เข้าใจแล้วครับ พอเถอะ

1199 คำ
เรื่องนั้นทำไมกัลป์จะไม่รู้ เขารู้ดีเลยล่ะ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้นิยายเรื่องแรกของเขาได้รับความนิยมเพราะเขาเขียนเป็นแนวฮาเร็มหญิง ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเขาเลย มันไม่มีความแตกต่าง และเขาก็อยากสร้างความแตกต่าง จึงเป็นเหตุผลที่เขาเขียนนิยายที่ได้ตีพิมพ์เดี่ยวแหวกตลาดออกไป ซึ่งเขาก็มั่นใจมากๆ ด้วยว่าถึงจะมีแต่ตัวละครชายเป็นตัวละครหลัก แต่พล็อตกับเนื้อเรื่องสนุกไม่แพ้ใครแน่ “คุณรู้ได้ยังไงว่าคนอ่านไม่โอเค” กัลป์เถียงขึ้นมาด้วยคิดว่าเนื้อหาเล่ม 1 ถึง 3 มันยังไม่ถึงไคลแม็กซ์ ซึ่งยังไม่น่าจะตัดสินได้ว่านิยายของเขาไม่โอเค ฟุรุคาวะก็เลยก้มลงไปหยิบปึกกระดาษปึกหนึ่งในลิ้นชักขึ้นมาวางบนโต๊ะ กัลป์มองปราดเดียวก็รู้เลยว่ามันเป็นแบบสอบถามจากนักอ่านที่ถูกสอดไว้ในหนังสือเพื่อให้นักอ่านส่งฟีดแบ็กกลับมา “ตอบกลับมาเยอะขนาดนี้ แต่ถูกติทั้งนั้น อาจารย์ว่าคนอ่านโอเคมั้ยล่ะครับ ให้ผมลองอ่านให้ฟังนะ... ดำเนินเรื่องช้า ตัวเอกน่ารำคาญ ตัดสินใจไม่ได้สักที” อ่านแผ่นแรกจบก็ดึงแผ่นที่สองออกมาอ่าน “เขียนไม่สนุกเหมือนตอนที่เขียนเรื่องเก่าลงในนิตยสาร เสียดายเงินที่ซื้อมาก ที่สำนักพิมพ์มีนโยบายค*****นมั้ย” กัลป์ฟังแล้วก็ใจแป้ว ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่แต่ในเมื่อมีหลักฐานมายืนยันตรงหน้าก็เลี่ยงไม่ได้จนต้องยกมือเป็นเชิงบอกให้ฟุรุคาวะที่ทำท่าจะอ่านแบบสอบถามแผ่นต่อไปให้หยุดทันที “อย่างที่บอกแหละครับว่านิยายแนวไลท์โนเวลเนี่ย จะเป็นแนวแฟนตาซีหรือจะแนวโรงเรียน ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราคือผู้ชาย ดังนั้นเราจะให้ตัวละครมีแต่ผู้ชายแล้วต่อยคีกันทั้งเรื่องไม่ได้ มันขายไม่ออก นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมนิยายบางเรื่องถึงต้องเขียนเป็นแนวฮาเร็ม มีตัวละครหญิงเยอะๆ มันตอบสนองความต้องการของคนอ่านน่ะครับ ผมว่าผมบอกอาจารย์ไปแล้วนะเรื่องนี้ บอกตั้งแต่ตอนที่เราคุยเรื่องพล็อตกันใหม่ๆ แล้ว ส่วนเรื่องพล็อตของอาจารย์ พูดตรงๆ เลย ผมว่าพล็อตดี เนื้อหาน่าอ่าน แต่มันยังไม่พอ สิ่งที่เราต้องการก็คือนิยายที่ขายได้ นิยายสนุกมันไม่เท่าไหร่ ขายได้คือนโยบายของทางเรา” “เข้าใจแล้วครับ พอเถอะ” ในที่สุด กัลป์ก็ต้องปริปากพูด เขาไม่อยากจะฟังความจริงอันโหดร้ายเท่าไหร่นักว่าเหล่าสำนักพิมพ์เองก็ต้องการความอยู่รอด สำนักพิมพ์ไม่สนใจหรอกว่านิยายที่เขาเขียนจะสนุกหรือไม่ สนแค่ว่าขายได้หรือไม่ได้เท่านั้น และนั่นคือสัจธรรมที่นักเขียนอย่างเขาต้องยอมรับว่ามันไม่ได้สวยหรูอย่างที่ฝันไว้ก่อนได้เป็นนักเขียนเต็มตัว ฟุรุคาวะเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของหนุ่มรุ่นน้องแล้วก็ลอบถอนหายใจ เขารู้ว่ากัลป์เป็นนักเขียนหน้าใหม่ไฟแรงที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจสูง ขนาดเขาเองยังหวังเลยว่านิยายของกัลป์จะสร้างชื่อเสียงให้กับชายหนุ่มและสำนักพิมพ์ได้ เพราะเขาเองก็จะได้หน้าในฐานะผู้ดูแลต้นฉบับด้วย น่าเสียดายนักที่นิยายของกัลป์อุตส่าห์ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากการลงนิตยสารรายสัปดาห์มาแล้วแท้ๆ แต่พอตัดสินใจให้ออกเป็นเล่มดันล้มเหลวเสียอย่างนั้น ถึงจะไม่อยากดับฝันชายหนุ่มชาวไทยคนนี้สักเท่าไหร่ แต่เขาเองก็จำเป็นต้องทำเพราะทางผู้ใหญ่สั่งมา ไม่อย่างนั้นเขานี่แหละที่จะเดือดร้อนโทษฐานทำสำนักพิมพ์ขาดทุน “อาจารย์มีอะไรอยากคุยอีกมั้ยครับ” พอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ฟุรุคาวะก็เลยถามอย่างนั้น กัลป์เงยหน้าขึ้นสบดวงตาเรียวเล็กใต้เลนส์แว่นครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับริมฝีปากเล็กน้อย “นิยายผมถูกตัดจบที่เล่ม 3 หมายความว่าหลังจากนี้ ผมจะไม่ได้ออกนิยายอีกแล้วใช่มั้ยครับ” ฟุรุคาวะลำบากใจที่จะตอบ แต่ก็จำต้องพยักหน้ารับ คำตอบของคนตรงหน้าทำให้คนมองใจฝ่อหนักกว่าเดิม มือทั้งสองข้างเผลอกำแน่น ความผิดหวังประดังประเดเข้ามาพร้อมกับคำถามว่าที่เขาพยายามมาทั้งหมดจนกว่าจะถึงจุดนี้มันเพื่ออะไร ทั้งที่เขาก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าการเป็นนักเขียนมืออาชีพในเมืองที่มีการแข่งขันสูงอย่างญี่ปุ่นมันยาก แต่เขาบอกได้เลยว่าการเป็นนักเขียนมืออาชีพให้ได้ตลอดรอดฝั่งนี่มันยากกว่า แต่คนอย่างเขาไม่ใช่พวกที่จะมาตายกลางทางอย่างนี้แน่ เขาไม่มีทางที่จะทิ้งฝันในการเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง วิชาความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นที่กัดฟันทนร่ำเรียนมาหลายปี เขาก็จะไม่ยอมทิ้งไปเหมือนกัน และนั่นทำให้เขาสบตาฟุรุคาวะอีกครั้ง “ถ้าออกเล่ม 3 แล้ว แต่ผมอยากจะมีผลงานออกต่อ ผมต้องทำยังไง” ฟุรุคาวะลำบากใจกว่าเดิม ส่วนใหญ่นักเขียนที่ไม่ประสบความสำเร็จกับยอดขายที่ทางสำนักพิมพ์คาดหวัง หลังจากถูกพักงานแล้วก็มักจะโดนพักยาว โอกาสที่จะเอาของนักเขียนคนนั้นกลับมาพิมพ์อีกค่อนข้างเป็นเรื่องยากเพราะสำนักพิมพ์ไม่อยากเสี่ยงด้วยเท่าไหร่ หากแต่เห็นดวงตากลมเป็นประกายอย่างมีความหวังของกัลป์แล้ว เขาก็ครุ่นคิดไม่ตกว่าจะช่วยนักเขียนคนนี้ได้อย่างไร พลันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเพิ่งจะได้รับไหว้วานมาให้ช่วยหานักเขียนอยู่พอดี... ไม่ใช่ได้รับไหว้วานให้หานักเขียนธรรมดาเสียด้วย แต่เป็นนักเขียนที่สามารถทำได้ทั้งงานเขียนและการเป็นไอดอล ที่ทางสำนักพิมพ์มีนโยบายปั้นนักเขียนประเภทนี้ก็เพื่อกระตุ้นยอดขายนี่แหละ เท่านั้นก็ปรายตาสำรวจใบหน้าและรูปร่างของกัลป์ไปด้วย ใบหน้าหวานเหมือนผู้หญิง ผมยาวระต้นคอยิ่งทำให้ดูเหมือนผู้หญิงเข้าไปใหญ่ แต่ร่างกายไม่ใช่ ทุกส่วนดูสมเป็นผู้ชาย มีกล้ามเนื้อแน่นดี กะจะสายตาคร่าวๆ คงสูงราว 175 เซนติเมตร ชอบแต่งตัวสไตล์หนุ่มร็อค ออกแนวแบดบอยนิดๆ มีรอยสักที่ต้นแขนด้วย... ช่วงนี้พวกสาวฟุโจชิ[1]ก็ชอบผู้ชายแบดๆ แต่หน้าสวยอยู่เหมือนกัน อืม น่าจะขายได้ไม่ยาก [1] ฟุโจชิ เป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า เด็กสาวที่มีความสนใจและมีความชอบในนิยายหรือการ์ตูนที่มีเนื้อหาความรักระหว่างเด็กผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าในกรณีเป็นผู้ชายที่ชอบอ่านเรื่องราวความรักระหว่างเด็กผู้ชายด้วยกัน จะถูกเรียกว่า ฟุดันชิ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม