“โห เขาเห็นกันทั้งโรงเรียนแล้วนะ รถหรูขนาดนั้นแถมคนขับยังหล่อลากยังกับไอดอลเกาหลี” เตยพูดและดันแผ่นหลังฉันให้ขยับคิวไปเรื่อยๆ “ตกลงว่าเป็นแฟนเธอเหรอ? หาได้จากไหนอะ อยากได้บ้างจัง”
“ไม่ใช่แฟนเรา” โบกมือไปมาและคิดคำพูดที่ควรจะตอบออกไป
“อ้าว แล้วใครอะ?” ฉันไม่เคยคิดจะปิดบังสถานะของตัวเองเลยสักนิด ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นใครและคุณพายเป็นใคร แต่ถ้าบอกว่าคุณพายเป็นคนที่อุปการะเลี้ยงดูคงจะไม่ได้ เพราะคุณธนินที่เป็นผู้ปกครองในนามคืออาของฉันที่คุณพายสั่งให้บอกอาจารย์ ดังนั้นคุณพายก็ต้อง...
“ว่าไง หรือเขาเป็นเสี่ย แล้วเพ้นท์ก็เป็นเด็กเขางี้อ่อ” ตงิดใจกับคำพูดดูถูกแบบนี้ แม้ว่าจะรู้ดีว่าเตยคงไม่ได้ตั้งใจเพราะพอหลุดคำออกมาเธอก็รีบยิ้มแห้งๆ ส่งให้ฉัน
“เปล่าคุณพายไม่ได้เป็นเสี่ยและเราก็ไม่ได้เป็นเด็กเสี่ยด้วย”
“...” คำนี้คงจะดีที่สุดล่ะมั้ง ฉันคิดแบบนั้น
“คุณพายเป็นพ่อทูนหัวของเราน่ะ” ตอบออกไปก่อนจะถึงคิวตัวเองหันไปรับใบเกรดพลางสะบัดเรื่องที่คุยไปเมื่อกี้และไล่ดูทุกตัวเลขของทุกวิชาจนมาถึงรวมเกรดทั้งหมดก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เดินออกไปจากตรงนี้เพื่อตรงไปยังร้านค้าและสั่งน้ำแดงโซฟามาสองแก้ว
ฉันเดินมาถึงโซนโต๊ะหินอ่อนในเวลาไม่นานบวกกับเจออาจารย์ก็เลยแวะคุยเรื่องมหาลัยอีกนิดหน่อย จึงได้เห็นคุณพายกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ เดินมานั่งลงตรงข้ามและเลื่อนแก้วน้ำแดงโซดาให้คุณพายที่เงยหน้าจากจอมือถือ
“ทานน้ำก่อนนะคะ” คุณพายก้มหน้าลงดูดน้ำแดงเกือบครึ่งแก้วและเอียงคอมองใบเกรดพลางกระดิกนิ้วเรียกมันมา
“เอามาดู” ฉันไม่รีรอที่จะแสดงให้เขาเห็นและภูมิใจว่าฉันทำมันได้ดี แม้จะไม่ได้เห็นสีหน้าที่ดีใจจากเขา แต่เพียงแค่คุณพายชมว่า ‘ดี’ ก็สร้างความสุขใจให้ฉันอย่างมาก “ได้ 3.90”
“ค่ะ” จับมือตัวเองแน่นจนรับรู้ถึงเหงื่อที่ซึมออกมาทั้งฝ่ามือและหน้าผาก
“ดี”
“...” เท่านี้ก็เกินพอแล้ว สำหรับความพยายามที่ฉันอยากทำให้เขาได้เห็นได้ภูมิใจไม่เสียแรงที่ส่งเสียคนอย่างฉันให้เรียนจนจบจากโรงเรียนมัธยมเอกชนที่ค่าเทอมแพงหูฉีก ตับฉีก ดังนั้นฉันจึงเลือกสอบเข้ามหาลัยรัฐเพื่อลดการใช้จ่ายให้น้อยลง ถึงคุณพายจะยินดีส่งเสียเลี้ยงดูฉันให้เรียนจบจนมหาลัย แต่ฉันก็เกรงใจที่เขาจะต้องมานั่งจ่ายเงินค่าเทอมราคาแพงให้กับคนอย่างฉันที่เป็นเพียงคนรับใช้ของคุณป้าของเขา
“เพ้นท์!” เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเพื่อนสาวในห้องสองสามคนที่ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย พวกเธอไม่เคยมาคุยกับฉันด้วยซ้ำแล้วทำไมถึงได้มาทักกันล่ะ “ใครอะ แฟนเหรอ?”
“เปล่าๆ คุณพายไม่ใช่แฟนเรา” ฉันรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเพราะคนตรงหน้านิ่งเงียบและจับจ้องเพื่อนในห้องของฉันไม่วางตาเลย คุณพายขี้รำคาญ ไม่ชอบคนจุกจิกด้วยซ้ำ!
“อ้าว ไม่ใช่เหรอแล้วใครอะ เขาไม่ใช่อาเพ้นท์นี่นา” อีกคนถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้และพยายามที่จะทำความรู้จักกับคุณพายที่ถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“ไปกันได้ล่ะ มีที่ต้องไปต่อ” ร่างสูงลุกขึ้นซึ่งฉันเองก็ลุกตามเช่นกัน
“ตกลงเพ้นท์เป็นเด็กเสี่ยใช่ไหม? หาให้มั้งสิ หล่อๆ รวยๆ แบบนี้”
“คุณพายไม่ใช่เสี่ยนะ!” ฉันตะคอกพวกหล่อนจนเหวอไป “คุณพายเป็นพ่อทูนหัวของเรา ไม่ใช่เสี่ยอย่างที่พวกเธอเข้าใจ”
พูดจบก็เดินตามร่างสูงไปที่รถ เมื่อรถขับเคลื่อนออกจากรั้วโรงเรียนมัธยมคุณพายก็นิ่งเงียบไปจนเป็นตัวฉันเองนี่ล่ะที่รู้สึกผิดกับการมาวุ่นวายของเพื่อนร่วมห้อง “เพ้นท์ต้องขอโทษแทนเพื่อนในห้องด้วยนะคะ”
“เธอบอก” คุณพายพูดขึ้นขัดฉัน
“คะ?”
“ว่าฉันเป็นพ่อทูนหัว” กลืนน้ำลายลงคอ กระทั่งคุณพายหันมามองฉันเมื่อรถติดสัญญาณจราจร “ใช่ไหม เธอบอกแบบนั้นฉันได้ยิน”
“ก็... ไม่พูดแบบนั้นเพื่อนจะคิดว่าคุณพายเป็นเสี่ย”
“อือฮึ แล้ว?” เอียงคอมองฉันและวาดมือมายังเบาะที่ฉันนั่งราวกับสอบปากคำผู้ร้ายและคุณพายคือตำรวจ แต่ทว่าฉันไม่ใช่ผู้ร้ายและคุณพายก็ไม่ใช่ตำรวจด้วยนะ
“พวกเขาจะมองเพ้นท์ยังไงเพ้นท์ไม่ว่า แต่ถ้ามองคุณพายในทางไม่ดี เพ้นท์จะไม่ยอม” พอได้ฟังคำตอบคุณพายก็ถอยกลับไปนั่งตามเดิมและหักกระจกรถลงมาพลางลูบมือไปตามคาง
“นี่ฉันแก่ถึงขนาดเป็นพ่อเธอได้แล้วเหรอ?”
“ไม่นะคะ คุณพายยังไม่แก่เลยค่ะ แล้วพ่อทูนหัวก็ไม่ใช่พ่อจริงๆ นี่คะ”
“แล้วหมายความว่ายังไงล่ะ?” คุณพายถามทันควันราวกับวัดไหวพริบฉัน ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ทันเขาเลย “พ่อทูนหัวในความคิดเธอ เป็นแบบไหนเหรอเพ้นท์”
ทำไมคุณพายถึงได้ต้อนฉันจนไม่มีทางหนีได้เลยนะ แม้จะเป็นเพียงแค่คำถามแต่ทว่าฉันกลับเหมือนจมดิ่งอยู่ในห้วงที่คุณพายสร้างขึ้นเพื่อทดสอบตัวฉัน คุณพายในมุมนี้ฉันไม่เคยเห็นอีกแล้ว เหมือนกับมุมเมื่อวานที่ออกอาการไม่พอใจจนขึ้นเสียงด่าคุณดรีมแบบนั้น
“หมายถึง ยกย่องมั้งคะ”
“แล้ว...”
“ก็ยกย่องไงคะ เพ้นท์ยกย่องคุณพายเป็นพ่อทูนหัวที่น่านับถือ” พูดในมุมที่ตัวเองคิดออกไป เหมือนว่าคุณพายจะพึงพอใจในคำตอบและเคลื่อนรถออกไปตามทางเมื่อสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“แต่ทูนหัวที่ฉันเคยได้ยินมา” คุณพายยังคงไม่จบกับเรื่องพ่อทูนหัว “มันแปลอีกอย่างใช่มะ ฉันก็ไม่ค่อยรู้สำนวนไทยนักหรอกเพราะไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน”
“คะ?” สงสัยอะไรของเขากัน ในเมื่อฉันอธิบายไปหมดแล้วนะ
“ก็เวลาฉันมีเซ็กส์กับผู้หญิง พอจะเสร็จพวกเธอจะบอก ‘ใกล้แล้วค่ะทูนหัว’ แสดงว่าฉันมีเซ็กส์ที่น่ายกย่องงั้นหรอกเหรอ?” จู่ๆ ใบหน้าก็ร้อนเห่อออกมาทันที เพราะไม่รู้จะตอบคุณพายออกไปว่ายังไงและไม่มีคำตอบที่ดีกว่านี่ด้วยซ้ำจนต้องหันหน้าหนีไปมองกระจกข้างกายแทน
“พะ เพ้นท์ไม่ทราบแล้วค่ะ”
“เหรอ” เขายังคงนึกคิดกับคำๆ นี้ “ตกลงทูนหัวนี่แปลว่ายกย่องสินะ”
“...”
“ฉันมีเซ็กส์ที่น่ายกย่อง เหอะ แปลกๆ นะเธอว่าไหม?”
หยุดพูดเรื่องเซ็กส์สักทีเถอะค่ะคุณพาย! จะแปลยังไงในความคิดของคุณพายก็เอาที่สบายใจเลยค่ะ (พูดได้แค่ในใจ)
ฉันพาคุณพายมาถึงตึกแห่งหนึ่งที่เป็นร้านถ่ายรูปติดบัตรสำหรับส่งเอกสารให้กับทางมหาลัยที่จะมีรายงานตัวขึ้นในวันพรุ่งนี้ คุณพายวนหาที่จอดรถจนได้มาจอดที่หน้าตึก เขาลงจากรถมายืนเคียงข้างกับฉันและถอดแว่นกันแดดสีดำออก
“มาถ่ายรูปที่นี่?”
“ค่ะ ก็มันน่าจะถูกนี่คะ” หลังเลิกสอบฉันก็เดินหาร้านถ่ายรูปที่ราคาถูกไว้ซึ่งปรากฎว่าร้านนี้เข้าตาฉันสุด ฉันเดินเข้าไปในร้านก็เห็นป้าแก่ๆ คนหนึ่งยืนอยู่กับพนักงานอีกคน “มาถ่ายรูปติดบัตรขนาดสองนิ้วหนึ่งโหลค่ะ”
“เดินขึ้นไปข้างบนเลย มีช่างรออยู่” พยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองคุณพายที่ยืนกอดอกมองไปรอบๆ ร้านซึ่งมีรูปมากมายใส่กรอบขายและกล้องหลากหลายชนิด
“คุณพายนั่งรอเพ้นท์ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเพ้นท์มา” คุณพายพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปนั่งตรงเก้าอี้สำหรับลูกค้าพลางนั่งไขว่ห้างหยิบมือถือออกมากดเล่นเพื่อรอ ส่วนฉันก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองแน่นอนว่าทางเดินค่อนข้างมืด จนเดินมาสุดขอบบันไดก็เห็นฉากหลังสีน้ำเงินและกล้องดิจิตอลวางอยู่ แต่ทว่ากลับไม่มีใครเลย ไหนป้าเจ้าของบอกมีช่างไง
“มาถ่ายรูปเหรอครับ?” สะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงแหบๆ ดังขึ้นใกล้ตัวจึงถอยหลังไปหลายก้าว เห็นช่างภาพอายุประมาณห้าสิบกว่าๆ ยืนยิ้มอยู่
“ค่ะ ถ่ายรูปติดบัตรขนาดสองนิ้วหนึ่งโหลค่ะ”
“อ๋อ งั้นไปจัดทรงผม ทาแป้งให้สวยๆ ที่โต๊ะกระจกสิ” ฉันพยักหน้ารับและเดินไปที่โต๊ะกระจก หยิบหวีขึ้นมาสางเส้นผมให้เรียบร้อย พลางล้วงกระเป๋าหยิบแป้งเด็กของตัวเองมาเทใส่มือและถูไปมาให้เนื้อแป้งซึมเข้ากับฝ่ามือลูบไล้ไปตามใบหน้าเติมลิปมันอีกนิดเป็นอันเสร็จเรียบร้อย