บทที่10.2 บ้านเซี่ยโฉมใหม่2

3275 คำ
เช้าวันนี้ฉีหรงลอบไปพบมารดาและน้องสาวในห้องหลักตอนเช้าเพื่อแจ้งเรื่องที่ตนจะพาภรรยากลับไปแจ้งข่าวดีต่อพ่อตาที่บ้านเซี่ย แม้ฉีหรานไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดมารดาและพี่ชายไม่ได้ สุดท้ายนางจึงต้องยอมแพ้เสียงข้างมาก อีกทั้งยังแลกเปลี่ยนยาแก้ปวดราคาร้อยแต้มออกมา “พี่ใหญ่ นี่เป็นยาจากผู้แลกเปลี่ยน ในขวดนี้มีสิบเม็ด ใช้สำหรับระงับอาการปวดและลดไข้ได้ นำไปฝากบ้านสะใภ้เถอะเจ้าค่ะ” “อาหราน นี่มากเกินไปหรือไม่” ยาเม็ดในตลาดมีราคาแพงกว่า แม้ยาเม็ดพวกนี้จะใส่ไว้ในตลับไม้แต่ก็น่าจะล้ำค่าไม่ต่างกันนัก แม้ยาเม็ดในตลาดส่วนใหญ่จะใส่ขวดกระเบื้องเคลือบดูหรูหราก็เถอะ “ยานี้มีค่าเท่าข้าวร้อยจิน จะบอกว่าล้ำค่าก็คงได้ แต่เราต้องทำให้บ้านสะใภ้ยำเกรงพี่ฉินเอ๋อร์มากกว่านี้ นางเซี่ยในชีวิตก่อนหน้ามีนิสัยหวาดกลัวผู้มีอำนาจเหนือกว่า หากมอบยาตลับนี้ให้นางย่อมยอมฟังพี่ใหญ่มากขึ้น” “ตกลง พี่ใหญ่จะทำงานหนักขึ้นเพื่อชดใช้ให้อาหรานในภายหลัง” “เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอกอาหรง น้องสาวคิดเผื่อเจ้าไว้หมดแล้วทำตามที่นางบอกเถอะ” ฉีหนิงมองบุตรสาวอย่างภาคภูมิใจ ถึงอย่างนั้นเมื่อฉีหรงจากไป ฉีหรานก็กอดมารดาเบาๆ นางรู้ดีว่ามารดากำลังลงโทษบิดาอย่างหนักทีเดียว แม้พ่อแม่จะไม่ได้แสดงออกต่อหน้าลูกๆ แต่ตอนนี้พวกท่านทะเลาะกันอยู่ ไม่สิ…ท่านแม่กำลังโกรธท่านพ่อจนไล่เขาไปนอนบนพื้นต่างหาก สมควรแล้ว! ‘ท่านแม่ระบายความโกรธแทนข้า แต่…ข้าก็ไม่อยากให้ท่านหนักใจ’ ด้วยเหตุนี้ฉีหรานจึงมักจะใช้เวลาอยู่กับมารดาเพื่อปลอบใจท่าน หากไม่ใช่นางก็เป็นพี่สะใภ้เซี่ยฉินที่อยู่กับมารดา . ขณะที่ฉีหรงพาเซี่ยฉินกลับบ้านเดิม ชาวบ้านที่สังเกตเห็นทิศทางที่คนทั้งคู่เดินทางไปล้วนหยุดดู บ้างเดินตามเพราะคิดว่าจะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกครั้ง แม่เซี่ยเดินออกมาเปิดประตูบ้าน ก่อนต้องแปลกใจเมื่อเห็นบุตรสาวคนเล็กและลูกเขยเล็กของตนอยู่หน้าบ้าน “อาเม่ย อาหรง พวกเจ้า…มากันได้อย่างไร เอาๆเข้ามาในบ้านก่อนเถอะ” เห็นชาวบ้านมามุงดู นางเซี่ยก็มีสีหน้าอับอายรีบชวนทั้งสองเข้าบ้าน ปิดประตูตามหลังดัง ปัง ! ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ดูเรื่องสนุก “ท่านแม่ ข้ากับพี่หรงมาแจ้งข่าวดีเท่านั้นเจ้าค่ะ” เซี่ยฉินคารวะบิดามารดา ตามสามี ก่อนบอกสิ่งที่เตรียมไว้ พ่อเซี่ยตาเป็นประกายด้วยความยินดี ความจริงเขารออุ้มหลานมาหลายปีแล้ว แม้ผิดคาดไปบ้างได้หลานนอกตระกูลเสียก่อนก็ไม่เป็นไร “ยินดี ยินดียิ่ง อาหรงเจ้าดูแลบุตรสาวข้าดีจริงๆ ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจ” “ท่านพ่อตาข้าขอบคุณที่ท่านมอบภรรยาให้ข้า นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยจากบ้านฉีของเรา ยาในตลับไม้นี้มีสิบเม็ด ช่วยแก้อาการปวดรุนแรง และลดไข้ได้ ใกล้หนาวแล้วท่านพ่อตา แม่ยาย โปรดรักษาสุขภาพ” “เขยคนดี” นางเซี่ยรีบหยิบตลับยามาเปิดดู ก่อนดวงตาจะเป็นประกาย สิ่งนี้มีค่ามากอย่างแน่นอน บุตรเขยคนเล็กของนางเหตุใดจึงเป็นคนดีถึงเพียงนี้ คิดแล้วก็ยิ่งละอายใจที่เคยพูดให้ร้ายอีกฝ่าย แต่ด้วยตนเป็นผู้ใหญ่ไม่อาจขอโทษรุ่นน้องได้ตามตรง จึงทำได้เพียงงนั่งอึดอัดใจ “ขอบใจเจ้าอาหรง สำหรับข้าขอเพียงเจ้าดูแลบุตรสาวและหลานชายของข้าให้ดีก็เพียงพอ” ฉีหรงหยักหน้าเบาๆ คิดในใจว่าบ้านเซี่ยเป็นปิตาธิปไตยอย่างสมบูรณ์จริงๆ หากลูกคนแรกของเขาเป็นบุตรสาวล่ะ? อีกทั้งเขายังอยากได้บุตรสาวมากกว่า เพื่อให้นางไปรับใช้อยู่เคียงข้างมารดาเช่นเดียวกับน้องสาว เพราะเด็กๆผู้หญิงมีความละเอียดอ่อนมากกว่าเจ้าลิงทั้งห้าที่บ้าน เขามีน้องชายเยอะมากฉีหรงจึงเข้าใจดีถึงข้อดีข้อเสียของการมีบุตรชายและบุตรสาว “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าเข้าเมืองไปตรวจไข้เมื่อคราวก่อนและได้รับข่าวดีมา แต่ท่านหมอกลับบอกให้ระวังสุขภาพอย่าทำงานหนัก ข้าจึงเป็นห่วงว่าพี่สาวอาจมีปัญหาสุขภาพทำให้ไม่ตั้งครรภ์เสียที” เซี่ยฉินรีบเข้าเรื่องเมื่อเห็นบิดามารดากำลังอารมณ์ดี นางเซี่ยได้ยินอย่างนั้นก็สะดุ้งขึ้นมา จับมือบุตรสาวคนเล็กไว้แน่น “อาเม่ยเจ้าพูดจริงหรือ แม่เคยเชิญหมอเดินเท้ามาตรวจดูอาการพี่สาวเจ้าแล้ว เขาบอกเพียงว่าหยินอ่อนกำลัง ตอนนั้นเสียค่าโสมไปซีกหนึ่งเพื่อบำรุงนางก็ไม่น้อย แต่ก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้เลย แม่คิดว่าพี่สาวเจ้าเป็นหมันไปแล้ว” นางเซี่ยร้อนใจอย่างยิ่ง ยังคิดว่าหากบุตรสาวคนโตเป็นหมันจริงๆจะทำอย่างไร จะยอมให้ลูกเขยแต่งอนุภรรยามาคลอดบุตรให้ตระกูลเซี่ยงั้นหรือ เช่นนั้นยังถือว่าเป็นหลานของตนหรือไม่ คิดแล้วก็ยิ่งเครียดหนัก เพราะมีเพียงคนมีเงินเท่านั้นที่ทำเช่นนั้นได้ แม้คิดได้แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน กระทั่งเงินจะไปหาหมอดีดียังทำไม่ได้ ครั้งนั้นยอมเสียเงินซื้อโสมซีกหนึ่งนั้นมาเพราะโดนหมอเดินเท้าเกลี้ยกล่อมเท่านั้น “ท่านแม่ยาย ท่านหมอกล่าวว่าไม่ให้อาฉินทำงานหนักเกินไปในช่วงสี่เดือนนี้ เพราะนางทำงานหนักเกินไปจนทำลายรากฐาน ครรภ์ครั้งนี้จึงยังไม่มั่นคงนัก” ได้ยินอย่างนั้นแม่เซี่ยก็หน้าซีดแทบเป็นลม แม้จะเป็นเพียงชาวบ้านแต่ก็พอเข้าใจคำด้านสุขภาพเหล่านั้น มีคนมากมายตายไปเพราะทำงานหนักจนทำลายรากฐานสุขภาพ นี่นางใช้งานบุตรสาวหนักขนาดนั้นเชียวหรือ? “แม่เซี่ยเจ้าอย่าคิดมาก” พ่อเซี่ยกลับสงบกว่า แม้ในใจจะกระวนกระวายก็ตามที เขาไม่เคยสังเกตเลยเพราะคิดว่าตนเองก็ทำงานหนัก บุตรสาวก็ย่อมทำได้เช่นกัน เพราะใครๆก็ทำเช่นนี้ ในยุคยากแค้นหากไม่ทำงานหนักจะมีกินได้อย่างไร “อาหรง ท่านหมอบอกเช่นนั้นจริงๆหรือ? หรือที่อาฉู่ไม่มีครรภ์เสียทีเพราะสุขภาพของนาง” “ท่านพ่อตา เรื่องนี้เราตัดสินเอาเองไม่ได้ จำต้องให้ท่านหมอตรวจดู ข้ากำลังจะพาภรรยาเข้าไปตรวจครรภ์ในเมืองพอดี ได้ยินอาฉินเป็นกังวลเรื่องพี่ภรรยา ข้าจึงอยากมาชักชวนพี่ภรรยาเข้าเมืองไปให้หมอดูอาการด้วยกัน ไปด้วยกันย่อมเสียเงินน้อยลง” ฉีหรงเข้าใจว่าบ้านภรรยาไม่ได้ร่ำรวย หากไม่ป่วยหนักจริงๆก็ไม่คิดเข้าเมืองไปหาหมอ ก็เหมือนกับชาวบ้านทั่วๆไป คำพูดของเขาจึงกลายเป็นทางออกของบ้านเซี่ย “ได้…พ่อเซี่ยข้าจะพาอาฉู่ไปดูหมอ วันนี้เจ้าพาอาเซ่อไปทำงานที่ไร่ด้วยเถอะ” “อืม ไปเถอะ เอาเงินไปมากหน่อยอย่าได้รบกวนบ้านฉีมาก” แม้พ่อเซี่ยจะเป็นคนเห็นแก่ตัวเล็กน้อย แต่เขายังพอมีสมอง บ้านฉีใช่จะสามารถหาเรื่องได้โดยง่าย แม้บ้านเซี่ยก็มีคนเป็นทหารมากมาย แต่น้อยนักที่จะได้กลับมา ส่วนใหญ่ล้วนตายและทิ้งไว้เพียงภรรยาและบุตรกำพร้า ซึ่งแตกต่างจากทหารเกษียณมากทีเดียว ไม่ควรทำให้ถูกมองว่าเห็นแก่ตัวและคิดเอาเปรียบหากต้องการให้ความสัมพันยืนยาว ครั้งก่อนเกิดความบาดหมางขึ้นมาแล้ว อย่าได้ให้เกิดขึ้นอีก “อืม อืม ข้ารู้แล้ว อาฉู่ อาฉู่มาดูสิใครมาหาเจ้า” นางเซี่ยรีบไปเรียกบุตรสาวและเตรียมเงิน แม้จะตาแดงก่ำเพราะเสียดายเงินแต่ก็ต้องตัดใจ นางโง่แต่ก็เชื่อฟังสามี หากเขาได้พูดแล้วนางย่อมทำตาม “ท่านแม่” เซี่ยฉู่โผล่ออกมาจากครัว เซี่ยฉินเห็นพี่สาวที่ไม่ได้เห็นสองเดือนก็แทบร้องไห้ ทำไมพี่สาวนางจึงได้ตัวดำขำทั้งยังผอมแห้ง ผมแห้งแตกหัวฟู ผิวพรรณดูหยาบกร้านขึ้นในเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้นเอง “พี่สาว” “อาฉิน ดีจริงๆเจ้ากลับมาเยี่ยมบ้านแล้วหรือ ยินดีด้วยนะข้าได้ยินข่าวแล้ว” เซี่ยฉู่มีสีหน้าแปลกไปเล็กน้อยเมื่อกล่าวยินดี ในดวงตามีความเสียใจสุดซึ้ง เซี่ยฉินประคองพี่สาวออกจากบ้านและค่อยๆอธิบายให้นางฟัง ขณะที่ฉีหรงประคองแม่ยายเพื่อกลับไปบ้านฉี ต้องไปเอาเกวียนเสียก่อน “พี่สาวท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะพาท่านไปให้ท่านหมอตรวจดูก่อน ท่านอายุเพียงเท่านี้ยังสามารถแก้ไขทันหากมีอะไรเกิดขึ้น ต่อไปท่านต้องตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ขนาดข้ายังทำได้เลย” เซี่ยฉินกระซิบให้กำลังใจพี่สาว “อืม พี่เชื่อเจ้า” สองพี่น้องแต่เดิมสนิทสนมกันมาก เซี่ยฉู่เองก็มีนิสัยดี ทั้งคู่จึงคอยเป็นห่วงเป็นใยกันเสมอ หลังนั่งบนเกวียนเทียมอย่างดีแล้ว นางเซี่ยก็นั่งอยู่ด้านหน้าเพื่อคุยกับบุตรเขยเมื่อเห็นบุตรเขยเล็กดูแลลูกสาวอย่างดี นางก็พอใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ นึกเสียดายที่ไม่ได้แต่งเขาเข้าตระกูลแทนอาเซ่อ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาเพราะรู้ว่าบ้านฉีก็คงไม่ยอมให้คนแต่งออกเช่นกัน อีกทั้งชายหนุ่มยังเป็นพี่ชายคนโตอีกด้วย ลูกชายคนโตย่อมต้องอยู่กับพ่อแม่ แม้แยกบ้านไปแล้วก็ตาม “พี่สาว พี่เขยดีกับท่านหรือไม่” เซี่ยฉินกระซิบข้างหูพี่สาวเบาๆ “...” เซี่ยฉู่ก้มหน้านิ่ง ส่ายหน้าน้อยๆ ยิ่งนางทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่ไม่รู้ทำไมความสัมพันสามีภรรยากลับเหินห่างไปเรื่อยๆ คล้ายมีเพียงนางที่คิดถึงครอบครัว ล่าสุดได้ยินว่าสามีมีหญิงหม้ายมาติดพันนางก็ยิ่งเสียใจ บ้างก็ว่ามีเด็กสาวรุ่นๆมาสนใจเขา ข่าวเหล่านี้มามีเข้าหูไม่เว้นวัน ท่านพ่อเรียกสามีไปคุยและได้ความว่าไม่มีอะไร นางจึงได้ยอมเบาใจลง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด สามีเปลี่ยนไปมากจริงๆ เซี่ยฉู่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาเพียงสามปีเปลี่ยนคนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร “พี่สาวข้าจะช่วยท่านเอง ท่านไม่ต้องกังวลใจนะเจ้าคะ ข้าจะหาทางแก้ไข” เซี่ยฉินเห็นพี่สาวเป็นทุกข์ก็เจ็บหัวใจ “อาเม่ยเจ้าอย่าคิดมากจนล้มป่วย หลานข้าที่กำลังจะเกิดมา หากไม่แข็งแรงข้าคงเสียใจมาก” “พี่สาว ข้าพูดจริงๆนะเจ้าคะ น้องสามีเก่งมากท่านดูสิ ข้าพอกผิวด้วยสูตรหมักผิวของนางไม่นาน ผิวก็ขาวกระจ่างเช่นนี้ ทั้งยังนุ่มเนียน ข้าจะถามนางให้ หากนางยินดีมอบสูตรให้ท่านแม้ต้องทำงานเป็นวัวเป็นม้าให้อาหรานข้าก็ยินดี” “เจ้าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นอาเม่ย ข้ารู้ว่าเจ้าดีกับข้ามาก แต่อาเซ่อทำร้ายสามีของเจ้า…ข้าไม่มีหน้า…บ้านฉีดูแลเจ้าดีมาก จะไม่ขาวขึ้นได้อย่างไร” “นั่นยิ่งต้องทำให้ท่านแม่เปลี่ยนใจ และยอมดูแลท่านให้ดีบ้าง เมื่อพี่สาวข้ากลับไปสวยงามเช่นเดิมพี่เขยจะไปไหนได้” เซี่ยฉินแม้อยู่ในบ้านแต่ยังได้ข่าวบ้าง นางยังมีสหายบางคนที่พูดคุยกันได้ ข่าวที่มีหญิงสาวไปติดพี่เขยตนเหตุใดจะไม่เคยได้ยิน อีกทั้งยังมีเหตุการณ์นั้น คิดแล้วก็ลอบมองพี่สาวด้วยความสงสาร หากท่านพ่อท่านแม่ไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่แน่คนผมขาวอาจต้องเผาคนผมดำ นางยังคิดว่าหากท่านพ่อท่านแม่เลอะเลือนถึงขนาดแต่งอนุภรรยาเข้าบ้านให้พี่เขยจริงๆ นางจะไม่ยอมอย่างแน่นอนและหาทางช่วยพี่สาวให้ได้ โชคดีเหลือเกินที่เด็กคนนี้เกิดมาได้เวลาพอดี ทำให้มีโอกาสได้พาพี่สาวไปหาหมอ “เอาล่ะ พี่ฟังเจ้า ดูก่อนว่าร่างกายพี่เป็นหมันหรือไม่” “พี่สาวท่านไม่ได้เป็นหมันหรอกเจ้าค่ะ” “เจ้าก็ปลอบข้าเท่านั้น รอดูก่อนเถอะอย่าให้ความหวังลมๆแล้งๆกับข้าเลย” เมื่อพี่สาวพูดเช่นนี้เซี่ยฉินก็ไม่พูดอะไรอีก แต่นางเชื่อว่าพี่สาวไม่ได้เป็นหมันอย่างแน่นอน ผู้หญิงที่จะเป็นหมันได้มีโอกาสน้อยนิด โชคร้ายจะมาตกบนหัวพี่สาวนางได้อย่างไรกัน เซี่ยหรงจอดเกวียนหน้าโรงหมอ ฝากให้คนช่วยดูไว้ ก่อนพาภรรยาและครอบครัวนางเข้าไปในโรงหมอเฒ่าที่คุ้นเคยกันดี “โอ้ เจ้าหนุ่มพาภรรยามาอีกแล้วหรือ นางเป็นอะไรล่ะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า” หมอเฒ่าจดจำคู่สามีภรรยาได้ เอ่ยทักด้วยรอยยิ้มทันที “ท่านหมอ ครั้งนี้ไม่ใช่ภรรยาของข้า ท่านช่วยตรวจดูร่างกายของพี่สาวภรรยาข้าได้หรือไม่” “หืม” ท่านหมอหันไปมองหญิงสาวตัวดำด้านหลัง ก่อนขมวดคิ้วมุ่น “มีปัญหาอะไร” “ท่านหมอ บุตรสาวข้าแต่งงานมาสามปีแล้วแต่ไม่ป่องเสียที ข้าจนใจแล้วจริงๆ” นางเซี่ยรีบดึงตัวบุตรสาวให้นั่งลงตรงหน้าท่านหมอเฒ่าทันที “...” หมอเฒ่าขมวดคิ้วมุ่น เพียงแค่มองดูลมหายใจก็รับรู้ถึงปัญหา สาวๆบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด ทำงานหนักจนร่างกายเสียหายถึงรากฐาน ถึงคิดเช่นนั้นเขาก็ยังยื่นมือออกไปจับชีพจร “อืม…” เห็นหมอเฒ่าพยักหน้าหงึกหงัก นางเซี่ยก็ยิ่งหวั่นใจ กลัวว่าท่านหมอจะพูดว่าบุตรสาวของตนเองเป็นหมัน หากเป็นเช่นนั้นจริงๆจะทำอย่างไรดี “ไม่ต้องกังวลถึงขนาดนั้น ปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ใช่หรือไม่ จากที่ข้าดูนางมีรูปร่างแคระแกร็นเล็กน้อย เกิดจากขาดสารอาหารเมื่อยังเยาว์ ทำให้พลังหยินในร่างไม่สมบูรณ์ แต่เดิมก็ตั้งครรภ์ได้ยากกว่าอยู่แล้ว” “ท่านหมอ มีวิธีแก้หรือไม่” นางเซี่ยร้อนใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เด็กชนบทใครบ้างไม่ลำบากในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ทำไมมีเพียงบุตรสาวของตนที่ไม่ตั้งครรภ์ “ใจเย็นๆลงก่อน เจ้าเป็นมารดาของนางใช่หรือไม่” ท่านหมอมองหญิงตรงหน้าขึ้นลง นางไม่มีอาการขาดสารอาหาร อาจเป็นมารดาประเภทที่เอาเปรียบบุตรสาว เพราะรักบุตรชายมากกว่า เขาเห็นปัญหานี้มามากนัก “เจ้าค่ะ” เซี่ยฉิน และเซี่ยฉู่กลับกลั้นหายใจเพื่อฟังคำวินิจฉัยของหมอเฒ่า ขณะที่นางเซี่ยตื่นตัวเพียงเพราะอยากรู้ว่าบุตรสาวเป็นหมันหรือไม่ “ร่างกายของหญิงสาวพลังหยินอ่อนแอ ทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากแต่ยังพอมีหวัง ขอเพียงบำรุงนางให้มาก งดการใช้งานหนักโดยเฉพาะงานที่ต้องแบกของหนัก ข้าตรวจดูแล้วใช่ว่านางไม่เคยตั้งครรภ์ เพียงแต่ทำงานหนักเกินไปจึงแท้งโดยไม่รู้ตัว” คำพูดนั้นคล้ายสายฟ้าผ่าลงกลางหัวแม่ลูกสกุลเซี่ย เซี่ยฉู่เมื่อได้ยินก็ปิดหน้าร้องไห้ออกมาเบาๆทันที เซี่ยฉินได้แต่กอดปลอบพี่สาว ขณะที่นางเซี่ยคล้ายโดนตบหน้าอย่างแรงจนหน้าชา “ต่อไปต้องระมัดระวังให้มาก หญิงสาวที่ทำงานหนักมาแต่เด็ก หากไม่ได้รับการบำรุงให้ดีก่อนตั้งครรภ์ มักจะแท้งโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้ก็มีมาก ต่อไปก็ตั้งใจบำรุงนางให้มาก ไม่เกินครึ่งปีท้องก็เคลื่อนไหวอย่างแน่นอน ข้าจะเขียนเทียบบำรุงให้สองเทียบ ดื่มเช้าเย็นอย่างละเทียบเป็นเวลาครึ่งเดือน เว้นครึ่งเดือนดื่มไปครึ่งปี อย่าเห็นว่ามีราคาแพงเลย หากต้องการมีบุตรจริงๆให้นางดื่มตามนี้จะดี” “ขอบ…ขอบคุณท่านหมอ” แม่เซี่ยกล่าวอย่างเหม่อลอย จึงไม่ทันเห็นว่าฉีหรงมอบเงินให้ท่านหมอแล้ว “ขอบคุณท่านหมอ ช่วยตรวจดูครรภ์ของภรรยาข้าด้วยขอรับ” “อืม ครรภ์ดูดีทีเดียว ใบหน้าก็สดใสขึ้น แม้จะบำรุงแต่อย่ามากเกินไป ระวังเด็กตัวโตคลอดยาก อย่าให้กินเยอะเกินไป เน้นอาหารพวกถั่วเหลืองและผักผลไม้ให้มากขึ้น” “ขอบคุณท่านหมอ สำหรับภรรยาข้ามีเทียบยาบำรุงหรือไม่” “ครั้งก่อนที่ให้ไปก็เพียงพอแล้ว ดื่มครบเจ็ดวันก็ให้เว้นไว้ ดื่มอีกทีเดือนหน้าเทียบเดิมอีกเจ็ดวัน อายุครรภ์เข้าเดือนที่ห้าค่อยมาหาข้าอีกครั้ง” “ขอรับ ขอบคุณท่านหมอ” ฉีหรงเห็นสามสาวยังทำใจไม่ได้ก็มองท่านหมออย่างขออภัย “เอ้อ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หมอเฒ่าทำหน้าไม่ถูกนัก เขาพบคนไข้เช่นนี้บ่อยแล้ว เวลาที่ต้องแจ้งว่าหญิงสาวเคยแท้งมาก่อนโดยไม่รู้ตัวพวกนางมักจะรู้สึกผิด ต่อมาหมอเฒ่าจึงสร้างห้องตรวจไว้หลายห้อง ส่วนหนึ่งสำหรับหมอที่จ้างมาดูแลโรงหมอ อีกส่วนใช้สำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ ฉีหรงปลอบภรรยา เซี่ยฉินจึงได้สติก่อนใคร ก่อนพาแม่และพี่สาวกลับบ้าน นางเซี่ยรู้สึกตัวอีกทีเมื่อถึงบ้าน เอาแต่ประคองบุตรสาวคนโตไว้ไม่ปล่อยมือด้วยความรู้สึกผิด “ท่านแม่ นี่เป็นเทียบยาที่ท่านหมอออกให้ ห่อนี้สำหรับดื่มยามเช้า ห่อนี้ยามเย็น ดื่มไปครึ่งเดือนเว้นครึ่งเดือน ตลอดครึ่งปี” ฉีหรงค่อยๆอธิบายให้แม่ยายที่นิ่งเงียบไปมาก “ขอบใจเจ้ามากอาหรง นี่เป็นค่าหมอค่ายา แม่ลืมมอบให้เจ้า” “ไม่เป็นไรขอรับแม่ยาย” “ไม่ได้ นี่เป็น…รับไปเถอะอาหรง” นางเซี่ยไม่สามารถขัดคำสั่งสามีได้ นางจึงมอบเงินสี่เหรียญเงินซึ่งเป็นเงินเก็บเกือบทั้งหมดของบ้านเซี่ยให้ชายหนุ่ม ก่อนประคองบุตรสาวคนโตเดินเข้าบ้าน ฉีหรงเห็นเช่นนั้นก็ขับเกวียนพาภรรยาที่สีหน้าไม่ดีนักกลับบ้าน “พี่สะใภ้เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ รู้สึกไม่สบายตรงไหน” ฉีหรานเห็นใบหน้าพี่สะใภ้ซีดเผือดก็กังวล รีบพาอีกฝ่ายเข้าไปหามารดาทันที “อาหราน ข้าไม่เป็นไร พี่หรงข้าจะอยู่กับท่านแม่ ท่านไปช่วยท่านพ่อและน้องชายทำงานเถอะเจ้าค่ะ” ฉีหรงได้ยินก็พยักหน้ารับ ตัดสินใจไปช่วยน้องชายในทุ่งแม้วันนี้จะยังอยู่ในช่วงวันหยุดของตนก็ตามที เซี่ยฉินไม่ได้ปิดบังแม่สามี เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเดิมให้นางฉีหนิง และฉีหรานฟัง นางฉีสั่งสอนลูกสะใภ้ไม่กี่คำ ก่อนปลอบโยนให้นางนึกถึงหลานชายในท้องมากๆ เรื่องของบ้านเซี่ยก็ให้เป็นไปตามแต่แม่เซี่ยจะตัดสินใจเถอะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม