“ก็ได้ ฉันตกลง แต่คุณแน่ใจใช่ไหม เขาจะไม่ตาย”
“ไม่แน่นอน ฉันแค่อยากเห็นมันทรมาน ไม่ได้อยากให้มันตาย”
“ฉันเตือนคุณเอาไว้ ถ้าฉันลงมือแล้วแม่ฉันไม่ได้รับการผ่าตัด ฉันแฉคุณแน่”
“หึ แล้วเธอรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ทางที่ดีทำหน้าที่ของตัวเองก็พอ”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด สายถูกตัดไปพร้อมกับเสียงหัวเราะราวกับคนมีอาการทางจิตของคนที่ต้องการทำร้ายครองภพ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย
เบญญาพรทิ้งตัวลงบนโซฟาพลางใช้ความคิด พระเอกหน้าหยกคนนั้นไปทำอะไรใครเอาไว้ถึงได้ถูกปองร้าย แล้วทำไมคนผู้นี้ถึงได้มาว่าจ้างเธอ คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ประเด็นสำคัญเธอหลวมตัวรับงานแล้วด้วย
“แม่ หนูรู้ว่ามันผิด แต่หนูไม่มีทางเลือกแล้ว แม่อย่าทิ้งหนู”
เพราะมีแม่แค่คนเดียวเบญญาพรจึงยอมรับงานเสี่ยงอันตรายเสี่ยงติดคุกติดตาราง ถ้าคุณพระเอกหน้าหยกไปแจ้งความเธอไม่รอดแน่ ถึงจะเป็นเพียงการวางยาถ่ายก็เถอะ แต่มันก็หมายความว่าเธอต้องการทำร้ายเขา
วันต่อมากองละครที่ครองภพกำลังถ่ายทำ ยกกันไปถ่ายถึงพัทยาทำให้ทีมงานต้องค้างคืนที่โรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของ GS Group ภายใต้การสนับสนุนของคุณพระเอกหนุ่ม
ฉากนี้ต้องถ่ายทำตรงชายหาดหน้าโรงแรม ครองภพจึงสั่งทางโรงแรมให้จัดหาเต็นท์มากาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทีมงานและแยกของตนเองออกไป กลายเป็นว่าพระเอกหนุ่มมีเต็นท์ส่วนตัวซึ่งมีแค่ผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้นที่เข้าออกได้
เบญญาพรคือหนึ่งในทีมงานซึ่งทำงานอยู่ในตำแหน่งประสานงาน หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นเธอได้แอบเข้าไปในเต็นท์ส่วนตัวของพระเอกดัง
ตอนนี้ทุกคนมัวแต่ยุ่งกับการจัดฉาก พระนางก็ต้องแต่งหน้าทำผมแต่งตัว เธอจึงมั่นใจว่าครองภพไม่กลับมาตอนนี้อย่างแน่นอน
หญิงสาวกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำของชายหนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะ กลับต้องสะดุ้งโหยงกับเสียงที่มาจากข้างหลังซึ่งเป็นเสียงของครองภพ
“คุณเป็นใคร เข้ามาในเต็นท์ของผมได้ยังไง”
ชายหนุ่มนึกได้ว่าลืมบทจึงกลับเข้ามาเอาไม่คิดว่าจะเจอผู้หญิงยืนอยู่ในเต็นท์ของตนเอง
คิ้วทั้งสองข้างเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด เพราะไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง บอกแล้วไงว่าคนไม่ได้รับอนุญาตห้ามเข้าก็ยังมีคนเข้ามา
“เอ่อ ฝันค่ะ เหมือนฝัน เป็นทีมงานของกอง”
หญิงสาวค่อยๆ หันมองพร้อมกับปลอบตัวเองอย่าเผยพิรุธเด็ดขาด ใช้ความเป็นทีมงานเข้าสู้ เธอต้องโกหกตาใสให้รอด
“ทีมงาน? แล้วเข้ามาทำไม คุณไม่รู้เหรอ เต็นท์นี้ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา”
เขาหรี่ตาจับผิดก่อนจะเอามือขึ้นมากอดอก แล้วใช้สายตามองตั้งแต่หัวจดเท้า ยัยป้าแว่นตรงหน้าเข้ามาในนี้ทำไม
“มะ...ไม่รู้ค่ะ ฝัน เอ่อ ฝันอยากมาขอถ่ายรูปค่ะ” เบญญาพรใช้เหตุผลที่คิดว่าเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อเอาตัวรอด
ถึงหน้าจะซีดเหมือนไก่ต้มแต่ใจยังมีหวัง ไปให้สุดแล้วหยุดที่ขอให้ชายหนุ่มไม่สงสัยไปมากกว่านี้
“...” ครองภพจ้องมองคนตรงหน้าพลางใช้ความคิด เธออาจจะพูดความจริงก็ได้ เพราะเขาเป็นดาราย่อมต้องมีคนอยากขอถ่ายรูปด้วย ในฐานะทีมงานจะขอต่อหน้าคนอื่นคงเกรงใจจึงเดินเข้ามาในเต็นท์แทน
“แล้วก็ขอลายเซ็นด้วยค่ะ ฝันคิดว่าคุณครองภพน่าจะว่าง”
ปากพูดแต่ในใจกำลังท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆ ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ขอให้ครองภพเชื่อในสิ่งที่ตนเองพูดออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็นเธอไม่มีทางทำร้ายใครหรอก
“คุณแน่ใจนะว่าแค่มาขอถ่ายรูปกับขอลายเซ็น” เขาถามอีกครั้งหลังจากประมวลความคิด
ยัยป้าแว่นคงอยากมาขอถ่ายรูปด้วยนั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก แต่งตัวเฉิ่มเชยหน้าตาเหมือนคนซื่อบื้อแบบนี้ คงเป็นพวกคลั่งดารานักร้อง อยากถ่ายรูปไปอวดเพื่อนมากกว่า
“ค่ะ แน่ใจ คุณครองภพไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ”
ยัยป้าแว่นที่ได้รับฉายาโดยไม่รู้ตัวรีบโบกไม้โบกมือ ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าพระเอกหน้าหยก เธอคิดว่าเขาเชื่อแล้วจึงก้าวเท้าจะหนีไปทางประตู ทว่าถูกชายหนุ่มคว้าต้นแขนเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย เอาโทรศัพท์ออกมาสิ”
คุณพระเอกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยแขนหญิงสาว คนอุตส่าห์มาขอถ่ายรูปทั้งทีก็ต้องสนองความต้องการกันหน่อย อีกไม่นานเขาก็อำลาวงการบันเทิงแล้ว
“แต่ฝัน เอ่อ ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ฝันไม่อยากรบกวน”
เธอไม่ได้ต้องการถ่ายรูปกับเขาสักนิด ตอนนี้อยากออกไปจากเต็นท์ เบญญาพรยิ้มแหยมือไม้เริ่มเย็นเมื่อเห็นแววตาเขาคล้ายกับมีความสงสัย
“ไม่รบกวนหรอก หรือจริงๆ แล้วคุณมีจุดประสงค์อื่น”
นั่นไงว่าแล้วเชียว ครองภพยิ้มอีกครั้ง รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นยัยป้าแว่นหน้าซีดปากสั่นเหมือนคนทำความผิดแล้วถูกจับได้
ถามว่าเขาเชื่อจริงเหรอเรื่องขอถ่ายรูป บอกเลยว่าเชื่อแต่ไม่ได้เต็มร้อย ความรู้สึกมันบอกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังพูดโกหก
เธอไม่ยอมสบตาเขาตอนพูดกลับมองพื้น มันใช่เหรอ คนเราเวลาเจอดาราที่ตนเองอยากถ่ายรูปด้วยก็ต้องมองหน้าสิ
อีกอย่างแววตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัว ไม่มีประกายระยิบระยับเหมือนแฟนคลับที่เขาเคยเจอ
“ถะ...ถ่ายรูปค่ะ นี่โทรศัพท์” คนมีความผิดติดตัวยิ้มสู้ก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกมายื่นให้เขาดู
ครองภพยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการตัวสั่นของผู้หญิงตรงหน้า มีบางอย่างกำลังบอกเขาว่า เธอไม่ได้มาขอถ่ายรูปแต่มีจุดประสงค์อย่างอื่นจริงๆ
“โอเค เอากี่รูปดี สามสี่รูปพอไหม”
“รูปเดียวพอค่ะ ไม่รบกวน”
“แต่ผมอยากแถมสองรูปแล้วกัน”
ครองภพคว้าโทรศัพท์จากมือเบญญาพรแล้วยกขึ้นมาถ่ายกลายเป็นรูปคู่ หญิงสาวยิ้มเจื่อนแววตาไร้ความปีติยินดี ใบหน้าเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมา อาการหน้าซีดปากสั่นของเบญญาพรทำให้ครองภพยิ่งมั่นใจ เธอไม่ใช่แฟนคลับเขา ไม่ได้ต้องการถ่ายรูป
“ขอบคุณนะคะ ฝันขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวก่อน คุณชื่ออะไรนะ”
“...”
“ชื่อจริง ชื่อเล่น ผมจะได้เซ็นให้คุณ”
“เหมือนฝันค่ะ แค่ถ่ายรูปก็พอ ลายเซ็นไม่ต้อง ขอตัวนะคะ”
เบญญาพรไม่รอให้ครองภพตอบรับหรือปฏิเสธ รีบก้าวเท้าเดินออกจากเต็นท์ของพระเอกหนุ่มด้วยความเร่งรีบ เพราะกลัวจะถูกจับได้
ครองภพหน้าเครียดขึ้นมาทันที เห็นทีเขาต้องจับตาดูเธอให้ดีเพราะคิดว่าเธอต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน เมื่อสักครู่เขาเห็นเธอกำลังเอื้อมมือจะไปจับกระบอกน้ำ
“น้องไม้ไปแต่งหน้าได้แล้วค่ะ มัวทำอะไรอยู่” ผู้จัดการชายแต่ใจหญิงเข้ามาตามครองภพ
“ผมลืมบทก็เลยมาเอาครับ เอ่อพี่พิชชี่รู้จักทีมงานในกองทุกคนไหม”
“ไม่หมดค่ะ น้องไม้ถามทำไม”
“เปล่าครับไม่มีอะไร แค่ถามเท่านั้น เราไปกันเถอะ”
ในเมื่อผู้จัดการไม่รู้เขาก็ต้องหาจากคนอื่น ตอนนี้เขาต้องรู้ก่อนเหมือนฝันคือใคร
โทรศัพท์จึงถูกดึงออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะส่งข้อความไปหาเลขาของน้าชายที่เป็นเจ้าของบริษัท บอกให้ช่วยส่งข้อมูลทีมงานที่ชื่อเหมือนฝันมาให้ตนเองด่วน
สิ่งสำคัญคือห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด
เบญญาพรกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับไปยังจุดที่ต้องทำงาน ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับบอกตัวเอง ไม่เป็นไรมันยังมีโอกาส ขอแค่วางยาครองภพสำเร็จ เธอก็จะเป็นอิสระส่วนแม่ก็จะรอด
“พรุ่งนี้ยังมี เธอทำได้เหมือนฝัน”
คนจำเป็นต้องร้ายบอกตัวเอง จากนั้นก็เอามือไปวางไว้บนกระเป๋ากางเกงพลางถอนหายใจ ดีที่เธอไม่ได้เอาขวดยาถ่ายออกมาไม่อย่างนั้นแผนแตก ต้องถูกครองภพจับได้แน่
วันพรุ่งนี้ยังอยู่ที่กองเธอจะไม่พลาดเด็ดขาด ขอแค่พระเอกหนุ่มท้องเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาลทุกอย่างก็จบ หารู้ไม่นอกจากจะไม่จบแล้ว เธอยังต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องอันตรายที่ไม่รู้ว่าคนร้ายคือใครด้วยอีกคน