ตอนที่ 5
แผนการของรุ่นพี่
"ว้าย ตามติดกันขนาดนี้ พวกเธอจะแต่งกันวันไหนจ๊ะ"
เสียงเอ่ยแซวลอยลมมาให้รำคาญหูเหมือนอย่างทุกวัน เมื่อสองเพื่อนสนิทอย่างกวินทร์และเฟยเดินผ่านเข้ามาให้ได้เห็น
ซึ่งนั่นมันทำให้สองคนที่ตกอยู่ในเป้าสายตาอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ แต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรออกไป แล้วเลี่ยงไปนั่งยังโต๊ะม้าหินอ่อนที่ประจำของตัวเอง อย่างไม่ใส่ใจเสียงนกกาของเพื่อนร่วมคณะขี้อิจฉาเจ้าเดิมที่กำลังจิกกัดเธออยู่
โดยใช้คำว่าหยอกล้อตามประสาเพื่อนมาบังหน้า
"จิกเก่ง กัดเก่ง"
เฟยเอ่ยขึ้นเบา ๆ ในขณะที่ตาก็จับจ้องไปยังกระดาษขาวตรงหน้าที่อัดแน่นไปด้วยตัวหนังสือมากมายด้วยความตั้งใจ ไม่ต่างจากตัวของกวินทร์เองที่ทำเพียงแค่ปรายตามองอีกฝ่ายเท่านั้น แล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนจะเบนสายตากลับมาจับจ้องตัวหนังสือไม่ต่างกัน
"ก็แค่เรื่องไร้สาระเรื่องหนึ่ง"
ใช่ทั้งตัวเขาและเฟยต่างก็คิดแบบนั้นไม่ต่างกันเลยสักนิดกับความไร้สาระที่ได้ยินจนเอียนหูนี่ ยอมรับเลยเหมือนกันว่าตอนแรกที่ได้ยินก็รู้สึกรำคาญปนไม่พอใจเหมือนกัน แต่เพราะพอมองเห็นว่านิสัยของมิลินนั้น ก็มักจะจิกกัดคนอื่นที่ตนไม่ชอบเป็นประจำ ทั้งคู่เลยเลือกจะปล่อยวางแทน
โดยปล่อยให้คนที่ยังเป็นบัวใต้ตมอย่างคนนั้น ภูมิใจว่าตนสามารถจิกกัดทั้งคู่ได้ โดยที่สองหนุ่มสาวไม่กล้าพอที่จะโต้ตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย
"เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าสองคนนั้นมันไม่กล้าหือกับฉันหรอก โดยเฉพาะยัยเฟย รายนั้นกลัวฉันยังกับอะไรดี หึ"
มิลินเชิดหน้าเอ่ยออกมาราวตัวเองเป็นนางพญาหงส์ที่กำลังเหยียบคนอื่นให้ขึ้นสูงได้ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะรู้เหตุผลดีก็ตามว่าทำไมเฟยถึงเลือกที่จะนิ่งเงียบแบบนี้
"แกนี่มันแน่จริงว่ะลิน ว่าแต่ทำไมยัยเฟยถึงได้ไม่กล้าหือกับแกอะ มีอะไรเล่าให้ฟังปะ"
"ก็จะอะไรล่ะ นอกจากบ้านของยัยเฟยต้องอาศัยยาจากบ้านมิลินอยู่ ก็คงกลัวว่าจะไม่มียามาขายคนไข้น่ะสิ"
เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่ดูแคลนไม่น้อย อย่างอยากจะเอาใจเพื่อนว่าตนนั้นกำลังเข้าข้างอยู่
"ว่าขายก็ไม่ถูกหรอก เพราะเอาจริง ๆ ส่วนใหญ่เห็นว่าคนไข้จะแปะโป้งค่ายาเอาไว้เยอะนะ แบบว่าพวกไม่มีเงิน แต่อยากรักษาดีๆ"
"แบบนี้บ้านยัยเฟยก็ไม่มีเงินอะดิ"
"ก็ต้องแน่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นวันก่อนยัยลินจะได้เอาบิลเรียกเก็บมาทวงถึงมหาลัยหรือไงล่ะ"
เสียงพูดคุยนินทา บวกกับเสียงหัวเราะสนุกสนานดังขึ้นมาจากคนในกลุ่มในระดับที่ค่อนข้างดังอยู่พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นถามว่ามีใครสนใจไหม ก็คงไม่ เพราะในความคิดของพวกเธอนั้น อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็มักเป็นเรื่องตลกเสมอ
"เออนี่ แต่จะว่าไปกวินทร์นี่ก็ดูแลยัยเฟยดีนะ เทคแคร์ตลอด นี่ถ้าเป็นฉันคงใจอ่อนถวายตัวให้นานละ"
"ใช่ๆ ได้ข่าวว่าบ้านหมอนี่รวยมากไม่ใช่เหรอ" มิลินที่ได้ยินแบบนั้นบิดเบ้ริมฝีปากขึ้นมาทันที ด้วยความรู้สึกอดมันไส้ในตัวของชายหนุ่มในบทสนทนาไม่ได้
"ก็รวย แต่ก็แค่หมาโง่ตัวหนึ่งที่ใส่แว่นหนาเตอะ แต่ก็เหมาะสมกันดีนั่นล่ะ"
"จ้า ก็จะมีใครดีเท่าพี่รวยของเธอได้อีกละจ้ะ" คราวนี้สาวมั่นแบบมิลินเป็นฝ่ายออกอาการเขินขึ้นมาบ้างในระดับที่เรียกว่าน่า...หมั่นไส้เหลือเกิน ทั้งบิด ทั้งทำเหนียมอายเหมือนตัวร้ายถูกพระเอกเต๊าะไม่มีผิด ยามหูได้ยินชื่อของรุ่นพี่คนหนึ่งที่สาวเจ้าเล็งไว้ในช่วงนี้
"มันก็ต้องใช่แล้วปะ ใครมันจะไปเหมาะสมเท่าฉันกัน"
มิลินเชิดหน้าด้วยความมั่นใจ ก่อนที่ไหล่ข้างหนึ่งจะถูกสะกิดแรง ๆ พร้อมกับน้ำเสียงตื่นเต้นเต็มที่
"แก พูดถึงพระเอก พระเอกก็มา นู้นยัยลินักหนา พี่รวยของแกเข้ามาทางนี้แล้ว ว่าแต่มาหาใครอะ"
"ก็ต้องเป็นเพื่อนเราอยู่แล้วสิยะ ร้อยวันพันปีไม่มาวันนี้นี่มันวันพิเศษอะไรนะ"
ยิ่งได้ยินเพื่อนพูดออกมาแบบนั้นอีก ความมั่นใจว่าเจ้าตัวมาหาตนนั้นมันพุ่งสูงมากจริง ๆ แต่แล้วก็ต้องแยกยับในเวลาต่อมาเช่นกัน เมื่อหนุ่มรุ่นพี่ที่หล่อล่ำคนนี้ ไม่ได้มาหาเธอแต่กลับเดินเลยตรงไปทางที่เฟยกำลังนั่งอยู่แทน
"อ้าว แก สรุปพี่เขามาหายัยเฟยเหรอ นึกว่ามาหาแกเสียอีก"
เพื่อนที่เคยพูดเข้าหูเวลานี้ฟังไม่เข้าหูกันสักนิด มันทำเอาคนฟังถึงกับอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีแล้วถลึงตาใส่เจ้าตัวไปเป็นรางวัล ก่อนจะเบนสายตามองตามรุ่นพี่ที่ตัวเองหมายปองเดินไปหาเพื่อนสาวที่ตนไม่ชอบขี้หน้า
ตัวของรุ่นพี่รวยนั้น เป็นหนุ่มหล่อที่หน้าตาจัดได้ว่าดีมากคนหนึ่ง ไหนจะรูปร่างที่เรียกน้ำลายได้อย่างไม่ยาก แถมพ่วงมาด้วยฐานะทางบ้านที่มีอันจะกินสมชื่อเจ้าตัวนั่นอีก มันเลยไม่แปลกที่มิลินผู้มองแต่คนฐานะเดียวกันจะชื่นชอบเป็นธรรมดา แม้จะไม่รู้ว่านิสัยเนื้อแท้กลับสิ่งที่เจ้าตัวแสดงออกมานั้นมันตรงกันหรือไม่ก็ตาม
"ขยันจังเลยนะครับน้องเฟย"
เสียงทักที่ดังขึ้นทำเอาเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองอย่างเสียมิได้ พอเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่มักจะเข้ามาชวนคุยด้วยเป็นประจำ ก็แอบทำหน้าคล้ายเหม็นเบื่อเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เสียมารยาทอะไรออกไป นอกจากส่งรอยยิ้มตอบรับไปให้ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของกวินทร์ที่มองดูอยู่
"พอดีช่วงวันหยุดพี่ไปเที่ยวยุโรปมา เลยได้ของฝากมาเยอะ นี่เป็นเบอร์รีชั้นดีเลยนะ เห็นแล้วคิดถึงน้องเฟย..."
"แต่พอดีว่าพวกเราทานข้าวกันมาแล้วครับ จุกเลยด้วย ผมว่ารุ่นพี่เก็บเอาไว้ดีกว่านะ" กวิทร์พูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าคล้ายใสซื่อ แต่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่มองอยู่ มันไม่ได้ใสเลยสักนิด ทำเอารุ่นพี่ถึงกับชักสีหน้าออกมาให้ได้เห็น
"แต่อย่างน้อยก็น่าจะรับเอาไปหน่อยนะครับ น้ำใจคนซื้อมารักษาหน่อยสิ"
"ก็ไม่ได้อยากได้นี่ครับ"
"แต่พี่ก็ไม่ได้ซื่อมาให้นาย พี่ซื้อมาให้เฟยต่างหาก"
"แต่..."
"พอเถอะค่ะทั้งสองคนนั่นละ" สุดท้ายคนกลางที่นั่งฟังมานานก็เอ่ยแทรกขึ้นมาในที่สุด เมื่อเสียงของทั้งคู่มันรบกวนการซึมซับตัวหนังสือของเธอแบบเข้าขั้นรุนแรง จนต้องหาทางตัดรำคาญลง
"ขอบคุณรุ่นพี่มากจริงๆ ที่อุตส่าห์ซื้อมาฝากนะคะ" รอยยิ้มการค้าถูกส่งให้หนุ่มรุ่นพี่ตามมารยาท ทำเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีด้วยคิดว่าคนน้องต้องมีใจให้ไม่ต่างกันแน่
"รับรองเลยอร่อยมาก"
"ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ว่าแต่ตอนนี้รุ่นพี่ไม่มีเรียนหรืออ่านหนังสือเหรอคะ"
"ระดับพี่แล้ว ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะสมองพี่มันระดับเพชร เนื้อหาอะไรแค่มองผ่านๆ ก็เข้าหัวหมดแหละ"
"แหม เก่งจังเลยนะคะ" เฟยว่าขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมรอยยิ้มน่ารักที่ส่งไปให้ ทำเอารวยยิ่งหน้าบานคิดว่าสาวเจ้าประทับใจตัวเองมากขึ้นไปอีก เลยยิ่งออกปากคุยฟุ้งกว่าเดิม หวังจะใช้เสน่ห์มัดใจให้คนน้องหลงหัวปักหัวปำไม่ต่างจากรายอื่น ๆ ที่ตนเก็บเข้าคลังมาหมดแล้ว
"รอบนี้ขอลองของใหญ่บ้าง ได้ข่าวว่าเข้าถึงตัวยากนักหนา หึ"
คิดในใจพร้อมหมายมั่นปั้นมือจะเอาหญิงสาวข้างหน้ามาเป็นของตน หารู้ไม่ว่าที่พวกคนลือกันว่า เฟยนั้นเข้าถึงตัวยาก ไม่ใช่เพราะเจ้าตัวหยิ่งหรือวางตัวสูงแต่อย่างใด หากเป็นเพราะใครจะเข้าหา ก็มักจะเป็นเพื่อนชายข้างกายที่ชื่อกวินทร์ต่างหากที่คอยขวางไว้
***