3 - ความสงสัยเริ่มก่อตัว
วันต่อมา
พิชชานอนอยู่ในห้องนอน ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว ผมนอนหลับไปตอนไหนและตื่นมาอย่างรู้สึกตัวแต่จำอะไรในคืนนั้นไม่ได้เลย ผมกำลังเป็นอะไร ทำไมฝันร้ายและอีกหลายเรื่องราวหลอกหลอนผมไม่หยุดหย่อนสักที ผมมึนหัวพยายามจูนสติกลับมาให้ได้มากที่สุด ใจจริงตอนนี้ผมอยากกลับเป็นปกติให้มากที่สุด อยากใช้ชีวิตเหมือนทุกคนไม่ต้องแบ่งปัญหามากจนแสดงออกมาชัดเจน
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
ผมแปลกใจว่าวันนี้ว่านมาอารมณ์ไหน เดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารเช้าถึงที่นอนทำเหมือนเบรคฟาสต์อินเบรดตามโรงแรมไปได้ ที่นี่มันบ้านของเขาแล้วทำไมเอาใจผมทุกอย่างจนแสดงความรักความห่วงใยทุกวินาที จนผมรู้สึกว่ามันเกินคำว่ารัก เขาอยากเอาใจเพราะเห็นว่าเป็นคนรักถือเป็นเรื่องปกติแต่ว่าพักหลังว่านใจดีกับผมแปลกเกินไปไหม
“อาการดีขึ้นไหม”
“เดี๋ยวนะ อาการเราจะหายดีเป็นปลิดทิ้งข้ามวันเลยเหรอ เรายังมึนหัวและนอนฝันร้ายเหมือนเดิม”
“ทุกอย่างต้องใช้เวลาไง พอรักษาเสร็จก็ถึงเวลาชดใช้...” ผมไม่พูดจบประโยคเพราะรู้ดีว่าถ้าพิชชาหายดีแล้ว ต่อไปเขาก็จะได้เจอกับฝันร้ายต่อเนื่องที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวเพราะคนแบบนี้ถือซะว่าหนีกรรมไม่พ้น ผมคบกับเขาเพราะเขามีอะไรตรงใจกัน เพราะความรักที่ดีแต่มันก็แค่เปลือกภายนอก
“ผมไม่ได้ทำให้คุณกลัวสักหน่อย”
“มันใช่เวลาเล่นตลกไหมเนี่ย”
“งอนแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ แต่เอาเถอะผมว่าวันนี้เป็นวันที่คุณมีความสุขมากเลยล่ะ” เวลาพิชชางอนผมชอบจูบปากและกอดเพื่อให้เขาอุ่นใจ ตอนนี้เขาเกิดอาการนอนไม่หลับ ฝันร้าย ยิ่งกว่าอาการของคนทางจิตเวช ผมจะยอมรับได้เหรอว่าผมมีแฟนเป็นคนไม่ปกติ ผมรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่อยากพูดให้ใครเสียความรู้สึก
“ดูนี่สินี่วันอะไร”
“วัน... ที่เราคบกันไง”
“ถือว่ายังความจำดี ไม่ได้ฝันร้ายจนอัลไซเมอร์” ผมยังเห็นว่าพิชชาจำวันครอบรอบวันที่เราคบกันได้เป็นอย่างดี วันสำคัญของเราสองคนถ้าให้ความสำคัญและจำมันได้ ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ถ้าวันสำคัญเกิดขึ้นวันเดียวแต่สร้างความสุขให้มากมาย ผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรไปมากกว่านี้แล้ว
“งั้นวันนี้ผมเลือกร้านให้คุณนะ”
“ไม่ใช่ร้านเดิมเหรอ”
“อ๋อ ร้านเดิมนั่นแหละแต่ไม่รู้พิชชาอาจจะเบื่อก็ได้”
“ไม่เลย นั่งร้านโปรดเรานะ เราอยากกินสเต็กมากเลยมันเป็นของที่เราชอบมาก” ผมเป็นคนชอบกินเนื้อและสปาเกตตี้มาก ไม่แปลกที่ผมจะชอบอาหารจากร้านนั้นเสมอ สั่งบ่อยจนพนักงานจำหน้าผมและว่านได้แล้ว การที่ผมและเขาให้ความสำคัญร่วมกัน จดจำมันได้ถือเป็นเรื่องที่ดี เขาย้ำเตือนผมขนาดยกปฏิทินตั้งโต๊ะมาให้ ถือว่าอยากให้ผมรู้จริง
“งั้นรอก่อนนะ เดี๋ยวเราเซอร์ไพร์สให้ดีที่สุดเลย” ผมตั้งใจเซอร์ไพร์สพิชชาถือว่าเป็นเรื่องดีที่ผมอยากมอบให้เขาในวันครบรอบวันที่เราสองคนคบกัน หนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน วันพิเศษมีวันเดียวก็จริงแต่ผมเติมความรักให้เขาไม่เคยขาด ให้ความสำคัญเสมอถือว่าเขามีความสุขเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่ส่งผลไปทุกปี ถ้าความสุขเกิดขึ้นในวันสำคัญ มันจะวนมาให้เราคิดถึงทุกปี กลับกันถ้าวันแห่งความสุขกลับมีความทุกข์ มันจะวนมาตอกย้ำทุกปี เพราะฉะนั้นผมจะทำอะไรเป็นการเซอร์ไพร์สต้องระวังสักหน่อย
“เราเชื่อใจนะว่านว่านายจะรักเรามากที่สุด”
“เราจะทำให้นายรักและเข้าใจ ลืมไม่ลงเลยล่ะ” ความรักของผมจะทำให้พิชชาจดจำไปถึงวันที่จากโลกนี้ไป มันเป็นความรักที่สวยงาม นิสัยของผมถึงจะแบดบอยหน้าตาเหมือนคนตีรันฟันแทงคนอื่น แต่เวลาผมมอบความรักให้ใคร ผมมอบให้ทั้งใจไม่มีกั๊กไว้ ผมเห็นว่าพิชชาต้องการเวลาพักผ่อนอีกหน่อย ผมปล่อยเวลาให้เขา นอนหลับต่อ ส่วนผมจะออกไปคุยโทรศัพท์กับใครบางคนให้เขาช่วยจัดการแผนเซอร์ไพร์สสักหน่อย
ตรี๊ดด...
“สบายดีนะว่าน”
ผมคุยกับผู้ชายคนหนึ่งผ่านสาย น้ำเสียงและความอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมอุ่นใจเมื่อได้คุยกับเขาอีกครั้งหนึ่ง เสียงอุ่น ๆ ของเขาทำผมใจละลาย ต่อให้เขาเป็นเพื่อน ฟังเสียงแล้วหลงรักอยากได้เป็นแฟนเลยก็มี ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ผมโทรหาเขาเพราะอยากให้เขาช่วยจัดการแผนการการเซอร์ไพร์สวันครบรอบของผมกับพิชชาเท่านั้น
“นายล่ะ สบายดีนะ”
“แน่นอน เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“กูกับมึงไม่เป็นไรหรอกแต่คนที่สมควรเป็น...” ผมหันไปข้างหลังเพื่อบอกกับตัวเองว่าเรื่องนี้ผมกับเขามีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการบางอย่าง ผมอยากให้การเซอร์ไพร์สเป็นไปด้วยดี แต่ซ่อนความลับไว้อย่างไม่รู้ตัว ผมขอให้ผู้ชายปลายสายช่วยจัดการตามที่ผมต้องการ จัดเตรียมสถานที่และทำทุกอย่างให้ราบรื่นแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องมานั่งเสนอหน้าเคลมแฟนผมอีกคนหรอก
“ขอลูกโป่งสีชมพูประดับโต๊ะและเก้าอี้ เอาสายไฟสายห้อยประดับซุ้มยกสูง กูอยากได้ริบบิ้นสีชมพู...” ผมอยากได้บรรยากาศเหมือนงานเฉลิมฉลองปีใหม่เพราะผมรู้จักพิชชาใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ ใกล้คริสต์มาสเข้าไปอีก ผมอยากให้บรรยากาศเหมือนการเริ่มใหม่ เฉลิมฉลองกับคนรักเข้าปีใหม่ สร้างบรรยากาศตามนื้ถือว่าได้ที่แล้ว
“ได้เลยว่าน กูจัดให้แฟนมึงมีความสุขตลอดไปแน่นอน”
ช่วงเย็น
“อื้ออ ปิดตาเราทำไมเนี่ย”
ผมโดนว่านปิดตาก่อนเดินเข้าร้านมา ผมตกใจเพราะเวลาใครปิดตาทำให้ผมเห็นแต่ความมืด ผมจะคิดไปเองจนนึกว่ามีสิ่งเลวร้ายปรากฏตัวตรงหน้า ดีหน่อยที่เสียงของว่านพูดอยู่ตลอดเวลาทำให้ผมปลอดภัย ไม่ต้องหวาดกลัวกับความเงียบสงัด เพราะความเงียบที่ไม่มีเสียงใดแม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจคือความน่ากลัวที่สุด
“เซอร์ไพร์สครับ จู้บบ”
ผมลืมตาขึ้นมาพบว่าโต๊ะอาหารดูหรูหรา แก้วจานใสยิบจนเห็นได้ชัดถึงความใส่ใจ ผมนั่งลงก่อนที่พนักงานในร้านจะจุดพลุกระดาษใส่ให้ผมตื่นเต้น ทุกอย่างถูกจัดเตรียมมาอย่างดีเพื่อผม นาทีนั้นผมยิ้มแก้มปริเขินอายหน้าแดงเพราะไม่คิดว่าว่านจะมอบความรักและเล่นใหญ่ให้ผมขนาดนี้เลยเหรอ
“รักผมตลอดไปนะครับพิชชา”
ว่านส่งช่อดอกไม้ที่ไม่มีดอกไม้ข้างในมีแต่ธนบัตรสีเทาราคาสูงส่งจำนวนหลายใบให้ผม ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะเซอร์ไพร์สขนาดนี้ส่งช่อดอกไม้เป็นเงินหนึ่งพันให้ผม นอกจากนี้ยังมีกุญแจรถยนต์และแหวนเงินพร้อมสวมนิ้วให้ผม ตั้งแต่ผมรู้จักกับว่านมา เขาทำงานอะไรทำไมมีเงินเยอะขนาดนี้ ถึงมอบความสุขให้ผมไม่มีวันหมด
“เราชอบมากเลย”
ผมเอามือหยิบสายริบบิ้นและของใกล้ตัวที่ห้อยระโยงระยางบริเวณที่ผมนั่ง ผมชอบจับมันมาสัมผัสเล่นเสมอ สายริบบิ้นผมชอบเอาไปม้วนเล่นและเป่ามันเสมอ การกระทำของผมถือว่าเป็นคนชอบหาอะไรฆ่าเวลาเล่นและดูไม่ค่อยเต็มสักเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าผมจะทำอะไรว่านมักจะชอบเสมอ ผมก็เลยทำอย่างไม่เก้อเขิน
“เราเห็นว่านายชอบจับชอบม้วนสายริบบิ้น ชอบมันเหรอ”
“เราชอบสีชมพูอะ”
ผมชอบสีชมพู ว่านน่าจะรู้ตัวตนผมเป็นอย่างดีว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่เอาเถอะผมชอบอาหารมื้อนี้มากเลยเพราะผมชอบทานสเต็กมากเลย ไหนจะสปาเกตตี้และมันบดอบชีส นี่มันอาหารขวัญใจคนผอมที่พร้อมขุนให้อ้วนมากกว่าเดิม
“รู้ไหมพิชชา ถ้าวัวที่ขุนให้อ้วนด้วยเบียร์ เนื้อจะนุ่มมากเลยล่ะ”
“ของดีมากเลยนะว่าน จานเนื้อนี้นุ่มมากเลย” สเต็กถ้าวัวที่ถูกเลี้ยงและขุนด้วยเบียร์เนื้อจะนุ่มมากเลยล่ะ ผมถึงชอบทานเนื้อมาตั้งแต่จำความได้ ผมว่าว่านจัดอาหารวันนี้ถูกใจผมมาก จนไม่อยากเปลี่ยนร้านแล้ว มันต้องแบบนี้สิคนที่เข้าใจว่าผมต้องการอะไร ชอบหรือไม่ชอบไม่งั้นถึงคบกันมาถึงทุกวันนี้ไม่ได้หรอก
“เสิร์ฟอาหารเพิ่มครับ”
“อันนี้ผมไม่ได้สั่งนะครับ”
“เราสั่งให้พิชชาเอง เห็นว่าเบียร์ทำให้เนื้อนุ่ม เราอยากให้พิชชาเนื้อนุ่มบ้าง”
“เราไม่ใช่สเต็กนะ”
ผมว่าว่านเป็นคนตลกเหมือนกันนะ เนื้อมนุษย์ไม่ใช่เนื้อสัตว์ไม่เห็นต้องสั่งเบียร์มาให้ผมดื่มสักหน่อย ในชีวิตผมไม่เคยดื่มของแบบนี้ แล้วมาขุนให้ผมเนื้อนุ่มทำไมล่ะเนี่ย ผมหั่นเนื้อไปป้อนเข้าปากให้เขาด้วยเพื่อแสดงความเอาใจ แต่ว่าสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมมองนอกเหนือจากว่านคือพนักงานเสิร์ฟผู้ชายคนนั้น ทำไมหน้าตาคล้ายคนที่ผมรู้จักและเคยเห็นเลยล่ะ มันน่าแปลกแต่ตอนนี้ผมอยู่กับว่าน ไม่อยากพูดถึงคนอื่นให้เขาเสียอารมณ์
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก พอดีพนักงานเสิร์ฟหน้าคุ้น ๆ แต่คงคล้ายคนรู้จัก”
“คนเราหน้าคล้ายกันตั้งหลายคนบนโลก หน้าตาคนไม่ใช่ของที่ต้องจดสิขสิทธิ์นะ ไม่ต้องคิดมากหรอก ทานกันต่อดีกว่า” ผมไม่อยากให้พิชชาระแวงอะไรมาก อีกอย่างผมคือคนของพิชชา ครองหัวใจขนาดนี้ อย่าให้คนอื่นมาทำให้เสียบรรยากาศดีกว่า เพราะเวลาของเราสองคนคนมีเท่ากันสองคนเท่านั้น ไม่งั้นจะเรียกว่าเวลาส่วนตัวทำไม
‘มึงนี่โง่เสมอต้นเสมอปลายมากเลยนะ’
ในคืนนั้น
ว่านจุดเทียนหอมพร้อมครอบแก้วให้กลิ่นหอมของเทียนโชยออกมา กลิ่นเหล่านี้เวลานอนหลับจะผ่อนคลายหลับสนิท กว่าจะรู้ตัวอีกทีถึงเช้าตามเวลานอนมาตรฐานของมนุษย์ ผมวางไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงส่งพิชชาเข้านอน ปกติวัยขนาดนี้แล้วเข้านอนเองก็ได้ แต่ถ้าเป็นพิชชาเขาต้องการกำลังใจก่อนนอน ตุ๊กตาหลายตัวน่ารัก ๆ เป็นบอดี้การ์ดให้แล้ว ยังต้องการกำลังเสริมจากผมอีกเหรอ บอดี้การ์ดทางใจไม่พอให้ปลอดภัยหรือไง
“เทียนหอมจะทำให้ผ่อนคลายนะครับ”
“คืนนี้ด้วยกันได้ไหม”
“ไม่ดีกว่า ไม่อยากให้นายรบกวนเวลาเรานอน แต่ถ้ามีอารมณ์เรามาทำให้ได้นะ” ผมไม่อยากรบกวนเวลานอนของพิชชาเพราะเวลาฝันร้ายทีไร ล้มถีบของจนครั้งก่อนโคมไฟผมแตกไป แต่ผมก็ไม่ใช่คนห่วงของมากกว่าชีวิตคน ผมไม่ได้เหินห่างกับเขาด้วย แค่ไม่อยากรบกวนเวลาพิชชาหลับเท่านั้น ผมจุดเทียนหอมเสร็จขอตัวกลับไปห้องนอนของตนเอง เวลานอนคือเวลาผ่อนคลายโดยไม่มีใครมารบกวนจะดีที่สุด ก่อนออกไปผมมองพิชชาด้วยความเอ็นดู และทิ้งท้ายในใจบางอย่างหวังว่าสักวันเขาจะได้ยิน
‘หลับลึก ๆ จนไม่ตื่นขึ้นมาอีกล่ะพิชชา จะได้หลุดพ้นจากกรรมที่มึงทำไว้กับคนของกูแล้วกัน’