“ใช่ คนของป้าเพราะงั้นป้าจะให้มันไปอยู่กับหลานมันก็ต้องไป เข้าใจไหมนังเพ้นท์” ป้าเดือนลุกขึ้นไปหยุดตรงหน้าร่างเล็กที่ไม่แม้แต่จะตอบโต้หรือขัดค้านเลยสักนิด “ไปอยู่ดูแลหลานชายฉันให้ดี ถ้าวันไหนพายไล่แกกลับมา ฉันจะถือว่าแกไม่ทำตามคำสั่งฉัน!”
ผมมองป้าเดือนที่เอานิ้วจิ้มไปที่ศีรษะของเพ้นท์ก่อนจะไล่ให้ไปเก็บของเพื่อจะได้ไปอยู่กับผมที่บ้าน “จะดีเหรอครับป้าเดือน ไหนเพ้นท์จะต้องเรียนอีก”
“ช่างมันสิ! ไปอยู่กับพายก็ดี ป้าจะได้เลิกส่งมันเรียน” ป้าเดือนโบกมือแบบขอไปทีราวกับต้องการให้เพ้นท์ไปให้พ้นๆ “มีที่ซุกหัวนอน มีกินมีเงินให้ใช้นิดหน่อยๆ ก็พอแล้ว ยังจะให้ส่งมันเรียนอีก ค่าเทอมก็แพงเพราะเรียนเอกชน เหอะ”
ผมได้แต่นิ่งเฉยกับสิ่งที่ป้าเดือนเล่ามา ก่อนจะขอตัวไปพักผ่อนเพราะเดินทางมายาวนานเกิดอาการเพลียขึ้นมาเสียดื้อๆ ขณะที่กำลังรอเพ้นท์ ยายนวลก็เดินมาหาพร้อมกับจับมือผมไปกุมไว้ “มีอะไรเหรอครับยาย?”
“ยายขอให้คุณพายเอ็นดูยัยหนูหน่อยนะคะ” เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยิ้มส่งให้ยายนวล ท่านคงจะรักเพ้นท์มากสินะ “ยัยหนูเรียนเก่งค่ะ เป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง กตัญญูไม่ทำให้คุณพายต้องลำบากใจแน่ค่ะ”
“ครับผมเข้าใจ”
“สงสารยัยหนูเถอะค่ะ คุณท่านก็เอาแต่ด่าทอประจำ ยายสงสารยัยหนู” ผมไม่พูดอะไร แต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ “ฝากคุณพายด้วยนะคะ ถือว่ายายขอนะคะ อย่าให้ยัยหนูกลับมาที่นี่อีกนะคะ”
รับรู้ถึงแววตาอ้อนวอนที่สื่ออกมาได้ชัดเจนมาก ผมไม่คิดจะพูดอะไร ไม่ตกปากรับคำแต่กลับบีบมือยายนวลไว้แน่นให้ท่านสบายใจ “ไม่ต้องห่วงนะครับ”
พอผมพูดเท่านี้ยายนวลก็ดูโล่งใจอย่างที่สุด ผมมองร่างเล็กบอบบางที่เดินหิ้วกระเป๋าถือกับเป้สะพายหลังมาหยุดที่รถของผมก่อนจะหันไปกอดยายนวล “ไปอยู่กับคุณพาย ดูแลคุณเขาให้ดีนะยัยหนู”
“ค่ะยาย” เธอดูเศร้าใจมากแต่ก็เข้มแข็งอย่างที่ยายนวลพูดไว้ “เพ้นท์คงคิดถึงยาย”
ผมมองเธอที่ยังคงกอดยายนวลอยู่ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ป้าเดือนที่มองเธออย่างย้ำเตือน “เลิกร่ำลากันสักที หลานฉันต้องพักผ่อน นังเพ้นท์ดูแลหลานฉันให้ดีๆ ล่ะ ถ้าวันไหนพายไล่แกออกมาเพราะทำตัวแย่ๆ ละก็... แกเจอดีแน่!”
“เอาล่ะครับ ผมขอตัวก่อนแล้วกัน แล้วจะมาเยี่ยมนะครับแต่ช่วงนี้คงไม่ได้แน่เพราะต้องเรียนรู้งาน”
“จ้ะ พักผ่อนนะหลาน”
ป้าเดือนกอดลาผมอีกครั้ง ก่อนที่รถจะแล่นออกไปพร้อมกับร่างเล็กนั่งอยู่ด้านหน้าโดยธนินนั่งอยู่งเคียงข้างผม เมื่อมาถึงบ้านที่ธนินจัดสรรดูแลผมถึงกับยิ้มออกมา บ้านหลังเล็กสีขาวดูน่ารักกะทัดรัด พื้นที่รอบบ้านก็มีต้นไม้หนึ่งต้นใหญ่และรอบๆ ก็มีสวนดอกไม้สวยงามประดับ มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่และบริเวณลานจอดรถ
“เป็นไงครับคุณพาย อึ้งไปเลยสิ” หันไปมองธนินก่อนจะตบบ่าร่างสูงที่เดินนำผมเข้าไปในบ้าน “ห้องนอนของคุณพายอยู่ประตูนี้ครับ อีกห้องที่ติดกันของน้องเพ้นท์”
ผมหันไปมองร่างเล็กที่พยักหน้ารับเมื่อธนินชี้นิ้วไปยังข้างห้องผม มีครัว โซนห้องรับแขกและโต๊ะทำงานอยู่ตรงริมกระจก ซึ่งไม่เล็กเกินไปไม่ใหญ่เกินไปด้วยอย่างที่ธนินบอก ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาก่อนจะมองธนินที่ยิ้มให้อยู่
“ธนินกลับไปพักเถอะครับ ผมเองก็เพลียมากแล้วตอนนี้” บิดคอตัวเองไปมา เกิดจากนั่งเครื่องบินนานหลายชั่วโมงแน่
“รับทราบครับ งั้นผมขอตัวนะครับอีกสองวันจะมารับเข้าบริษัทครับ” ธนินโค้งศีรษะให้ผมก่อนจะเดินออกจากบ้านไป จนตอนนี้เหลือเพียงผมและเพ้นท์ซึ่งร่างเล็กนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นห้องและมองไปรอบๆ
“ฉันชื่อพาย” แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเรียกสายตากลมโตให้หันมาจับจ้องผมอีกครั้ง
“ค่ะ เพ้นท์ค่ะ”
“ยายนวลบอกว่าเธอเรียนเก่ง แต่ป้าเดือนไม่ยอมส่งเธอเรียนและไม่ส่งให้เธอเรียนต่อมหาลัยด้วย” เธอไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักนิด ผมคิดว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากพูดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เหมือนที่ยายนวลบอกเธอเจียมตัวอยู่เสมอ
“เพ้นท์ไม่เป็นไรค่ะ ได้อยู่กับคุณท่านได้รับใช้ก็เป็นพระคุณมากๆ แล้วค่ะ” จับจ้องเธอพลางครุ่นคิดเรื่องที่ยายนวลขอร้องไว้ กุมมือเข้าหากันว่านอกจากเด็กคนนี้จะมาดูแลผมและบ้านหลังนี้ตามคำสั่งของป้าเดือนแล้ว ผมยังสามารถช่วยอะไรเธอได้อีก ผมอาจจะไม่ใช่คนดีในสายตาใครหรือทำอะไรไปมักจะไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่สำหรับเรื่องนี้... ผมว่าผมคิดดีแล้วนะ
“เธอมาอยู่กับฉันก็ช่วยดูแลเรื่องบ้านและก็อาหารการกินฉัน หรือทำทุกอย่างเลย?”
“คุณท่านสั่งมาว่าให้ดูแลคุณพายให้ดีที่สุดค่ะ ไม่ว่าคุณพายอยากให้เพ้นท์ทำอะไร เพ้นท์ทำให้คุณพายได้หมดค่ะ”
“นั่นแหละ ตามที่ฉันว่าเลยเธอทำได้ใช่ไหม แบบพวกอาหารเพราะว่าฉันกินไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน” ยักไหล่ไหวเอาจริงผมไม่ใช่พวกกินอะไรยาก แต่แค่บางทีผมแพ้อาหารบางอย่างและบางทีก็ลืมว่าตัวเองแพ้อะไร ไม่ชอบอะไร จึงได้หยิบกระเป๋าเป้มาค้นหาสมุดเล็กๆ ที่ผมจดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวไว้ส่งให้เธอ “นี่เป็นรายละเอียดอาหารที่ฉันไม่ชอบ แพ้อะไรพวกนี้ ฉันไม่ค่อยจำบางทีก็ลืมด้วย”
เพ้นท์รับสมุดไว้กับมือตัวเอง “เพ้นท์จะทำให้ดีที่สุดให้คุณพายพึงพอใจค่ะ”
“อืม”
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นก่อนจะก้มหน้าลงอ่านรายละเอียดในมืออย่างตั้งใจ เห็นอะไรบางอย่างจากตัวของเธอโดยที่ไม่ต้องแสดงออกมาให้ผมได้เห็น คำพูดของยายนวลก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของผมแบบนั้นจนยกมือลูบใบหน้าของตัวเองสองสามครั้ง
“ฉัน... จะอุปการะเลี้ยงดูเธอเอง”
“คะ?” เพ้นท์เงยหน้าจากสมุด พลางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของผม
“ตามนั้น ฉันจะส่งเสียเธอให้เรียนจนจบมัธยมปลายและมหาลัย”
“คะ คุณพาย...” ใบหน้าสวยถึงกับซีดไปในทันทีกับคำพูดของผม ก่อนที่ริมฝีปากชมพูจะคลี่ยิ้มออกมานิดหน่อยดวงตากลมโตก็คลอไปด้วยน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลรินอาบแก้ม “ฮึก ขอบคุณค่ะ”
เธอขยับมากราบแทบเท้า แต่ผมก็ทำได้เพียงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอที่เงยหน้ามาสบตากับผม “เพ้นท์สัญญาค่ะว่าจะดูแลคุณพายเป็นอย่างดี จะไม่ทำให้คุณพายต้องลำบากใจ เพ้นท์สัญญาค่ะ”
ผมไม่คิดเลยว่าการที่ผมใจอ่อนรับเลี้ยงดูเธอ ให้เธอเป็นเด็กในอุปการะ... จะทำให้ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร มันค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ใช่ มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นกับพายคนนี้
:: PAAI TALK END ::