ฆาตกรยังไม่หยุด

3080 คำ
ลลิลยังคงคิดแปลกใจในท่าทีของชนกนันท์ที่ดูแปลกๆบางครั้งสายตาเธอก็ดูเศร้าสร้อยบางครั้งก็ดูแข้งกร้าวโดยเฉพาะตอนมองชานนทร์ วันนี้ลลิลเข้าออฟฟิศส่งรายงานข่าวเสร็จแล้วก็เข้าไปหาข่าวกับสารวัตรกิตติ "มีอะไรคืบหน้าไหมคะสารวัตรข้างบ้านก็ไม่มีอะไรคนร้ายยังไม่ปรากฏตัวเลยค่ะ" ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบหาผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหยื่อทั้งหกรายว่าใครเป็นข่ายผู้ต้องสงสัยแต่ก็ไม่เจอเลยเหนื่อทั้งหกคนมีหนี้นอกระบบทั้งหกคนแต่ทั้งหมดเป็นลูกหนี้ที่ดีจ่ายตรงไม่เคยเบี้ยวหนี้เลยจึงไม่เคยโดนเจ้าหนี้ทำร้ายตอนนี้พี่โดนเบื่องบนตำหนิเรื่องนี้อยู่ใครจะรู้ว่าฆาตกรจะฉลาดรู้ว่าจะเก็บหลักฐานกำจัดหลักฐานยังไงคนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลยดีเอ็นเอเหงื่อสักหยดหรือแม้แต่เส้นผมก็ไม่มีในที่เกิดเหตุมีแต่ผมของเหยื่อเองเท่านั้น เฮ้อออ..." สารวัตรถอนหายใจเฮือกใหญ่ลลิลรู้สึกสงสารสารวัตรมากแต่ช่วยอะไรไม่ได้ลลิลมีความผูกพันกับสารวัตรมากเธอนับถือเขาดั่งพี่ชายแต่ลลิลไม่รู้เลยว่าคนที่เธอคิดเป็นแค่พี่ชายนั้นได้คิดเกินเลยกว่าเธอไปมากแล้ว ลลิลลาสารวัตรกลับบ้าน ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูอยู่นั้นลลิลเห็นแม่คุยกันสนุกสนานกับชนกนันท์อยู่ลลิลยิ้ม "หัวเราะได้แล้วสินะคุณนันท์" ลลิลเดินไปหาแม่พลางพูดว่า "แม่น่ะมีลูกสาวเพิ่มอีกคนลืมลูกสาวคนนี้แล้ว" "เออสิลูกคนนั้นไม่เคยอยู๋บ้านเลยตะลอนไปทั่ว" ชานนท์มากดกริ่งลลิลเดินมาเปิดให้แล้วบอกว่าชนกนันท์อยู่ในบ้านทั้งคู่เดินเข้าบ้านแม่ปล่อยให้ทุกคนคุยกันเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วแม่ชวนสองพี่น้องกินข้าวที่บ้านด้วยชนกนันท์ตาแม่เข้าครัวไป " ทำอะไรบ้างคะเดี๋ยวนันท์เตรียมหั่นของให้ค่ะ" "นันท์เคยทำอาหารเหรอลูก" "เคยค่ะแอบไปเรียนรู้กับเชฟตอนทำำงานอยู่บาร์น่ะค่ะ" "เก่งจริงทุกที่ที่เราเคยอยู่ความรู้อยู่รอบตัวเราดีแล้วล่ะผ่านทุกข์ยากมาได้หนูเข้มแข็งมากแม่เป็นกำลังใจให้" "แม่ไม่รังเกียจนันท์เหรอ มีแต่คนรังเกียจนันท์เหมือนนันท์เป็นตัวเชื้อโรคยิ่งข่าวออกมาเวลานันท์ออกไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบนันท์เลยไม่อยากออกบ้าน" "สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้สิ่งที่นันท์เป็นใช่ว่าจะตั้งใจถูกบังคับขู่เข็ญจากคนอืนไม่ใช่ความผิดของนันท์สักหน่อยใครไม่เข้าใจเราช่างเขาเราเข้าใจตัวเองก็พอใครไม่รักเราช่างเขาเรารักตัวเราก็พอรักตัวเองให้มาก มาหาแม่ได้ทุกเวลา ถ้าเหงาก็ไปช่วยแม่ที่ร้านนะแม่เปิดร้านอาหารอยู่" ชนกนันท์มองแม่ของลลิลด้วยสายตาที่ซาบซึ้งเธอรู้สึกอิจฉาลลิลที่มีแม่แบบนี้ชนกนันท์โหยหาความรักจากแม่แต่ก็ไม่เคยได้พบเจอเลยพ่อแม่อุปถัมภ์ที่รับเธอไปเลี้ยงมีแต่ทำร้ายร่างกายและจิตใจขณะที่เธอนึกถึงพ่อแม่อุปถัมภ์นั้นสายตาได้เปลี่ยนไปดูแข็งกร้าวเหม่อลอย แม่ของลลิลเรียกเท่าไรก็ไม่ได้ยิน "นันท์ๆๆ..." "อะ..อ๋อค่ะแม่มีอะไรคะ?" "แม่กลัวมีดจะบาดมือน่ะเห็นเหม่อ" "คิดอะไรเพลินไปหน่อยค่ะ" แม่ของลลิลตกใจกับสายตาแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรนึกสงสารนันท์มากกว่าเธอคงเจออะไรที่สาหัสมาก ชนกนันท์ช่วยหั่นผักเสร็จแล้วจึงบอกแม่ว่า "แม่เดี๋ยวนันท์จะมาเรียนทำอาหารกับแม่ได้มั้ยคะ?" "ได้สิแม่จะได้ไม่เหงาไอ้ลินมันไม่เอาเลยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง" "มากินข้าวได้แล้วทุกคนวันนี้ฝีมือของลูกศิษย์แม่เอง " ทุกคนรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยและอบอุ่น ชนกนันท์ไม่เคยได้รู้สึกว่าอาหารอร่อยเป็นแบบไหนพึ่งรู้ก็วันนี้เอง เธอไม่เคยได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวแบบนี้มาก่อนช่วงหลายปีมานี้เธอนอนไม่ค่อยหลับเลยฝันร้ายตลอดฝันถึงตอนเด็กที่โดนแม่บุญธรรมบังคับให้ขายตัวไม่ทำตามก็ทุบตี เด็กตัวเล็กๆ อายุแค่10ขวบต้องมาสนองตัญหาคนแก่รุ่นลุง วันแล้ววันเล่าวันละหลายคนความเจ็บปวดรวดร้าวเกาะกินจิตใจทำให้ชนกนันท์เป็นโรคซึมเศร้าเธอรักษามาหลายปีแล้ว และตอนนี้เธอเจอเรื่องเลวร้ายมากกว่าเดิมอีกโรคไบโพล่าร์มาซ้ำเติมอีก ชนกนันท์เคยฆ่าตัวตายแล้วหลายครั้งแต่ก็มีคนมาช่วยโรคไบโพล่าร์น่ากลัวกว่าซึมเศร้าเพราะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายถ้าขาดยาเธออาจจะทำร้ายคนอื่นได้ แต่ชนกนันท์กินยาไม่เคยขาด เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วสองพี่น้องจึงลากลับบ้านลลิลมาส่งหน้าบ้าน "คุณนันท์พรุ่งนี้มาอีกนะคะแม่ชอบคุณมากเลยค่ะคุณคือลูกสาวในอุดมคติของแม่เลยลินนี่ไม่ได้ตามที่แม่ต้องการสักอย่าง" "คุณลินน่ารักดีจะตายนันท์ยังอยากเป็นเหมือนคุณลินบ้างแข็งแกร่งไม่อ่อนแอเหมือนนันท์" "เออ..คุณนนท์ลินสงสัยว่าวันนั้นลินขึ้นบ้านยังไงคะ?" "อ้าว...ก็ผมอุ้มคุณขึ้นไปสิใครจะอุ้มล่ะแม่คุณคงอุ้มไม่ไหวหรอกถามแปลก" "แล้วทำไมต้องอุ้มนี่คุณลักหลับลินหรือเปล่า?" "จะบ้าเหรอ ..คนอะไรหลับไม่รู้เรื่องเลยนี่ดีนะเป็นผมถ้าเป็นคนอื่นคุณไม่เหลือแล้ว" "ขอบคุณที่ไม่ทำอะไรลินตอนหลับถ้าจะทำต้องปลุกมาก่อนไม่งั้น คุณฟินอยู่คนเดียวลินเสียเปรียบ" "นี่คุณเป็นผู้หญิงจริงปล่าวเนี่ยพูดแบบนี้ได้ไง...แต่" ชานนท์กระซิบข้างหู "แต่ผมแอบจูบไปหนึ่งทียังไม่รู้เรื่องเลย" ลลิลอายหน้าแดง "คุณนนท์พูดจริงพูดเล่น...ลินแค่พูดเล่นๆนะแต่ดูสิคุณแอบทำจริง" ชนกนันท์นันเห็นชานนท์กับลลิลหยอกล้กันเธอยิ้มสายตาที่แข็งกร้าวมองมาที่ชานนท์อีกแล้ว ลลิลเหลือบไปเห็นพอดีชนกนันท์หลบสายตาแล้วเดินเข้าบ้านไป ชานนท์และลลิลแยกย้ายกันเข้าบ้าน ลลิลเล่าเรื่องที่เห็นให้แม่ฟัง "แม่ก็เห็นตอนทำครัวน่ะอยู่ดีๆตาก็ดุน่ากลัวมากแม่เรียกตั้งนานกว่าจะรู้ตัว" "แม่ว่าคุณนันท์เขามีอะไรในใจมั๊ยเธอมาหาแม่บ่อยๆ แม่ลองแอบถามดูให้ทีลินอยากรู้" (้ "เขาเป็นอะไรก็เรื่องของเขาเถอะลูกจะไปยุ่งทำไม บางทีเขาอาจจะเจออะไรที่หนักหนาสาหัสมาก็ได้ แม่คิดว่าเธอน่าสงสารที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ต้องพลัดพรากจากครอบครัวความรักจะเยียวยาเธอได้" สิ่งที่แม่พูดก็จริงเท่าที่ชานนท์เคยเล่าให้ฟังชนกนันท์เจออะไรมาเยอะมากจนลินยังเกือบจะทนฟังไม่ได้ ลลินเข้านอนแต่เธอคิดว่าเผื่อหลับไปแล้วคนร้ายทีาใส่ฮูสสีดำมาแล้วจะจับภาพไม่ได้ลลินจึงตั้งกล้องจับภาพลลิลบังเอิญเห็นผู้ชายมาเดินลับๆล่อๆอยู่แถวกัแพงบ้านของชานนทร์เธอจึงรีบไปซุ่มดูชายคนนั้นยังเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นลลิลแน่ใจชัดแล้วจึงย่องเข้าไปเหมือนตะครุบชายคนนั้นไว้ แต่เขาหันมาแล้วโบกมือทักทาย "อ้าวที่รัก..รอต้องนาน.." ลลิลหันซ้ายหันขวามองหาคนที่ชายคนนั้นทักที่แท้คู่รักนัดเจอกันนี่เอง "นี่ใครคะรู้จักกันเหรอ?" "ปล่าวนะใครก็ไม่รู้" "นี่คุณแม่ชั้นส่งมารึเปล่า?" "ปะปะเปล่า..แค่มาออกกำลังกาย อึบ.อึบ.อึบ" ทั้งคู่เดินกอดกันกลมจนแทบจะสิงกันออกไปจากตรงนี้ ชานนท์เห็นลลิลเดินออกไป แล้วก็ทำท่าอะไรแปลกๆจึงเดินตามไปดู เขาสะกิดลลิลให้รู้ตัว "นี่คุณมาทำอะไรตรงนี้ คงไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นคือคนร้ายนะ ถ้าเขาเป็นคนร้ายตัวจริงคุณตายได้เลยนะนั่นน่ะอย่าประมาทสิออกมาคนเดียวได้ไง และก็ชอบทำอะไรแปลกไปเพี้ยนๆอยู่เรื่อยใครเขามาออกกำลังกายกันตอนนี้ไปเข้าบ้านกัน" "นี่คุณคุณเคยสงสัยอะไรเกี่ยวกับคุณนันท์บ้างไหม แบบเขามีโรคประจำตัวอะไรมั้ยคุณต้องใกล้ชิดเธอให้มากๆนะเวลาออกข้างนอกให้ชวนเธอไปด้วยลินว่าคุณนันท์มีบางอย่างอยู่ในใจ" "ทุกคนก็มีอะไรในใจทั้งนั้นแหละ..ผมก็มี" "คุณมีอะไรในใจปิดบังลิน..บอกมาเร็วมีความลับตลอดห้าม ต่อไปนี้ห้ามมีความลับไปสืบอะไรได้คุณรู้อะไรมาเกี่ยวกับคนร้ายรึเปล่า?" "ถามซะเยอะเลยตอบไม่ทัน" "อะไรที่อยู่ในใจผมอยากรู้ปะไปส่องกระจกดูเอาก็จะออกมาสิ่งนั้น" "อะไรจะออกมาจากกระจก หรือว่า..ผีเหรอ?" "ลองไปส่องดู ..อะไรที่อยู่ในใจผม" ชานนท์ยิ้มอย่างขบขัน ลลิลเห็นแล้วขัดตา ชานนท์เข้าบ้านแล้วชนกนันท์แอบมองทั้งคู่คุยกันยิ้มที่มุมปากสายตาแข็งกร้าว ลลิลเข้าบ้านมาก็มาส่องกระจกดูก็ไม่เห็นอะไรเห็นแต่หน้าตัวเอง "อะไรวะที่อยู่ในใจเขา...ไม่เห็นมีอะไรเลยโว๊ะมาหรอกกันเฉยเลย" "ทำอะไรส่องกระจกอยู่นั่นแหละเกิดรักสวยรักงามไรขึ้นมาตอนนี้" "แม่คุณนนท์บอกว่าอยากรู้ว่าอะไรที่อยู่ในใจเขาให้มาส่องกระจกแม่เห็นมั๊ยลินดูตั้งนานไม่เจอเลย" "นี่อะไร.." แม่ชี้ไปที่เงาของลลิล "ก็ลินไง.." "ก็เออ...ไง..รู้หรือยังผู้ชายเขาบอกรักยังจะโง่" "อ๋อ...แม่น่ะฉลาดจริง" ลลิลเขิลหน้าแดง "แม่ไม่ได้ฉลาด..แต่มีคนบางคนโง่" "ผู้ชายอะไรชอบอ้อมโลกพูดตรงๆก็ได้หรอก" เช้าวันใหม่ที่สดใสกว่าทุกวันลลิลแต่งหน้าอ่อนๆไปทำงานพาให้คนที่ทำงานแปลกใจ นี่แหละหนอความรักเปลี่ยนโลกได้ "นี่ลินอะไรเข้าฝันให้แต่งหน้า" "ไม่สวยเหรอ?" "สวย..แต่ว่าไม่คุ้นตาและอีกอย่างเธออยู่หน่วยอาชญากรรม..นักข่าวพากสนามไม่ได้เป็นผู้รายงานข่าว จะสวยให้ศพดูเหรอจ๊ะคนสวย" "ก็สวยไว้ดูคนเดียวไงสวยก็ว่าไม่สวยก็ว่าชิ..อ่ะรายงานข่าวส่งเสร็จแล้วไปแล้วนะบาย" ลลิลออกจากออฟฟิศแล้วก็ตรงไปที่เดิม ที่สน. สารวัตรกิตติเห็นลลิลสวยผิดปกติก็นั่งมองพิจารณาจนลลิลอาย "สารวัตร...มองอะไรนักหนาลินอายแล้วเนี่ย" "สวยดีควรจะแต่งตั้งนานแล้วนึกยังไงถึงแต่งหน้าปกติไม่ชอบไม่ใช่เหรอ?" "ก็ลองดูน่ะหัดแต่งฝึกตามในเน็ตเผื่อได้ออกงาน" สารวัตรบอกกับลลิลว่ามีคนเห็นผู้ชายแปลกๆ เดินตามชนกนันท์อยู่ตลอดเวลาแค่เหมือนเธอจะไม่รู้ตัวชายคนนี้สวมเสื้อฮูสสีดำใส่แมสปกปิดใบหน้าทุกคืนหลังเลิกงานชายปริศนาจะเดินตามตลอดแต่ไม่เคยทำร้าย แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าสะกดรอยตามวางแผนเพื่อจะลักพาตัวก็เป็นได้ตอนนี้ตำรวจได้เบาะแสเยอะพอสมควรแต่ขาดหลักฐานมัดตัวคนร้าย "สารวัตรรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอคะ" "รู้ตัวผู้ต้องสงสัยแต่ขาดหลักฐานเพราะเขาแค่เดินตามไม่ได้มีหลักฐานว่าเขาทำร้ายใคร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใช่เขาที่เป็นคนร้าย ข้างบ้านมีอะไรน่าสงสัยมั๊ย?"มีคนแปลกๆมั๊ย?" "ไม่มี..แต่เอ่อจะพูดดีมั๊ยนะ" "อะไร?" "คุณนันท์เธอมีอาการแปลกๆ บางทีก็ดูเศร้ามากจนดูหดหู่แต่บางทีก็มีอาการสายตาดูแข็งกร้าวหน้ากลัวแต่ก็ไม่มีอะไรไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่" "คงไม่มีอะไรหรอก..เท่าที่สืบประวัติมาเธอเคยโดนพ่อแม่อุปถัมภ์ทำร้ายเมื่อตอนเด็กๆบังคับให้ค้าประเวณีตั้งแต่ยังอายุ10ขวบเะอาจจะมีอาการ ทางจิตอ่อนๆก็ได้รักษาได้แค่ได้ความรักความอบอุ่นจากคนรอบข้าง" ลลิลฟังสารวัตรเล่าแล้วยิ่งให้เกิดความสงสารชนกนันท์เป็นยิ่งนัก ลลิล คุยกับสารวัตรนานพอสมควรจึงลากลับบ้าน ขณะที่ลลิลเปิดประตูบ้านก็เห็นรถของชานนท์ออกมามีชนกนันท์นั่งข้างๆมาด้วย กระจกรถเลื่อนลงช้าชนกนันท์เรียกลลิล "คุณลินคะรบกวนหน่อยค่ะช่วยไปเลือกชุดเป็นเพื่อนหน่อยค่ะ นะคะ" "ชุดอะไรคะไปไหนกันคะ?" "ไปงานเลี้ยงบริษัทคืนนี้ ไปด้วยกันมั๊ย?" "จะดีเหรอคะ ลินแต่งหน้าแต่งตัวไม่เป็นเลยค่ะ เดี๋ยวแต่งให้เองค่ะตอนทำงานอยู่ที่บาร์ก็แต่งให้เพื่อนๆปรจำเลยค่ะ ไปเป็นเพื่อนนันท์นะคะพี่นนท์น่ะแหละชวนอยู่นั่นนันท์ไม่อยากไปนันท์กลัว" "คุณนันท์กลัวอะไรคะ?" "กลัวสายตาผู้คนค่ะ..." "ก็ได้ค่ะเดี๋ยวลินไปเป็นเพื่อนนะคะ" ชานนท์พาสาวๆ ทั้งสองเลือกชุดกันอย่างสนุกสนาน ชนกนันท์เลือกเดรสสีดำเทาสวยงาม ชนกนันท์เป็นหญิงสาวที่สวยงามมากผิวขาวผุดผ่องในตาคมปากเล็กบางสีชมพู ลลิลเลือกเดรสแขนกุดกระโปรงยาวถึงเข่าสีครีม ชนกนันท์ดูแล้วว่าไม่ค่อยสวยและไม่เด่นเลยชนกนันท์ชอบเล่นตุ๊กตาแต่งตัวเมื่อครั้งยังเด็กตอนนี้เธอเห็นลลิลเหมือนตุ๊กตาที่เธออยากแต่งให้ เธอเคยฝันอยากเป็นดีไซเนอร์แต่ก็ไม่สามารถไปถึงฝันได้ งานเริ่มสามทุ่ม ขณะนี้ หนึ่งทุมกว่าแล้ว ตั้งแต่ซื้อของเสร็จสองสาวก็ขึ้นห้องไปแต่งตัวนานแล้ว ชานนท์มองนาฬิกาเพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันเพราะรถในกรุงเทพฯติดมากต้องเผื่อเวลาสักหน่อยชานนท์สวมชุดสูทสีดำหรูหรา งานนี้เป็นงานเลี้ยงบรรดาเหล่าไฮโซและนักการเมืองรวถึงหน่วยงานต่างๆมารวมตัวกันที่นี่ ขณะที่ชานนท์นั่งรอสองสาวอยู่นั้นชนกนันท์ก็เดินมาพร้อมกับลลิล ชายหนุ่มตะลึงงันในความเซ็กซี่ชนกนันท์แต่งหน้าให้ลลิลอ่อนๆดูธรรมชาติ แม่ของลลิลออกมาส่งลูกสาวเพราะตื่นเต้นที่เห็นลูกสาวรู้จักออกงานสังสรรค์กับเขาบ้างโดยปกติลลิลไม่ชอบงานสังสรรค์ "นันท์นี่เก่งจริงสามารถแต่งลิงให้เป็นคนได้สวยด้วยคุณนนท์คิดดีแล้วหรือ?ที่พาเจ้าลิงนี่ไปด้วยแม่กลัวจะไปพังงานเขาน่ะ" "โถ่แม่ก็...ลินก็ไม่ได้ซุมซ่ามขนาดนั้นหรอกน่า...โอ๊ะ.โอ๊ะโอ๊ย.." "อะไรเป็นอะไร รองเท้าที่คุณนันท์ให้ใส่มันสูงเกินไปมันพลิกน่ะ" "จะรอดมั้ยนะ" "หึหึหึ" ชานนท์หัวเราะขบขัน "เดี๋ยวผมจะดูแลให้ครับขออนุญาตและขอตัวนะครับเดี๋ยวรถจะติดจะมาส่งไม่ให้ดึกครับ" ทั้สามคนมาถึงงานเลี้ยงหรูหรา ภายในงานไม่มีโต๊ะอาหารมีแต่ซุ้มอาหารที่วางเรียงรายทำไว้พอดีคำเพื่อให้แขกเหรื่อในงานได้หยิบใสจานเล็กๆมีนักดนตรีแจ๊สเล่นเพลงเบาๆให้ฟัง สิ่งที่ชนกนันท์กลัวก็เกิดขึ้นจริงทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอต่างซุบซิบๆ ไม่แค่นั้นทุกคนมองลลิลไม่ต่างจากมองชนกนันท์เลย "ลูกชายบุญธรรมของท่านอนิรุทธิ์นี่ไม่เห็นแก่หน้าพ่อเลยพาหญิงบริการมาในงานด้วย" "อ้าวรู้ได้ไงคะว่าเป็นอย่างว่า" "ข่าวออกทุกช่องคดีหญิงบริการถูกฆ่าเธอคนนี้เป็นคนที่รอดชีวิตมาได้" "ว้าย..ตายและเชื้อโรค..ติดโรคมาด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย" ลลิลทนฟังไม่ไหวแล้วส่วนชนกนันท์แอบน้ำตาคลอ ลลิลตรงไปที่ผู้หญิงแก่ทั้งสองคนเธอพร้อมบวกมาก "นี่ป้า เชื้อโรคจากปากป้าน่ะน่ากลัวกว่าโรคอื่นๆอีกพูดไม่ถนอมน้ำใจคนอื่นบ้างเลย ถ้าหนูเป็นอย่างว่าแล้วจะทำไมเหรอ ระวังลููกป้าผัวป้าให้ดีจะงาบให้หมดอย่าให่ได้ยินอีกนะ" ลลิลเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว "คุณลินคะเขาจะไม่ไล่เราออกจากงานเหรอคะไปด่าเขาน่ะ" "ใครจะกล้า..รู้มั้ยคะนี่ใคร..?" "แล้วใครคะ..หึหึหึ" "น่ะ..หัวเราะได้แล้ว..ก็นี่ไงนักข่าวใครๆก็กลัวนักข่าวกันทั้งนั้นแหละ ลองดิจะแฉให้หมดเลยพวกนี้น่ะเน่าในทั้งหมดแหละผัวซุกเมียน้อยเมียติดบาร์โฮสลินรู้หมดแหละค่ะแต่ลินไม่ได้ทำข่าวสังคมลินทำข่าวอาชญากรรมถือว่ายัยมนุษย์ป้านี่รอดตัวไป" "อ้าว..คุณลินเป็นนักข่าวเหรอคะ?" "ใช่ค่ะ" "คุณลินน่าจะได้ขาวจากงานนี้นะคะ.." "ลินไม่ได้ทำข่าวสังคมค่ะ..ถ้ามีคนตายในงานนี้แหละค่ะลินอาจจะได้ข่าวแต่คงไม่มีหรอก" ขณะที่ลลิลพูดทีเล่นทีจริงอยู่นั้นเธอก็สังเกตุเห็นสายตาแบบนั้นอีกแล้วสายตาที่แข็งกร้าวแต่คราวนีมันดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เห็น แล้วอยู่ๆ ไฟก็ดับพรึบทุกคนในงานโกลาหลไปหมดชนกนันท์ร้องกรี้ดตกใจลลิลคว้ามือเธอไว้ ชานนท์ไม่รู้หายไปทางไหนไฟดับเนิ่นนานพอสมควร ไฟฉุกเฉินไม่ทำงานชนกนันท์กอดลลิลแน่น "ไม่ต้องกลัวค่ะลินอยู่นี่แล้ว" ลลิลคิดว่าการที่ชนกนันท์ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวในที่แคบและมืดทำให้เธอกลัวความมืดแล้วไฟก็ติด "กรี๊ดดดดเ...กรี๊ดดด...กรี๊ดดด!?"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม