บทที่9.1 ข่าวดี1

1646 คำ
บทที่9 ข่าวดี ฉีหรานเลิกสนใจพี่สะใภ้ พลิกแผ่นไม้ด้านล่างเพื่อดูว่าออกแบบไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้หญิงสาวออกแบบลวดลายแกะสลักปิ่นปักผมไม้ไปสี่แบบ แต่วันนี้กลับคิดไม่ออก เมื่อคิดไม่ออกจึงนึกถึงเรื่องที่พ่อและพี่ชายคุยกันเมื่อวาน เกี่ยวกับการเช่าภูเขาด้านหลัง ในสมองก็เริ่มคิดคาดเดา หากต้องการปลูกจิน จากการตรวจสอบของระบบและการสังเกต นอกจากจินจะชอบอากาศหนาวเย็นมากกว่า ไม่ชอบน้ำแล้ว ดูเหมือนจะชอบพื้นที่ดินร่วนหรือเป็นทรายเล็กน้อยด้วย พื้นที่ป่าหลังบ้านไม่แน่ว่าจะเหมาะปลูกจินไปซะทั้งหมด ฉีหรานจึงคิดแผนการทำเงินให้ครอบครัวด้วย การเสียค่าเช่าราคาแพงทำให้เจ็บใจได้ ก็ควรทำให้ชื่นใจได้ด้วย เวลาสิบปีไม่น้อย หากปลูกผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ระยะยาวก็จะดีกว่า เมื่อคิดแล้วก็เรียกระบบขึ้นมาทันที ‘ระบบในเมื่อสามารถส่งต้นอ่อนเข้าระบบได้ มีต้นอ่อนให้แลกเปลี่ยนหรือไม่’ ชีวิตก่อนฉีหรานไม่ได้ใช้งานฟังชันส์เหล่านี้เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เมื่อมีโอกาสนางจึงต้องคิดให้รอบคอบมากขึ้น [ต้นอ่อนสามารถแลกเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับว่าต้นอ่อนๆนั้นมีอยู่ในยุคของเจ้านายหรือไม่ และยังจำกัดที่ระดับอีกด้วย] ‘ดี! เอาต้นอ่อนขึ้นมาดู’ [เจ้านาย ใช่ว่าต้นอ่อนจะเหมาะสมกับพื้นที่เสมอไป ไม่รู้ว่าจะปลูกสำเร็จหรือไม่หากลงดินไป ดังนั้นแนะนำให้สแกนพื้นที่ทั้งหมดที่ต้องการปลูกเพื่อให้ระบบจับคู่อย่างแม่นยำจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก] ฉีหรานปวดหัว นางไม่เคยทำงานในทุ่งจึงไม่มีความรู้เรื่องการเกษตร แต่ก็พอจะรู้ว่าพืชยังมีความชอบเหมือนมนุษย์ด้วย ดูอย่างจินสิ ดังนั้นหญิงสาวจึงเชื่อฟังระบบมาก เช้าวันถัดมานางดึงพ่อที่กำลังจะไปตีนเขาตะวันตกเอาไว้ “ท่านพ่อ ข้าอยากสำรวจป่าหลังบ้านทั้งหมด” “อาหราน มีอะไร” “ท่านไม่ได้บอกว่าอยากลองเช่าภูเขาหรอกหรือ” ฉีหรานมองซ้ายขวาเมื่อไม่เห็นพี่สะใภ้ นางก็กระซิบบิดาต่อไป “ข้าปรึกษาผู้แลกเปลี่ยน เขาสามารถช่วยดูว่าพื้นที่ในภูเขาหลังบ้านเหมาะปลูกพืชชนิดใดเป็นพิเศษ จากนั้นผลผลิตที่ได้ก็มากกว่า นอกจากนี้ยังสามารถแลกเปลี่ยนต้นกล้าออกมา ไม่จำเป็นต้องลงทุนมาก” “นี่...” ในตอนแรกฉีหยงต้องการปลูกต้นไม้เหมือนเดิม ได้ยินมาว่าไม้บางชนิดมีราคาแพงกว่า เขาตั้งใจปลูกไปสักสิบ ยี่สิบปี และตัดขายในยามแก่เฒ่า เป็นมรดกให้ลูกหลาน ใครจะคิดว่าลูกสาวจะคิดมากกว่าเขา นางตั้งใจปลูกอะไรกัน? “ท่านพ่อ ท่านไม่เห็นหรือว่าในเมืองขายผลไม้แพงมาก ข้าเห็นส้มผลเล็กๆยังขายกันเป็นจิน แต่ส้มผลใหญ่ๆท่านรู้หรือไม่ว่าขายราคาต่อหน่วย ส้มหนึ่งต้นให้กี่ผลกันล่ะ” เพียงแค่คิดตามฉีหยงก็เริ่มเข้าใจ เขาไม่ได้โง่ดังนั้นจึงรู้ว่าลูกสาวตั้งใจปลูกผลไม้ขาย “เอาเถอะ ตามพ่อมา” ฉีหยงยังเห็นด้วย เมื่อคิดดูแล้วสิ่งสำคัญตอนนี้ไม่ใช่เพียงเงินทอง แต่ยังมีเรื่องการแลกเปลี่ยนยาของภรรยาอีกด้วย สองพ่อลูกแบกเหลียงเข้าป่าด้วยกัน วันนี้ฉีปิงจึงพาน้องชายไปช่วยพี่ชายที่ทุ่งแทน ขณะที่พี่ชายสองคนยังต้องทำคอกให้วัวน้อยของครอบครัว วันนี้เซี่ยฉินยังไปที่ทุ่งของครอบครัวเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นพื้นที่กว้างนางก็อ้าปากค้างสักพัก แต่ทันใดนั้นก็เห็นว่าพวกเขากำลังพยายามเชื่อมต่อพื้นที่กับถนนด้านล่าง นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีโกดังและบ้านเล็กๆตั้งอยู่ หญิงสาวมองว่าบ้านฉีลงทุนมากจริงๆ แม้ชาวบ้านจะห่วงที่ดินแต่พวกเขายังไม่ถึงกับไปนอนเฝ้า เหตุผลอาจเป็นเพราะป่าตะวันตกอยู่ลึกเกินไป ไม่ได้อยู่ข้างหมู่บ้านที่มองเห็นได้ง่ายจึงต้องนอนเฝ้า แต่หญิงสาวไม่รู้ว่าแต่เดิมพวกเขาเปิดพื้นที่ตรงนี้ เหตุผลเพื่อนอนเฝ้ากับดักสัตว์ที่ติดตั้งเอาไว้ต่างหาก วันนี้ตอนเที่ยงฉีหรานไม่ได้กลับมาอุ่นโจ๊กให้มารดา เซี่ยฉินจึงอาสาดูแลอาหารกลางวันของมารดาแทนที่ สองพ่อลูกใช้เวลามากกว่าสองวันจึงสามารถสแกนพื้นที่ภูเขาหลังบ้านทั้งหมด ปกติเดินบนภูเขาทั้งแถบไม่ใช่เรื่องยากหากต้องการเพียงเดินผ่านๆ แต่คราวนี้จำเป็นต้องเดินให้สัมผัสทุกซอกทุกมุม ไม่แปลกที่จะช้าเช่นนี้ เย็นวันนั้นบ้านฉีมีประชุมอีกครั้ง โดยมีฉีหราน ฉีหยง ฉีหนิง และฉีหรงเข้าร่วม “ท่านแม่ วันนี้ข้าดูแล้ว ที่ดินภูเขาหลังบ้านมีขนาดมากกว่าสามร้อยหมู่ วันนี้ข้าได้จดเอาไว้แล้ว บ้านเราจะปลูกต้นส้มใหญ่แปดสิบต้น ผิงกั่ว(แอปเปิ้ล)ห้าสิบต้น อิงเถา(เชอรี่)แปดต้น ต้นซิ่ง(แอปปริคอต)ยี่สิบสองต้น ต้นท้อสิบแปดต้น สือหลิว(ทับทิม)สามต้น ลูกพลับยี่สิบต้น เฮยเหมย(บลูเบอรี่)แปดสิบต้น พุทราป่าสิบต้น ต้นบ๊วยสิบสามต้น เกาลัดสองต้น มะกอกสองต้น” “นี่เป็นการตรวจสอบจากผู้แลกเปลี่ยนของเจ้าหรือไม่ อาหราน” ฉีหนิงเอ่ยถาม “เจ้าค่ะท่านแม่ ยังสามารถปลูกจินไว้ที่พื้นด้านล่างได้ ไม้บางชนิดในป่ายังสามารถแลกเปลี่ยนได้ ที่แลกไม่ได้ก็ให้ท่านพ่อตัดขายให้โรงไม้ ไม่เสียเงิน” “อาหราน เช่นนั้นปลูกไม้ที่ใช้แลกเปลี่ยนเพิ่มดีหรือไม่” เมื่อตัดไม้แล้วต้องปลูกคืนนั่นเป็นสามัญสำนึกปกติอยู่แล้ว แต่ชาวบ้านไม่แยกแยะไม้แพงไม้มีค่าเท่าไหร่ รู้จักเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น เท่าที่เขาตรวจสอบหลังบ้านไม่ได้มีไม้มีค่ามากขนาดนั้น “ท่านพ่อ ไม้มีค่าของเรากับของผู้แลกเปลี่ยนนั้นไม่เหมือนกัน” นี่คือสิ่งที่ฉีหรานรู้มาตลอด ความต้องการแตกต่างกันมากเกินไป ไม่เช่นนั้นนางคงไม่สามารถแลกไม้ไผ่ถักสัตว์ตัวเล็กๆได้แน่นอน ในโลกนี้สิ่งนั้นถือว่าธรรมดามาก เป็นของเล่นที่เด็กทั่วไปต่างก็ทำเป็นทั้งสิ้น “เช่นนั้นให้อาหรานจัดการ หลังเพาะปลูกฤดูร้อนเสร็จแล้ว พ่อจะพาเจ้าเข้าป่าอีกรอบ” “เข้าป่าอีกรอบทำไมหรือเจ้าคะ” ฉีหรานมองบิดาอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าไม่ได้บอกว่าแต่ละที่ปลูกพืชได้ต่างกันหรอกหรือ เช่นนั้นใช้ช่วงเวลานี้ก่อนที่จะเช่าภูเขา ลงไปปักสัญลักษณ์เอาไว้ เมื่อเช่าภูเขาเรียบร้อยยังสามารถเริ่มขุดหลุมเตรียมปลูกได้ก่อนหมดใบไม้ผลิปีหน้า” ฉีหรานได้ยินบิดาพูดเช่นนั้นก็ตื่นเต้นมาก พยักหน้าหงึกๆอย่างเชื่อฟัง “อาหรานมีสิ่งใดให้แม่ช่วยหรือไม่” “ท่านแม่ เร็วๆนี้ย่อมต้องให้ท่านแม่ช่วยเหลือ บ้านเราไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามานานแล้ว คราวนี้พี่ใหญ่ยังต้องติดต่อค้าขายข้าว ไม่สามารถสวมเสื้อผ้าธรรมดาได้ ยังต้องให้ท่านแม่ช่วยเย็บชุดใหม่ให้แน่นอน” “ใช่แล้วท่านแม่ อาหรานกล่าวว่าเข้าเมืองคราวหน้าให้ข้าซื้อผ้ามาเย็บ ชุดหนึ่งสำหรับฤดูหนาว ชุดหนึ่งสำหรับสวมใส่ไปขายข้าว” ฉีหรงพยักหน้าเห็นด้วย ฉีหนิงยิ้มอ่อนโยนขณะแตะศรีษะบุตรสาวเบาๆ คืนนั้นครอบครัวฉีแยกย้ายกันไปนอน ฉีหรานอายุเพียงเจ็ดหนาวปกตินอนบนเตียงคั่งเดียวกันกับบิดามารดา แต่เมื่อครึ่งเดือนก่อนนางยังย้ายไปห้องส่วนตัวแล้ว ตอนนี้จึงนอนเพียงลำพัง ดวงตาค่อยๆปิดและผลอยหลับไปในที่สุดเนื่องจากความเงียบรอบด้าน . หลายวันต่อมา หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้มาพูดสรุปชัดเจนว่าบ้านเซี่ยยินยอมหรือไม่ เมื่อพบหน้าก็เพียงบอกให้ฉีหยงสบายใจได้ บ้านเซี่ยเป็นฝ่ายผิดพวกเขาจึงไม่กล้าพาล ฉีหรานรู้อยู่แล้วว่าเรื่องต้องจบเช่นนี้ ชาวบ้านมักหงายไพ่คนกันเอง ก็มีแต่ต้องยอมๆกันไป บ้านฉีดำเนินชีวิตไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ไปช่วยบ้านแม่ยายอีกในปีนี้กระทั่งหมดฤดูเพาะปลูกภาคฤดูร้อน วัวสองตัวของบ้านทำงานได้ดีจริงๆ พวกมันทำงานหนักเหมือนแรงงานสามสี่คนจริงๆ แต่บ้านฉีไม่ได้ใช้แรงงานมันมากและสลับกัน ตัวหนึ่งทำงานไถตอนเช้า ตัวหนึ่งทำงานไถตอนเย็น นอกจากนี้วัวสองตัวยังถูกพาไปตัดไม้ ลากเกวียนเทียมกลับพื้นที่เพื่อเตรียมสร้างบ้าน หลังจากปลูกข้าวสาลีในทุ่งเสร็จ บ้านก็พร้อมสร้างโดยไม่จำเป็นต้องไปหาตัดไม้เพิ่มแล้ว บ้านและโกดังสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้จ้างช่างมาช่วย เหตุผลหนึ่งเพราะตระกูลฉีมีแรงงานเพียงพอ อีกเหตุผลเพราะฉีหยงต้องการใช้ข้ออ้างว่าบ้านยุ่งและไม่ได้ให้เซี่ยฉินกลับไปช่วยงานทุ่งบ้านเซี่ย นางเซี่ยมาพบเซี่ยฉินรอบหนึ่งเพื่อขอให้กลับไปช่วยงานในทุ่ง เนื่องจากเกรงว่าจะปลูกถั่วไม่ทันก่อนหมดฤดูเพาะปลูก ใครจะรู้ว่าบ้านฉีมีข้ออ้างรออยู่แล้ว เซี่ยฉินจำต้องไปช่วยที่บ้านตีนเขาทุกวันจึงไม่สามารถไปช่วยได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม