแล้วกล่าวว่า "กราบเรียนท่านประธาน ผมมีเรื่องที่จะขอร้องท่าน" ไตรภาสพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แบมือแล้วกวักเพื่อให้วัยวัฒน์อธิบาย วัยวัฒน์แถลงอธิบายว่า "งานเรา นอกจากการดูแลโครงการหมู่บ้านแล้ว ยังมีการทำบริการด้านโรงแรมห้าดาว บริการรับซ่อมรถสร้างรถ สร้างเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ สวนน้ำ ไนท์คลับและบริการด้านศัลยกรรมและสุขภาพที่ผมดูแลอยู่ด้วย เรามีไตรมาสการบริการเป็นอันดับต้นๆของประเทศ และมีรายได้เฉลี่ยมูลค่านับหนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทต่อปี เมื่อท่านได้สละตำแหน่งแล้ว ใครกันที่จะเป็นผู้รับตำแหน่งละครับ" เมื่อวัยวัฒน์ได้แถลงเช่นนั้น แทนที่พวกผู้บริหารจะมีสีหน้าดีใจที่ประธานจะสละตำแหน่ง กลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทางด้านไตรภาสผู้เป็นประธานจึงได้ถามทุกๆคนว่า " อ้าว นี่ทุกคนไม่ดีใจกันรึยังไง ที่ผมจะลงจากตำแหน่งแล้วพวกคุณจะได้ทำงานต่อจากผม" นายปิยะภัส ผู้เป็นบุตรชายและเป็นหัวหน้าฝ่ายโอทีและประชาสัมพันธ์ได้ยกมือแล้วก็กล่าวว่า "คุณพ่อครับ เอออ พวกเรายังไม่อยากให้คุณพ่อต้องออกจากบริษัทเพื่อไปลงการเมืองมากนัก ด้วยเพราะว่าตอนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะให้คุณพ่อลงจากตำแหน่งเพราะเรายังมีงานอีกมากมายให้สะสาง ถ้าคุณพ่อลงจากตำแหน่งแล้วความเชื่อถือในองค์กรใครจะรับผิดชอบละครับ ถึงพวกเราจะเป็นหัวหน้าและผู้อำนวยการบริษัทในเครือแต่ว่า เรา เราทั้งหมดยังไม่ได้เตรียมใจไว้เพื่อการนี้นะครับ" ผู้เป็นบิดาได้คิดแล้วหัวเราะว่า " ฮ่าๆ! โอ้โห้ นี่ทุกท่าน นี้ผมจะอายุปาไปเลขห้าสิบแปดแล้วนะ พวกคุณยังมีไฟและยังมีความรู้ที่จะพาองค์กรของเราพัฒนาจนไปถึงระดับโลกได้ แต่พวกคุณกลับรั้งผมซึ่งเป็นตาแก่หมดไฟที่จะทำงานบริษัทได้แล้วรึ อีกอย่างผมจะอายุที่จะได้เกษียนแล้วพวกคุณยังรั้งผมไว้อีกงั้นรึ" ถึงภายในจะเงียบ แต่ชายวัยใกล้เกษียนได้บอกอีกว่า "เมื่อผมคิดที่จะมีความสุขในการพัฒนาสังคมและครอบครัวแล้ว มีอย่างรึที่พวกคุณจะรั้งตาแก่อย่างผม แต่ก็เอาเถอะ ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ต่อ เพราะในตอนนี้ผมยังมีกำลังวังชาที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไปอีกสองปีเท่านั้น ที่เหลือ พวกคุณก็จงเตรียมตัวที่จะถูกจับสลากเลือกตั้งประธานให้ดีเถอะ..." แล้วนายไตรภาสก็ได้ย้ายการกล่าวถึงอนาคตเป็นปัจจุบันที่ตอนนี้ได้สร้างโปรเจกซ์หนึ่งขึ้นมา โดยเป็นการร่วมมือระหว่างองค์กรเคหะยนต์โปรดักช์ชั่น กับบริษัทไชนิสเวิล์ดถังชิงหวู่ซึ่งเป็นบริษัทของจีนที่ทำการด้านรถไฟ การประชุมในตอนนี้เกี่ยวกับการจ่ายสำปทานของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ซึ่งมีสองบริษัทเป็นตัวกลางการร่วมมือสร้างรถไฟ การประชุมนี้ถือว่าเป็นไปอย่างดี แต่สำหรับเยาวมาลย์แล้ว เธอกลับไม่สนใจในเรื่องการประชุมนั้นเลย เพราะเธอมัวแต่ใจหายในประธานที่เธอรักเหมือนพ่อจะลงจากตำแหน่ง เธอได้พบผู้ชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อสิบห้าปีก่อน ไตรภาสคนนี้ได้รับความรักที่อบอุ่นและความเคารพตั้งแต่เด็กน้อยยันรัฐบุรุษและรัฐมนตรีทุกคน ร่วมถึงเธอด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม