ลลิลยังคงคิดแปลกใจในท่าทีของชนกนันท์ที่ดูแปลกๆบางครั้งสายตาเธอก็ดูเศร้าสร้อยบางครั้งก็ดูแข้งกร้าวโดยเฉพาะตอนมองชานนทร์
วันนี้ลลิลเข้าออฟฟิศส่งรายงานข่าวเสร็จแล้วก็เข้าไปหาข่าวกับสารวัตรกิตติ
"มีอะไรคืบหน้าไหมคะสารวัตรข้างบ้านก็ไม่มีอะไรคนร้ายยังไม่ปรากฏตัวเลยค่ะ"
ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบหาผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหยื่อทั้งหกรายว่าใครเป็นข่ายผู้ต้องสงสัยแต่ก็ไม่เจอเลยเหนื่อทั้งหกคนมีหนี้นอกระบบทั้งหกคนแต่ทั้งหมดเป็นลูกหนี้ที่ดีจ่ายตรงไม่เคยเบี้ยวหนี้เลยจึงไม่เคยโดนเจ้าหนี้ทำร้ายตอนนี้พี่โดนเบื่องบนตำหนิเรื่องนี้อยู่ใครจะรู้ว่าฆาตกรจะฉลาดรู้ว่าจะเก็บหลักฐานกำจัดหลักฐานยังไงคนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลยดีเอ็นเอเหงื่อสักหยดหรือแม้แต่เส้นผมก็ไม่มีในที่เกิดเหตุมีแต่ผมของเหยื่อเองเท่านั้น เฮ้อออ..."
สารวัตรถอนหายใจเฮือกใหญ่ลลิลรู้สึกสงสารสารวัตรมากแต่ช่วยอะไรไม่ได้ลลิลมีความผูกพันกับสารวัตรมากเธอนับถือเขาดั่งพี่ชายแต่ลลิลไม่รู้เลยว่าคนที่เธอคิดเป็นแค่พี่ชายนั้นได้คิดเกินเลยกว่าเธอไปมากแล้ว ลลิลลาสารวัตรกลับบ้าน ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูอยู่นั้นลลิลเห็นแม่คุยกันสนุกสนานกับชนกนันท์อยู่ลลิลยิ้ม
"หัวเราะได้แล้วสินะคุณนันท์"
ลลิลเดินไปหาแม่พลางพูดว่า
"แม่น่ะมีลูกสาวเพิ่มอีกคนลืมลูกสาวคนนี้แล้ว"
"เออสิลูกคนนั้นไม่เคยอยู๋บ้านเลยตะลอนไปทั่ว"
ชานนท์มากดกริ่งลลิลเดินมาเปิดให้แล้วบอกว่าชนกนันท์อยู่ในบ้านทั้งคู่เดินเข้าบ้านแม่ปล่อยให้ทุกคนคุยกันเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วแม่ชวนสองพี่น้องกินข้าวที่บ้านด้วยชนกนันท์ตาแม่เข้าครัวไป
"
ทำอะไรบ้างคะเดี๋ยวนันท์เตรียมหั่นของให้ค่ะ"
"นันท์เคยทำอาหารเหรอลูก"
"เคยค่ะแอบไปเรียนรู้กับเชฟตอนทำำงานอยู่บาร์น่ะค่ะ"
"เก่งจริงทุกที่ที่เราเคยอยู่ความรู้อยู่รอบตัวเราดีแล้วล่ะผ่านทุกข์ยากมาได้หนูเข้มแข็งมากแม่เป็นกำลังใจให้"
"แม่ไม่รังเกียจนันท์เหรอ มีแต่คนรังเกียจนันท์เหมือนนันท์เป็นตัวเชื้อโรคยิ่งข่าวออกมาเวลานันท์ออกไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบนันท์เลยไม่อยากออกบ้าน"
"สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้สิ่งที่นันท์เป็นใช่ว่าจะตั้งใจถูกบังคับขู่เข็ญจากคนอืนไม่ใช่ความผิดของนันท์สักหน่อยใครไม่เข้าใจเราช่างเขาเราเข้าใจตัวเองก็พอใครไม่รักเราช่างเขาเรารักตัวเราก็พอรักตัวเองให้มาก มาหาแม่ได้ทุกเวลา ถ้าเหงาก็ไปช่วยแม่ที่ร้านนะแม่เปิดร้านอาหารอยู่"
ชนกนันท์มองแม่ของลลิลด้วยสายตาที่ซาบซึ้งเธอรู้สึกอิจฉาลลิลที่มีแม่แบบนี้ชนกนันท์โหยหาความรักจากแม่แต่ก็ไม่เคยได้พบเจอเลยพ่อแม่อุปถัมภ์ที่รับเธอไปเลี้ยงมีแต่ทำร้ายร่างกายและจิตใจขณะที่เธอนึกถึงพ่อแม่อุปถัมภ์นั้นสายตาได้เปลี่ยนไปดูแข็งกร้าวเหม่อลอย แม่ของลลิลเรียกเท่าไรก็ไม่ได้ยิน
"นันท์ๆๆ..."
"อะ..อ๋อค่ะแม่มีอะไรคะ?"
"แม่กลัวมีดจะบาดมือน่ะเห็นเหม่อ"
"คิดอะไรเพลินไปหน่อยค่ะ"
แม่ของลลิลตกใจกับสายตาแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรนึกสงสารนันท์มากกว่าเธอคงเจออะไรที่สาหัสมาก ชนกนันท์ช่วยหั่นผักเสร็จแล้วจึงบอกแม่ว่า
"แม่เดี๋ยวนันท์จะมาเรียนทำอาหารกับแม่ได้มั้ยคะ?"
"ได้สิแม่จะได้ไม่เหงาไอ้ลินมันไม่เอาเลยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง"
"มากินข้าวได้แล้วทุกคนวันนี้ฝีมือของลูกศิษย์แม่เอง "
ทุกคนรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยและอบอุ่น ชนกนันท์ไม่เคยได้รู้สึกว่าอาหารอร่อยเป็นแบบไหนพึ่งรู้ก็วันนี้เอง เธอไม่เคยได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวแบบนี้มาก่อนช่วงหลายปีมานี้เธอนอนไม่ค่อยหลับเลยฝันร้ายตลอดฝันถึงตอนเด็กที่โดนแม่บุญธรรมบังคับให้ขายตัวไม่ทำตามก็ทุบตี เด็กตัวเล็กๆ อายุแค่10ขวบต้องมาสนองตัญหาคนแก่รุ่นลุง วันแล้ววันเล่าวันละหลายคนความเจ็บปวดรวดร้าวเกาะกินจิตใจทำให้ชนกนันท์เป็นโรคซึมเศร้าเธอรักษามาหลายปีแล้ว และตอนนี้เธอเจอเรื่องเลวร้ายมากกว่าเดิมอีกโรคไบโพล่าร์มาซ้ำเติมอีก ชนกนันท์เคยฆ่าตัวตายแล้วหลายครั้งแต่ก็มีคนมาช่วยโรคไบโพล่าร์น่ากลัวกว่าซึมเศร้าเพราะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายถ้าขาดยาเธออาจจะทำร้ายคนอื่นได้ แต่ชนกนันท์กินยาไม่เคยขาด เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วสองพี่น้องจึงลากลับบ้านลลิลมาส่งหน้าบ้าน
"คุณนันท์พรุ่งนี้มาอีกนะคะแม่ชอบคุณมากเลยค่ะคุณคือลูกสาวในอุดมคติของแม่เลยลินนี่ไม่ได้ตามที่แม่ต้องการสักอย่าง"
"คุณลินน่ารักดีจะตายนันท์ยังอยากเป็นเหมือนคุณลินบ้างแข็งแกร่งไม่อ่อนแอเหมือนนันท์"
"เออ..คุณนนท์ลินสงสัยว่าวันนั้นลินขึ้นบ้านยังไงคะ?"
"อ้าว...ก็ผมอุ้มคุณขึ้นไปสิใครจะอุ้มล่ะแม่คุณคงอุ้มไม่ไหวหรอกถามแปลก"
"แล้วทำไมต้องอุ้มนี่คุณลักหลับลินหรือเปล่า?"
"จะบ้าเหรอ ..คนอะไรหลับไม่รู้เรื่องเลยนี่ดีนะเป็นผมถ้าเป็นคนอื่นคุณไม่เหลือแล้ว"
"ขอบคุณที่ไม่ทำอะไรลินตอนหลับถ้าจะทำต้องปลุกมาก่อนไม่งั้น คุณฟินอยู่คนเดียวลินเสียเปรียบ"
"นี่คุณเป็นผู้หญิงจริงปล่าวเนี่ยพูดแบบนี้ได้ไง...แต่"
ชานนท์กระซิบข้างหู
"แต่ผมแอบจูบไปหนึ่งทียังไม่รู้เรื่องเลย"
ลลิลอายหน้าแดง
"คุณนนท์พูดจริงพูดเล่น...ลินแค่พูดเล่นๆนะแต่ดูสิคุณแอบทำจริง"
ชนกนันท์นันเห็นชานนท์กับลลิลหยอกล้กันเธอยิ้มสายตาที่แข็งกร้าวมองมาที่ชานนท์อีกแล้ว ลลิลเหลือบไปเห็นพอดีชนกนันท์หลบสายตาแล้วเดินเข้าบ้านไป ชานนท์และลลิลแยกย้ายกันเข้าบ้าน ลลิลเล่าเรื่องที่เห็นให้แม่ฟัง
"แม่ก็เห็นตอนทำครัวน่ะอยู่ดีๆตาก็ดุน่ากลัวมากแม่เรียกตั้งนานกว่าจะรู้ตัว"
"แม่ว่าคุณนันท์เขามีอะไรในใจมั๊ยเธอมาหาแม่บ่อยๆ แม่ลองแอบถามดูให้ทีลินอยากรู้"
(้
"เขาเป็นอะไรก็เรื่องของเขาเถอะลูกจะไปยุ่งทำไม บางทีเขาอาจจะเจออะไรที่หนักหนาสาหัสมาก็ได้ แม่คิดว่าเธอน่าสงสารที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ต้องพลัดพรากจากครอบครัวความรักจะเยียวยาเธอได้"
สิ่งที่แม่พูดก็จริงเท่าที่ชานนท์เคยเล่าให้ฟังชนกนันท์เจออะไรมาเยอะมากจนลินยังเกือบจะทนฟังไม่ได้ ลลินเข้านอนแต่เธอคิดว่าเผื่อหลับไปแล้วคนร้ายทีาใส่ฮูสสีดำมาแล้วจะจับภาพไม่ได้ลลินจึงตั้งกล้องจับภาพลลิลบังเอิญเห็นผู้ชายมาเดินลับๆล่อๆอยู่แถวกัแพงบ้านของชานนทร์เธอจึงรีบไปซุ่มดูชายคนนั้นยังเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นลลิลแน่ใจชัดแล้วจึงย่องเข้าไปเหมือนตะครุบชายคนนั้นไว้ แต่เขาหันมาแล้วโบกมือทักทาย
"อ้าวที่รัก..รอต้องนาน.."
ลลิลหันซ้ายหันขวามองหาคนที่ชายคนนั้นทักที่แท้คู่รักนัดเจอกันนี่เอง
"นี่ใครคะรู้จักกันเหรอ?"
"ปล่าวนะใครก็ไม่รู้"
"นี่คุณแม่ชั้นส่งมารึเปล่า?"
"ปะปะเปล่า..แค่มาออกกำลังกาย อึบ.อึบ.อึบ"
ทั้งคู่เดินกอดกันกลมจนแทบจะสิงกันออกไปจากตรงนี้ ชานนท์เห็นลลิลเดินออกไป แล้วก็ทำท่าอะไรแปลกๆจึงเดินตามไปดู เขาสะกิดลลิลให้รู้ตัว
"นี่คุณมาทำอะไรตรงนี้ คงไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นคือคนร้ายนะ ถ้าเขาเป็นคนร้ายตัวจริงคุณตายได้เลยนะนั่นน่ะอย่าประมาทสิออกมาคนเดียวได้ไง และก็ชอบทำอะไรแปลกไปเพี้ยนๆอยู่เรื่อยใครเขามาออกกำลังกายกันตอนนี้ไปเข้าบ้านกัน"
"นี่คุณคุณเคยสงสัยอะไรเกี่ยวกับคุณนันท์บ้างไหม แบบเขามีโรคประจำตัวอะไรมั้ยคุณต้องใกล้ชิดเธอให้มากๆนะเวลาออกข้างนอกให้ชวนเธอไปด้วยลินว่าคุณนันท์มีบางอย่างอยู่ในใจ"
"ทุกคนก็มีอะไรในใจทั้งนั้นแหละ..ผมก็มี"
"คุณมีอะไรในใจปิดบังลิน..บอกมาเร็วมีความลับตลอดห้าม ต่อไปนี้ห้ามมีความลับไปสืบอะไรได้คุณรู้อะไรมาเกี่ยวกับคนร้ายรึเปล่า?"
"ถามซะเยอะเลยตอบไม่ทัน"
"อะไรที่อยู่ในใจผมอยากรู้ปะไปส่องกระจกดูเอาก็จะออกมาสิ่งนั้น"
"อะไรจะออกมาจากกระจก หรือว่า..ผีเหรอ?"
"ลองไปส่องดู ..อะไรที่อยู่ในใจผม"
ชานนท์ยิ้มอย่างขบขัน ลลิลเห็นแล้วขัดตา ชานนท์เข้าบ้านแล้วชนกนันท์แอบมองทั้งคู่คุยกันยิ้มที่มุมปากสายตาแข็งกร้าว ลลิลเข้าบ้านมาก็มาส่องกระจกดูก็ไม่เห็นอะไรเห็นแต่หน้าตัวเอง
"อะไรวะที่อยู่ในใจเขา...ไม่เห็นมีอะไรเลยโว๊ะมาหรอกกันเฉยเลย"
"ทำอะไรส่องกระจกอยู่นั่นแหละเกิดรักสวยรักงามไรขึ้นมาตอนนี้"
"แม่คุณนนท์บอกว่าอยากรู้ว่าอะไรที่อยู่ในใจเขาให้มาส่องกระจกแม่เห็นมั๊ยลินดูตั้งนานไม่เจอเลย"
"นี่อะไร.." แม่ชี้ไปที่เงาของลลิล
"ก็ลินไง.."
"ก็เออ...ไง..รู้หรือยังผู้ชายเขาบอกรักยังจะโง่"
"อ๋อ...แม่น่ะฉลาดจริง" ลลิลเขิลหน้าแดง
"แม่ไม่ได้ฉลาด..แต่มีคนบางคนโง่"
"ผู้ชายอะไรชอบอ้อมโลกพูดตรงๆก็ได้หรอก"
เช้าวันใหม่ที่สดใสกว่าทุกวันลลิลแต่งหน้าอ่อนๆไปทำงานพาให้คนที่ทำงานแปลกใจ นี่แหละหนอความรักเปลี่ยนโลกได้
"นี่ลินอะไรเข้าฝันให้แต่งหน้า"
"ไม่สวยเหรอ?"
"สวย..แต่ว่าไม่คุ้นตาและอีกอย่างเธออยู่หน่วยอาชญากรรม..นักข่าวพากสนามไม่ได้เป็นผู้รายงานข่าว จะสวยให้ศพดูเหรอจ๊ะคนสวย"
"ก็สวยไว้ดูคนเดียวไงสวยก็ว่าไม่สวยก็ว่าชิ..อ่ะรายงานข่าวส่งเสร็จแล้วไปแล้วนะบาย"
ลลิลออกจากออฟฟิศแล้วก็ตรงไปที่เดิม ที่สน. สารวัตรกิตติเห็นลลิลสวยผิดปกติก็นั่งมองพิจารณาจนลลิลอาย
"สารวัตร...มองอะไรนักหนาลินอายแล้วเนี่ย"
"สวยดีควรจะแต่งตั้งนานแล้วนึกยังไงถึงแต่งหน้าปกติไม่ชอบไม่ใช่เหรอ?"
"ก็ลองดูน่ะหัดแต่งฝึกตามในเน็ตเผื่อได้ออกงาน"
สารวัตรบอกกับลลิลว่ามีคนเห็นผู้ชายแปลกๆ เดินตามชนกนันท์อยู่ตลอดเวลาแค่เหมือนเธอจะไม่รู้ตัวชายคนนี้สวมเสื้อฮูสสีดำใส่แมสปกปิดใบหน้าทุกคืนหลังเลิกงานชายปริศนาจะเดินตามตลอดแต่ไม่เคยทำร้าย แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าสะกดรอยตามวางแผนเพื่อจะลักพาตัวก็เป็นได้ตอนนี้ตำรวจได้เบาะแสเยอะพอสมควรแต่ขาดหลักฐานมัดตัวคนร้าย
"สารวัตรรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอคะ"
"รู้ตัวผู้ต้องสงสัยแต่ขาดหลักฐานเพราะเขาแค่เดินตามไม่ได้มีหลักฐานว่าเขาทำร้ายใคร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใช่เขาที่เป็นคนร้าย ข้างบ้านมีอะไรน่าสงสัยมั๊ย?"มีคนแปลกๆมั๊ย?"
"ไม่มี..แต่เอ่อจะพูดดีมั๊ยนะ"
"อะไร?"
"คุณนันท์เธอมีอาการแปลกๆ บางทีก็ดูเศร้ามากจนดูหดหู่แต่บางทีก็มีอาการสายตาดูแข็งกร้าวหน้ากลัวแต่ก็ไม่มีอะไรไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่"
"คงไม่มีอะไรหรอก..เท่าที่สืบประวัติมาเธอเคยโดนพ่อแม่อุปถัมภ์ทำร้ายเมื่อตอนเด็กๆบังคับให้ค้าประเวณีตั้งแต่ยังอายุ10ขวบเะอาจจะมีอาการ ทางจิตอ่อนๆก็ได้รักษาได้แค่ได้ความรักความอบอุ่นจากคนรอบข้าง"
ลลิลฟังสารวัตรเล่าแล้วยิ่งให้เกิดความสงสารชนกนันท์เป็นยิ่งนัก ลลิล คุยกับสารวัตรนานพอสมควรจึงลากลับบ้าน ขณะที่ลลิลเปิดประตูบ้านก็เห็นรถของชานนท์ออกมามีชนกนันท์นั่งข้างๆมาด้วย กระจกรถเลื่อนลงช้าชนกนันท์เรียกลลิล
"คุณลินคะรบกวนหน่อยค่ะช่วยไปเลือกชุดเป็นเพื่อนหน่อยค่ะ นะคะ"
"ชุดอะไรคะไปไหนกันคะ?"
"ไปงานเลี้ยงบริษัทคืนนี้ ไปด้วยกันมั๊ย?"
"จะดีเหรอคะ ลินแต่งหน้าแต่งตัวไม่เป็นเลยค่ะ เดี๋ยวแต่งให้เองค่ะตอนทำงานอยู่ที่บาร์ก็แต่งให้เพื่อนๆปรจำเลยค่ะ ไปเป็นเพื่อนนันท์นะคะพี่นนท์น่ะแหละชวนอยู่นั่นนันท์ไม่อยากไปนันท์กลัว"
"คุณนันท์กลัวอะไรคะ?"
"กลัวสายตาผู้คนค่ะ..."
"ก็ได้ค่ะเดี๋ยวลินไปเป็นเพื่อนนะคะ"
ชานนท์พาสาวๆ ทั้งสองเลือกชุดกันอย่างสนุกสนาน ชนกนันท์เลือกเดรสสีดำเทาสวยงาม
ชนกนันท์เป็นหญิงสาวที่สวยงามมากผิวขาวผุดผ่องในตาคมปากเล็กบางสีชมพู ลลิลเลือกเดรสแขนกุดกระโปรงยาวถึงเข่าสีครีม ชนกนันท์ดูแล้วว่าไม่ค่อยสวยและไม่เด่นเลยชนกนันท์ชอบเล่นตุ๊กตาแต่งตัวเมื่อครั้งยังเด็กตอนนี้เธอเห็นลลิลเหมือนตุ๊กตาที่เธออยากแต่งให้ เธอเคยฝันอยากเป็นดีไซเนอร์แต่ก็ไม่สามารถไปถึงฝันได้ งานเริ่มสามทุ่ม ขณะนี้ หนึ่งทุมกว่าแล้ว ตั้งแต่ซื้อของเสร็จสองสาวก็ขึ้นห้องไปแต่งตัวนานแล้ว ชานนท์มองนาฬิกาเพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันเพราะรถในกรุงเทพฯติดมากต้องเผื่อเวลาสักหน่อยชานนท์สวมชุดสูทสีดำหรูหรา งานนี้เป็นงานเลี้ยงบรรดาเหล่าไฮโซและนักการเมืองรวถึงหน่วยงานต่างๆมารวมตัวกันที่นี่ ขณะที่ชานนท์นั่งรอสองสาวอยู่นั้นชนกนันท์ก็เดินมาพร้อมกับลลิล ชายหนุ่มตะลึงงันในความเซ็กซี่ชนกนันท์แต่งหน้าให้ลลิลอ่อนๆดูธรรมชาติ แม่ของลลิลออกมาส่งลูกสาวเพราะตื่นเต้นที่เห็นลูกสาวรู้จักออกงานสังสรรค์กับเขาบ้างโดยปกติลลิลไม่ชอบงานสังสรรค์
"นันท์นี่เก่งจริงสามารถแต่งลิงให้เป็นคนได้สวยด้วยคุณนนท์คิดดีแล้วหรือ?ที่พาเจ้าลิงนี่ไปด้วยแม่กลัวจะไปพังงานเขาน่ะ"
"โถ่แม่ก็...ลินก็ไม่ได้ซุมซ่ามขนาดนั้นหรอกน่า...โอ๊ะ.โอ๊ะโอ๊ย.."
"อะไรเป็นอะไร รองเท้าที่คุณนันท์ให้ใส่มันสูงเกินไปมันพลิกน่ะ"
"จะรอดมั้ยนะ"
"หึหึหึ" ชานนท์หัวเราะขบขัน
"เดี๋ยวผมจะดูแลให้ครับขออนุญาตและขอตัวนะครับเดี๋ยวรถจะติดจะมาส่งไม่ให้ดึกครับ"
ทั้สามคนมาถึงงานเลี้ยงหรูหรา ภายในงานไม่มีโต๊ะอาหารมีแต่ซุ้มอาหารที่วางเรียงรายทำไว้พอดีคำเพื่อให้แขกเหรื่อในงานได้หยิบใสจานเล็กๆมีนักดนตรีแจ๊สเล่นเพลงเบาๆให้ฟัง สิ่งที่ชนกนันท์กลัวก็เกิดขึ้นจริงทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอต่างซุบซิบๆ ไม่แค่นั้นทุกคนมองลลิลไม่ต่างจากมองชนกนันท์เลย
"ลูกชายบุญธรรมของท่านอนิรุทธิ์นี่ไม่เห็นแก่หน้าพ่อเลยพาหญิงบริการมาในงานด้วย"
"อ้าวรู้ได้ไงคะว่าเป็นอย่างว่า"
"ข่าวออกทุกช่องคดีหญิงบริการถูกฆ่าเธอคนนี้เป็นคนที่รอดชีวิตมาได้"
"ว้าย..ตายและเชื้อโรค..ติดโรคมาด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย"
ลลิลทนฟังไม่ไหวแล้วส่วนชนกนันท์แอบน้ำตาคลอ ลลิลตรงไปที่ผู้หญิงแก่ทั้งสองคนเธอพร้อมบวกมาก
"นี่ป้า เชื้อโรคจากปากป้าน่ะน่ากลัวกว่าโรคอื่นๆอีกพูดไม่ถนอมน้ำใจคนอื่นบ้างเลย ถ้าหนูเป็นอย่างว่าแล้วจะทำไมเหรอ ระวังลููกป้าผัวป้าให้ดีจะงาบให้หมดอย่าให่ได้ยินอีกนะ"
ลลิลเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว
"คุณลินคะเขาจะไม่ไล่เราออกจากงานเหรอคะไปด่าเขาน่ะ"
"ใครจะกล้า..รู้มั้ยคะนี่ใคร..?"
"แล้วใครคะ..หึหึหึ"
"น่ะ..หัวเราะได้แล้ว..ก็นี่ไงนักข่าวใครๆก็กลัวนักข่าวกันทั้งนั้นแหละ ลองดิจะแฉให้หมดเลยพวกนี้น่ะเน่าในทั้งหมดแหละผัวซุกเมียน้อยเมียติดบาร์โฮสลินรู้หมดแหละค่ะแต่ลินไม่ได้ทำข่าวสังคมลินทำข่าวอาชญากรรมถือว่ายัยมนุษย์ป้านี่รอดตัวไป"
"อ้าว..คุณลินเป็นนักข่าวเหรอคะ?"
"ใช่ค่ะ"
"คุณลินน่าจะได้ขาวจากงานนี้นะคะ.."
"ลินไม่ได้ทำข่าวสังคมค่ะ..ถ้ามีคนตายในงานนี้แหละค่ะลินอาจจะได้ข่าวแต่คงไม่มีหรอก"
ขณะที่ลลิลพูดทีเล่นทีจริงอยู่นั้นเธอก็สังเกตุเห็นสายตาแบบนั้นอีกแล้วสายตาที่แข็งกร้าวแต่คราวนีมันดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เห็น แล้วอยู่ๆ ไฟก็ดับพรึบทุกคนในงานโกลาหลไปหมดชนกนันท์ร้องกรี้ดตกใจลลิลคว้ามือเธอไว้ ชานนท์ไม่รู้หายไปทางไหนไฟดับเนิ่นนานพอสมควร ไฟฉุกเฉินไม่ทำงานชนกนันท์กอดลลิลแน่น
"ไม่ต้องกลัวค่ะลินอยู่นี่แล้ว"
ลลิลคิดว่าการที่ชนกนันท์ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวในที่แคบและมืดทำให้เธอกลัวความมืดแล้วไฟก็ติด
"กรี๊ดดดดเ...กรี๊ดดด...กรี๊ดดด!?"