#เพ้นท์ของพาย :: CHAPTER 3 [70%]

1112 คำ
“อ๋อ” ไอ้ดรีมลากเสียงยาวและยิ้มกริ่ม “ยัยมิลานสุดสวย เมียมันอะนะ” “ว่าที่คู่หมั้น ไม่ใช่เมีย” “ก็เหมือน... ยังไงมึงก็ต้องแต่งงานกับยัยมิลานอยู่ดี เพราะมึงคงไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน” สิ่งเดียวที่ผมไม่ลืมก็คือเรื่องนี้ล่ะ แต่ทว่าสองปีที่ผ่านมาผมก็ติดต่อมิลานบ้าง ไม่ใช่หายไปเลยส่วนเธอก็เรียนจบทำงานเป็นนางแบบเดินแฟชั่นโชว์และออกนิตยสารบ้างเท่าที่ผมเห็น “สำคัญนะเอากันมาปีกว่า ไม่เรียกเมียให้เรียกอะไร?” ผมมองไอ้ดรีมและส่ายหน้าไปมากับคำพูดของมัน “กูยังไม่เรียก เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่” “อ๋อ” ไม่สนใจไอ้ดรีมที่กวนตีนผมก็เดินออกมาจากผับพร้อมกับไอ้คัทที่เดินไปประจำรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่สีแดงราคาหูฉีกของตัวเอง “ว่างๆ จะไปหา” มันพูดพลางสวมหมวกกันน็อค “อยากไปเห็นหน้าเด็กเพ้นท์” “อืม โทรมาก่อนแล้วกัน อย่าไปเสนอหน้าให้เพ้นท์ตกใจแบบไอ้ดรีม” “กูไม่เสียมารยาทแบบมันหรอก กักขฬะ” ด่าไอ้ดรีมซะผมหน้าชาเลย ไอ้คัทเพื่อนผมคนนี้เป็นผู้ชายที่นิ่งๆ ไม่ค่อยยินดียินร้ายกับสิ่งใด แต่มันเป็นคนที่คิดอะไรจะพูดออกมาเลยแต่ทว่าคำพูดของมันกลั่นกรองออกมาแล้ว คิดดีแล้วถึงพูดและสิ่งที่พูดคือความจริงทั้งหมด อย่างเช่นการด่าไอ้ดรีมที่ผมเห็นด้วยจนต้องยกนิ้วโป้งให้มัน “กูเห็นด้วยว่ามันกักขฬะ” ไอ้คัทพยักหน้าก่อนจะขับรถผ่านไป ส่วนผมก็ขับรถตัวเองมุ่งตรงกลับบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืน มองเข้าไปในบ้านเห็นไฟมืดสนิทเพ้นท์คงจะหลับแล้วแน่ๆ แต่ทว่ายังไม่ทันก้าวเท้าพ้นขอบประตูดี ร่างเล็กที่สวมชุดนอนสีขาวลายหมีก็กระเด้งมาอยู่ตรงหน้าตามด้วยรอยยิ้มที่สดใส “คุณพายกลับมาแล้ว” “ทำไมยังไม่นอน มันดึกแล้วนะพรุ่งนี้เธอต้องไปมหาลัยไม่ใช่เหรอ?” เอ็ดเธอเสียงดุเดินสวนไปนั่งบนโซฟา “เพ้นท์นอนหลับที่โชว์รูมคุณพายไปหลายชั่วโมง เลยไม่ง่วงน่ะค่ะ” เธอนั่งพับเพียบลงเคียงข้าง “อีกอย่างเพ้นท์ตื่นเต้นด้วยที่พรุ่งนี้จะได้ไปรายงานตัวที่คณะและเจอเพื่อนใหม่ๆ” สีหน้าของเพ้นท์บ่งบอกได้เลยว่าเธอดีใจแค่ไหน และตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นใหม่ในรั้วมหาลัยซึ่งอาจจะทำให้เธอต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก ผมไขว่ห้างและถอดเสื้อออกจนร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า “เข้าไปเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น ได้เข้าสังคมใหม่ที่ไม่เหมือนชีวิตวัยมัธยม เธอต้องหัดเรียนรู้เอาตัวรอดให้ได้ อย่าไว้ใจใครง่ายๆ” “ค่ะ” เพ้นท์รับฟังคำพูดของผมอย่างตั้งใจ “รายงานตัวเสร็จ ทำกิจกรรมที่มหาลัยแล้วแวะไปหาฉันที่โชว์รูมด้วย” พูดพลางจับจ้องทีวีซึ่งกำลังฉายส่องแฟชั่นที่นางแบบกำลังเดินรันเวย์อยู่คือมิลาน ไม่ได้เจอกันหลายปีเธอดูสวยและโตขึ้นนะ “ได้ค่ะ” “ไปนอนได้แล้ว” ไล่คนตัวเล็กที่ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไป ส่วนผมก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปทีวีจอยักษ์และส่งรูปไปให้กับมิลานเขียนข้อความบอกเธอ ‘ฉันดูเธอแล้ว’ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา มีหลายอย่างที่ต้องให้คิดโดยเฉพาะเรื่องของมิลานที่ไอ้คัทพูดถึง มาถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ห่างไกลกัน แต่ก็ยังคงติดต่อหากันอยู่เสมอเพราะคำว่า ‘ว่าที่คู่หมั้น’ มันค้ำคอ ธุรกิจมันสำคัญถ้ามองในแง่ของทางนี้คือระหว่างผมกับเธอ ถ้าเราแต่งงานกันมันจะไม่ใช่ความรัก แต่มันคือธุรกิจต่างหาก ความรักที่ว่าผมไม่เคยรู้จัก และต่อให้รู้จักก็คงใช้ไม่ได้กับผมแน่นอน... :: PAAI TALK END :: ‘คณะบริหารธุรกิจ’ ฉันยืนมองป้ายคณะของตัวเองหลังจากเช้านี้มาถึงมหาลัยก่อนกำหนด ตอนนี้นักเรียนที่สวมชุดแตกต่างจากสถาบันกำลังจะได้สวมชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกันและคณะเดียวกันแล้ว ฉันเดินไปยังจุดลงทะเบียนรายงานตัวสำหรับเด็กปีหนึ่งเมื่อเสร็จแล้วก็จะมีป้ายชื่อจริงและชื่อเล่นไว้สำหรับแขวนคอ และเดินไปนั่งรวมตัวเพื่อรอรุ่นพี่มาอธิบายการเรียนหรือกิจกรรมต่างๆ ระเบียบและชุด ฉันตั้งใจเข้าคณะบริหารธุรกิจเพื่อหวังว่าเรียนจบจะสามารถช่วยงานคุณพายในอนาคตได้ ฉันอยากตอบแทนเขาไม่ว่าจะเป็นการเข้าทำงานที่บริษัทหรือดูแลเขาไปตลอดจนกว่าคุณพายจะแต่งงาน ถึงตอนนั้นฉันคงต้องออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองโดยไม่มีเขา... แค่คิดก็รู้สึกหดหู่ใจแปลกๆ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจนมาถึงตอนนี้ วันหนึ่งเราสองคนก็ต้องจากกันอยู่ดี และฉันจะอยู่ได้ไหมนะ? อยู่ได้โดยไม่มีคุณพายคอยยืนมองอยู่ห่างๆ อยู่โดยไม่มีคุณพายในชีวิตอีกต่อไปหลังจากนี้ หัวใจทำไมถึงได้เต้นช้าลงแบบนี้ มันโหวงแปลกๆ จนต้องเอามือทาบอก ไม่สิเพ้นท์! คุณพายก็ต้องมีชีวิตครอบครัว มีภรรยาที่ดี มีลูกให้คอยห่วงใย เขาจะมาคอยดูแลเด็กอย่างเธอตลอดไปไม่ได้นะ “เฮ้!” สะดุ้งสุดตัวเมื่อฝ่ามือแตะลงบนไหล่ “ขอโทษ ฉันแค่จะทักทายน่ะ” ฉันมองใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งเคียงข้างเพราะแถวที่นั่งถูกจัดเป็นสามถึงสี่แถว ผู้ชายคนนี้ส่งยิ้มให้และแต่งตัวชุดนักเรียนแต่คนละโรงเรียนกับฉัน “ฉันชื่อตั้มนะ เธอล่ะ?” เพื่อนใหม่สินะ ฉันคิดแบบนั้นเพราะตอนนี้ฉันไม่รู้จักใครเลย ถ้าเขาทักเพื่อทำความรู้จักแบบนี้ก็ต้องมีมารยาทที่จะตอบกลับไป “ฉันชื่อเพ้นท์ ยินดีที่ได้รู้จักนะตั้ม” ตั้มยื่นมือมาเพื่อให้ฉันจับมือทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ ดังนั้นฉันจึงทำตามและพูดคุยกับเขา ตั้มเรียนอยู่ที่โรงเรียนเอกชนอีกแห่งและสอบเข้าที่คณะบริหารธุรกิจได้ เราสองคนคุยกันถูกคอทีเดียวเพราะส่วนใหญ่จะอยากให้เปิดเทอมเร็วๆ เพราะจะได้เริ่มต้นเรียนในขั้นที่สูงขึ้นไปอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม