ไร่อุ่นรัก เวลาบ่ายสามกว่า ๆ
ท่ามกลางแดดบ่ายในวันอาทิตย์ รถยนต์สี่ประตูสีแดงวิ่งเข้ามายังประตูรั้วไม้ด้านหน้าที่เปิดอ้ารออยู่แล้ว ก่อนจะขับไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ทั้งสัก กฤษณา ตลอดจนไม้ผลทั้งหลายเช่น มะปราง ละมุด ลำใย ลิ้นจี่ จนกระทั่งไปจอดลงที่หน้าเรือนไม้สักทองหลังใหญ่ยกพื้นราวเมตรครึ่ง
ประตูรถฝั่งคนนั่งถูกเปิดออกก่อนที่จะมีเรียวขาขาว ๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งก้าวลงมา เธอสวมชุดเดรสสีแดงแขนกุดความยาวเลยเข่ารัดรูป เน้นสัดส่วนโค้งเว้าเย้ายวนแบบนมเป็นนม ตูดเป็นตูด
เธอสะบัดผมสีดำขลับยาวเลยกลางหลังเล็กน้อย มันพลิ้วกระจายล้อแสงตะวันราวกับแพรไหม
น้ำฟ้า คือชื่อของหญิงสาวสวยวัยย่างเบญจเพสคนนี้
ผิว หุ่น ว่าเหมาะเจาะแล้ว ตวัดขึ้นไปบนใบหน้ายิ่งละสายตาไม่ได้ ใบหน้ารูปไข่ ตากลมโตมีแววหวานเคลือบเจือ จมูกโด่งรับกันดีกับปากอิ่มรูปกระจับ หากคิ้วโก่งโค้งได้รูปนั้นมันมุ่นเข้ามาด้วยความหงุดหงิดเหลือเกิน สองเรียวแขนถูกยกขึ้นมากอดประสานไว้ที่อก พร้อมกับสายตาที่กวาดมองไปโดยรอบ
“ คุณย่านะคุณย่า ให้ฟ้ามาทำอะไรที่นี่ จะถูกฆ่าหมกป่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยู่บนเขาแถมมีแต่ป่าแต่ดงทั้งนั้น ”
ปึ้ง !
เสียงปิดประตูอีกฝั่งดังจนเธอเผลอสะดุ้ง คนขับรถที่เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อนายไกร เป็นชายรูปร่างสันทัดวัยสี่สิบปลายที่ไม่ค่อยจะพูดจะจา ถามอะไรก็แทบจะไม่เปิดปาก ราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงยังไงยังงั้น
เขาหยิบกระเป๋าเดินทางและสัมภาระทั้งหลายของเธอแล้วเดินขึ้นเรือนไปวางโครมที่ระเบียงก่อนจะกลับลงมา
“ เชิญคุณผู้หญิงขึ้นบนเรือนครับ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงมา ”
“ แล้วเขาไปไหน อีกนานไหมคะพี่ไกร ”
“ ไม่รู้ครับ ” ตอบสั้น ๆ ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย ทำให้เธอยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดอีกทวีคูณ
“ ไร้มารยาท บ้านป่าเมืองเถื่อน ! ”
เธอสบถก่อนจะหันซ้ายหันขวา มองว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นให้ถามบ้างหรือเปล่า เมื่อไม่พบใครสักคนนอกจากต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ จึงตัดสินใจเดินกระแทกส้นเท้าขึ้นบันไดไปบนเรือนไม้สักหลังนั้น
แม้จะหงุดหงิดกับทั้งสถานที่และผู้คน แต่สายตากวาดมองเรือนไม้สักทองสวยนั้นชื่นชมอย่างปิดไม่มิด จริงอยู่ที่เธอไปเรียนเมืองนอกเมืองนาตั้งแต่ไฮสกูล พบเจอแต่ตึกรามบ้านช่องทันสมัย สไตล์โมเดิร์น คอทเทจ หรือต่าง ๆ นานาดาษดื่น แต่ความเป็นเรือนไม้แบบไทย ๆ ก็ยังมีเสน่ห์กว่าแบบอื่นในความคิดของเธอ
เรือนหลังนี้เป็นแบบเรือนไทยประยุกต์ ใช้ไม้สักผสมผสานกับการปลูกสร้างใช้งานแบบใหม่ได้อย่างลงตัว ตกแต่งด้วยไม้ฉลุทั้งราวบันได ซุ้มด้านบนเหนือบันได ตลอดจนระเบียงหน้ามุขเอาไว้นั่งเล่นหน้าบ้าน แต่พอจะมองเข้าไปในตัวบ้านก็พบว่าประตูไม้แกะสลักบานใหญ่ถูกปิดสนิท
“ มีนัดสัมภาษณ์งานเรา ทำไมไม่รู้จักอยู่บ้าน ”
เธอพึมพำไปตามประสา แม้ว่าที่นี่จะต้นไม้เยอะแต่ก็อบอ้าวพอควรตามสภาวะอากาศของประเทศไทยในฤดูนี้ บวกกับอารมณ์หงุดหงิดหลาย ๆ อย่างที่มันทำให้อุณภูมิในร่างกายคงพลอยสูงขึ้นตามไปด้วยในทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนจนพลิกชีวิตของเธอจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที
‘ ย่าติดหนี้พนันออนไลน์ ’
นั่นคือคำสารภาพของคุณรุ่งฤดี หรือคุณย่ารุ่ง ย่าแท้ ๆ ของน้ำฟ้าที่ทำเอาเธอแทบจะล้มลงไปทั้งยืนหัวฟาดพื้นให้ตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ย่ารุ่งเป็นสาวบ้านนอกที่บุญหล่นทับได้แต่งงานกับคุณปู่ที่เป็นลูกเศรษฐีที่ดิน มีลูกชายคนเดียวคือคุณพ่อของน้ำฟ้า แม้จะร่ำรวยจนใช้เงินไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมดแต่ย่ารุ่งก็อาภัพ เสียทั้งสามี ลูกชาย และลูกสะใภ้ไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกัน ผู้รอดชีวิตคือคุณย่าที่ตอนนั้นไปช้อปปิ้งเกาหลีกับเพื่อน ๆ ส่วนตัวน้ำฟ้าเองก็ไปเรียนไฮสกูลที่นิวซีแลนด์แล้ว
เธอตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี จนจบออกมาและประกอบอาชีพแอร์โฮสเตสในปัจจุบัน ชีวิตราบรื่น กลับมาเยี่ยมคุณย่าบ้างปีละครั้งสองครั้งเพราะงานรัดตัวเหลือเกิน แต่ชีวิตอันแสนสมบูรณ์นั้นต้องพังครืนกับคำสารภาพนั้น
ที่ทางของทางฝั่งคุณปู่เยอะเหลือเกินแต่คุณย่าบอกว่าเอาไปเล่นพนันจนหมด ตอนนี้แม้แต่ที่บ้านก็เอาไปจำนอง แม้ว่าน้ำฟ้าจะเสนอเงินเก็บของตัวเองรวมทั้งมรดกของคุณพ่อคุณแม่ที่ทิ้งไว้แต่คุณย่าก็บอกว่ามันยังไม่พอกับการที่ท่านไปกู้ยืมหนี้นอกระบบของเจ้าพ่อเงินกู้แห่งสุโขทัยที่ชื่อว่า
‘ คุณปฐพี หรือพ่อเลี้ยงดิน ’
คุณย่าบอกว่าพ่อเลี้ยงดินยื่นข้อเสนอทางรอดที่ไม่ให้เขายึดที่ทางสมบัติพัสถานบ้านช่อง โดยการให้หลานสาวมาช่วยทำการตลาด ช่วยงานของกิจการของเขาไปก่อน ถ้าหากว่าช่วยทำกำไรได้มากขึ้น เขาจะหักทั้งหนี้และดอกเบี้ยจากส่วนนี้ แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องมาทำงานที่นี่ ที่ไร่อุ่นรักที่อยู่ท่ามกลางเนินเขาและต้นไม้ใหญ่น้อยราวป่าดงแห่งนี้
‘ แต่ฟ้าไม่เคยทำงานด้านการตลาดมาก่อนเลยนะคะคุณย่า ’ เป็นคำพูดที่เธอแย้งขึ้น
‘ ทุกสิ่งอย่างมันก็เรียนรู้กันได้ทั้งนั้น หนูฉลาดจะตายน้ำฟ้า ’ คุณย่าพูดคำนี้มาหน้าตาเฉย
ใจหนึ่งเธอโกรธคุณย่ามากที่ปล่อยให้ผีพนันครอบงำจนสิ้นเนื้อประดาตัว ทั้งที่ปกติก็ใช้ชีวิตไฮโซร่ำรวยสบายจะตายชัก ไม่เข้าใจว่าจะเข้าไปพัวพันกับการพนันทำไม อยากจะปล่อยให้รับกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจมันก็ทำไม่ได้ ความกตัญญูมันค้ำคออีกนั่นแหละ
“ คุณย่านะคุณย่า ” เธอบ่นคำนี้ไม่รู้เป็นกี่สิบกี่ร้อยครั้ง สายตาทั้งคู่ก็สอดส่ายไปทั่วบริเวณ ก็ยังไม่พบมนุษย์หน้าไหนแม้สักคนเดียว
“ อีตาลุงพ่อเลี้ยงอะไรนั่นไปไหนของเขานะ มารยาทน่ะมีไหม นัดไม่เป็นนัด โว้ย ! ”
เธอบ่นแล้วสบถเพราะความหงุดหงิด ไม่รู้หรอกว่าตาพ่อเลี้ยงเงินกู้อะไรนั่นอายุเท่าไหร่ แต่คุณย่าบอกว่าไปรู้จักได้เพราะเขาเป็นลูกชายของเพื่อนรุ่นพี่ห่าง ๆ ของคุณย่าอีกที เธออนุมานเอาเองว่าถ้าเป็นลูกชายเพื่อนย่าก็น่าจะรุ่นเดียวกับคุณพ่อของเธอหรือไม่ก็ต้องมากกว่า เลยใช้สรรพนามกล่าวถึงว่า ‘ ลุง ’ เสียเลย
เรียกแบบนี้น่ะถูกแล้ว ดูนิสัยที่ทำสิ ปล่อยให้ผู้มาเยือนมารอแบบนี้ มนุษย์ลุงแท้ ๆ !