EP6 - ย้อนอดีตสุดฉ่ำ

1799 คำ
6 - ย้อนอดีตสุดฉ่ำ “นี่คุณมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า หรือเป็นมิจฉาชีพมาหลอกผม” ว่านบอกให้พิชชาใจเย็น ๆ ผมกอดให้เขาสบายใจขึ้น ผมบอกอย่างแน่ใจและจบตรงนี้เลยว่าไม่มีใครหลอกแฟนผมตอนนี้ ทุกคนและคนตรงหน้ากำลังช่วยอย่างสุดความสามารถ ไม่ได้มีเจตนาเข้ามาหลอกลวงเพื่อตบทรัพย์สินไปอย่างไม่ใยดี ผมเข้าใจว่าตอนนี้พิชชาระแวงจนไม่คิดอย่างถี่ถ้วน เขาอยากหายจากอาการฝันร้ายบ้าบอแล้ว แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาไม่ใช่หายเป็นปลิดทิ้งภายในห้าวินาที ไม่งั้นจะมีวิชาแพทย์ส่งต่อทุกรุ่นบนโลกมาเพื่ออะไร ผมเห็นว่าดิวเลอร์แนะนำอย่างสุดความสามารถ ความน่าเชื่อก็มีเพราะสนิทกับหมอวรพงศ์ เป็นลูกชายญาติเจ้าของโรงพยาบาล แค่นี้ก็น่าเชื่อถือไม่ใช่มิจฉาชีพแล้วไหม “ใจเย็น ๆ นะครับคุณพิชชา” ดิวเลอร์เกลี่ยกล่อมให้เขาใจเย็น ๆ โดยมีว่านช่วยอีกแรง ผมไม่ได้เป็นมิจฉาชีพมาหลอกพิชชาให้ลงคอร์สรักษาแล้วไม่ได้ผลสักหน่อย ผมเป็นญาติกับเจ้าของโรงพยาบาลผมก็ต้องดูแลให้เหมือนดุจจญาติมิตรมันผิดตรงไหน ผมว่าสิ่งที่กำลังหลอกหลอนอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายแล้วมันมีสาเหตุอื่นใดมาลบล้างได้ล่ะ “ผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ คุณกำลังอยู่กับผู้ชายผิดคน” “คุณหมายถึงว่านหรือผู้ชายฆาตกรในฝันผม” ผมไม่รู้ว่าวันครบรอบที่ผมมีให้ว่านกลับกลายเป็นว่าผมมีวันครบรอบใช้กับผ้ายหลายคน มันเป็นไปได้ยังไง วันครบรอบที่ไหนจะใช้กับผู้ชายหลายคน ถ้าเป็นเช่นนั้นผมเคยใช้กับใครล่ะ ผู้ชายคนนั้นถึงตามมาหลอกหลอนผมไม่หยุด “ผมว่าคำถามนี้คุณตอบได้แค่คนเดียว” ผมนิ่งไปพักหนึ่ง นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับผม ผมหาคำตอบกับตัวเองไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ ผมกำลังโดนผู้ชายคนไหนตามหลอกหลอนแล้วมีอาการกำเริบหนักที่สุด ถ้าเป็นในความฝันผมหนีมาโลกความจริงเป็นการหลุดพ้น แต่ถ้าหนีเสือปะจระเข้ด้วย แสดงว่าความกลัวอยู่รอบตัวผมตลอดเวลา หนีไม่พ้น มันเป็นใคร ถ้าผมรู้ ผมจะไม่ขอพบเจอมันทุกชาติไป “ผมเนี่ยนะเคยมีแฟนมาก่อน ก็ว่านนี่ไง” “คนแรกของคุณอาจไม่ใช่ว่านก็ได้ครับ” “ผมชักจะงงไปหมดแล้วสิ” “คุณไม่ต้องงหรอก เพราะคุณอาจจะโง่มานานแล้วก็ได้” ว่านพูดแบบนี้กับผมมันหมายความว่ายังไง ผมเนี่ยนะเป็นคนโง่ตอนไหน ตั้งแต่รักกับผู้ชายมา ผมไม่เคยทำอะไรขัดใจจนมีปัญหาแบบไม่น่าให้อภัยสักหน่อย ผมไม่รู้ว่าว่านไม่พอใจอะไรผมมาพูดเหมือนผมไม่ใช่แฟนเขา มันหมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจมันเลย “งั้นเดี๋ยวคุณพิชชาไปกับผมนะครับ” “จะให้ผมไปไหน” “คุณไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะพาคุณไปค้นหาความจริงเอง เผื่อว่าคุณจะคลายข้อสงสัยในใจออกไปได้” ดิวเลอร์แนะนำให้พิชชาไปกับผม ผมจะพาเขาไปค้นหาความจริงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขาคือใครกันแน่ ผมสืบทุกอย่างให้ถือว่าเป็นการช่วยเหลือแล้ว “คุณไปกับดิวเลอร์คุณไม่ต้องกลัวนะ...” ผมจะเชื่อใจได้ยังไงว่าเขาเป็นผู้ชายน่าไว้ใจ ผมไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อยแล้วจะพาผมไปสืบความจริงมันน่าไว้ใจมากพอเหรอ ผมตัดสินใจอย่างฉับพลัน ผมขอไปกับเขาแล้วกัน หากเกิดอะไรขึ้นมาผมจะหาทางติดต่อว่านให้เขามาช่วยผมให้เร็วที่สุด หากสถานการณ์ตรงหน้า ผมไม่สามารถจัดการมันคนเดียวได้ เวลาต่อมา ผมนั่งรถไปกับดิวเลอร์ ผู้ชายแปลกหน้าที่ยื่นมือมาช่วยไขปริศนาให้ผมอีกแรง ผมนั่งรถไปตามทางพบว่าถนนเส้นนี้ผมเห็นจุดเด่นอย่างร้านสะดวกซื้อและบ้านหลังหนึ่งหลังคาสีชมพู ทำไมถนนเส้นนี้มันคุ้นตาผมมาก เหมือนเคยผ่านมาก่อน ผมไม่กล้าถามได้แต่นั่งคิดต่อไป รวบรวมสิ่งที่เห็นว่าแต่ละอย่างที่ตาเห็นมันมีอะไรบ้าง ถนนที่มีบ้านหลังคาสีชมพู ร้านสะดวกซื้อที่ผมเคยเข้ามันประจำ และสนามเด็กเล่นก่อนเลี้ยวเข้าซอย ทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ดิวเลอร์พาผมมาบ้านของใครกันแน่ เมื่อถึงที่หมาย บ้านสองชั้นดูใหม่ ทางเดินเข้าบ้านเป็นสวนและต้นไม้ขนาดเล็ก นี่มันคุ้นตั้งแต่เข้าถนนเส้นนี้มาถึงบ้านตรงหน้า “เป็นอะไรเหรอ” “มันคุ้นมากเลย” “งั้นเราเข้าไปในบ้านกันเถอะ” ผมพาพิชชาเข้าไปในบ้านหลังนี้ ที่นี่เป็นบ้านที่ไม่มีใครเข้ามาเช่าต่อ ของในบ้านยังอยู่ไม่ย้ายไปไหนเพราะเจ้าของเดิมยังไม่ย้ายออก เช่าทิ้งไว้แล้วไม่มาอยู่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขามีเหตุผลอะไรถึงปล่อยไว้แบบนั้น วันนี้ผมพาพิชชามาถึงที่แล้ว ขอถือวิสาสะบุกเข้าไปค้นหาความจริงเลยแล้วกัน “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครซ่อนตัวในบ้านหรอก” “งั้นเหรอ” ผมเห็นบ้านตรงหน้าแล้ว ความตั้งใจมาไขปริศนาลดลงทันทีเพราะสภาพบ้านก็ไม่ได้น่ากลัวแต่การคิดไปเองของผมทำงานหนักกว่าเดิม ผมสัมผัสความมืดครึ้มราวกับท้องฟ้าพร้อมพัดพาพายุเข้าบ้าน ปัญหาและความน่ากลัวกำลังแสดงออกให้ผมเดินหนีออกไป ผมไม่กล้าเดินเข้าไปแต่ดิวเลอร์จับแขนผมไว้ ทำควงแขนให้เข้าไปด้วยกัน “เข้าไปด้วยกันเถอะครับ” ผมควงแขนพิชชาและปลอบให้เขาสบายใจได้ว่าในบ้านหลังนี้ไม่มีความน่ากลัวแสดงออกมาแน่นอน สิ่งที่เห็นเป็นเพียงจินตนาการปรุงแต่งคิดขึ้นมาเอง ว่าแต่เขาไม่เอะใจเลยเหรอว่าการกระทำที่ผมแสดงออกมามันเหมือนใครบางคนที่เคยใช้มันร่วมกัน ผ่านช่วงเวลาความรักมานานแสนนาน น่าจะเอะใจได้แล้วนะ แต่ลืมไปที่เขากำลังเบลอมันเป็นเพราะฤทธิ์ยา “ว่าแต่นี่บ้านใครล่ะ” ตั้งแต่ผมเดินทางมากับเขา ดิวเลอร์ไม่ยอมบอกผมสักที ว่าเขาพาผมมาบ้านใคร หรือเจ้าของบ้านหลังนี้จะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ผมมั่นใจว่าผมไม่เคยไปทำร้ายใครก่อน จนเขาตามมาเอาชีวิต มันอาจจะส่งใครมาฆ่าผมแทนเป็นการยืมมือคนอื่นฆ่าก็ได้ ผมต้องระวังตัวให้มาก ไม่งั้นชีวิตผมจบลงอย่างหาไม่ “ที่นี่คุ้นตาคุณไหม” ผมเหมือนผู้ขายบ้านพาพิชชาเดินไปตามห้องต่าง ๆ แล้วบอกว่าห้องนี้ทำเลเป็นแบบไหน ทั้งที่จริงผมพาเขามาสืบความจริงต่างหาก ผมพาเขาเดินดูทุกมุมห้อง ให้เห็นสิ่งของตั้งอยู่ไม่มีการเคลื่อนย้ายไปไหน ผมหวังดีแค่ไหนพามาสืบหาความจริงไม่ต้องเสียเงินจ้างนักสืบหรือไหว้วานให้ใครมาช่วยอีกแรง ทุกอย่างผมพร้อมช่วยพิชชาเสมอ ผู้ป่วยที่ต้องรักษาอาการทางจิตใจ ความลับบางอย่างถูกซ่อนไว้ถึงต้องมาตามหาถึงที่ ไม่งั้นความสงสัยไม่คลี่คลายอยู่ดี “ไม่รู้สิ อาจจะคุ้นก็ได้” ผมมองชั้นวางของที่มีกรอบรูปหนึ่งตั้งอยู่ มันมีด้วยเหรอที่รูปถ่ายครึ่งตัวเห็นแต่ขา ตั้งวางให้คนที่มาเป็นแขกเห็น เจ้าของบ้านหลังไหนเขาทำกันแบบนี้บ้าง มันแปลกตาผมเกินไป ผมขอตัวสักพักหนึ่งลองเดินตามหาข้อสงสัยภายในบ้านเองก่อน เผื่อว่าดิวเลอร์จะตกหล่นความคิดที่ผมกับเขามองไม่ตรงกันก็ได้ “งั้นเราลองเดินหาเองดูก่อนนะ” “ได้สิ ยังไงนายก็หนีออกไปจากตรงนี้ไม่พ้นสายตาอยู่ดี” ผมแปลกใจว่าดิวเลอร์พูดอะไรให้ผมสงสัยมากกว่าเดิม ผมจะหนีไม่พ้นสายตาเขางั้นเหรอ ผมไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว เพราะระแวกนี้ผมคุ้นเคยแต่ใช่ว่าจะจำได้หมด ผมไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่พอเขาพาผมกลับมาอีกครั้ง ต่อมความทรงจำที่มีเศษเสี้ยวบางอย่างสะกิดขึ้นมาอย่างไม่ใยดี ผมว่าผมเริ่มไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้แล้วสิ ท่าทางและน้ำเสียงไม่ปกติกว่าเดิม หลังจากนั้น ผมแอบมาหลบอยู่ในห้องทำงานตั้งอยู่ชั้นสอง ภายในห้องมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่หน้าชั้นวางหนังสือ ดูจากห้องแล้วเจ้าของอาจจะเป็นคุณพ่อของเขาก็ได้ ของตกแต่งดูขัดกับวัยรุ่นมาก แสดงว่าต้องเป็นผู้ปกครองของชายปริศนาแน่นอน ดิวเลอร์บอกผมแล้วว่าเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นลูกชาย ถ้าอย่างนั้นผมสามารถค้นหาคำใบ้ต่อไปได้แล้ว ผมไปเห็นกรอบรูปที่ซ่อนอยู่ใต้ลิ้นชัก ผมหยิบขึ้นมาดู คุณพ่อวัยกลางคนมีหนวดดำ สวมแว่นตา รูปร่างผอมใส่ชุดสีเทาอ่อนตั้งแต่เสื้อเชิ้ตไปถึงกางเกงขายาว ทำไมผมเหมือนเคยเจอเขามาก่อน เพื่อความแน่ใจผมเดินไปมาในห้องนี้ มองผนังรอบห้องเผื่อว่าจะมีช่องทางลับ ผมจำได้ว่าในความฝันผมเห็นห้องนอนที่มีหน้าต่างภายนอกส่องไปบ้านอีกหลัง สีคุ้นตาดี ผมหลับตาเอามือสัมผัสราวกับมีพลังจิตสามารถเห็นอดีตของสิ่งนั้นได้ ผมฝันร้ายและโดนผู้ไม่หวังดีหลอกหลอน ผมก็ต้องสัมผัสโดยใช้มือและจิตวิญญาณต่อไป “ตรงหน้า...” ผมมองผนังตรงหน้าข้างชั้นวางหนังสือ ผมลองเอามือเลื่อนช้า ๆ มันกลับกลายเป็นว่าหลังผนังเลื่อนได้ราวกับช่องประตู มีห้องลับซ่อนอยู่ ผมชะโงกหน้าพาตัวเข้าไปช้า ๆ เดินดูภายในห้อง ผมมองภาพรวมเพียงเสี้ยววินาที นาทีนั้นผมสามารถตอบตัวเองได้แล้วว่าสถานที่นี้ เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นใครถึงไม่เห็นหน้าตาชัดเจน แต่รูปร่างผมจำขึ้นใจ “นี่มัน...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม