บทที่5 เห็ดหอม

2878 คำ
บทที่5 เห็ดหอม สามวันต่อมา บ้านฉีได้รับแขกมาถึงประตูเป็นแม่สื่อที่กลับมาบอกว่าตระกูลเซี่ยตกลงยอมรับการขอแต่งงาน ในขั้นตอนต่อไปคือการพูดคุยเรื่องสินสอดกับเจ้าสาวที่ตระกูลเซี่ย ด้วยความตื่นเต้นดีใจ นางฉีหนิงใช้แรงฮึดเพื่อขึ้นหลังสามีและถูกแบกไปที่บ้านเซี่ยซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบหลังคา ผู้คนจึงรู้ว่าบ้านฉีและบ้านเซี่ยกำลังจะแต่งงานกัน เมื่อมาถึงแม่เซี่ยออกมาต้อนรับก่อนและพาเจ้าสาวตัวน้อยออกมาด้วย ฉีหนิงมองดูใบหน้าหมองคล้ำของลูกสะใภ้แล้วไม่อาจทำหน้าดีดีได้ นางเซี่ยเห็นฉีหนิงสังเกตผิวของลูกสาวก็ยิ้ม “นี่ใกล้จะเก็บเกี่ยวฤดูร้อนแล้ว ไม่ต้องรีบแต่งงาน ยังมีอีกหลายเดือนก่อนจะถึงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง” ฉีหนิงได้ยินก็เข้าใจความคิดของผู้คน นางนั่งลงตรงข้ามและจิบน้ำที่ว่าที่ลูกสะใภ้นำมาให้ “แม่เซี่ย เราคิดไว้แล้วว่าอาหรงไม่เด็กแล้ว บ้านก็ยังไม่มีงานหนักคิดว่าจะแต่งงานก่อนหมดฤดูเก็บเกี่ยว แม่เซี่ยคิดอย่างไร” “นั่น…” นางเซี่ยครุ่นคิด ขณะที่เฒ่าเซี่ยกระทุ้งสีข้างภรรยาและพูดแทน “มาพูดเรื่องสินสอดกันก่อนดีกว่าแม่ฉี” ดังนั้นผู้ใหญ่จึงพูดคุยกันเรื่องสินสอด ขณะที่เด็กๆถูกทิ้งไว้ด้านนอก ฉีหรานและฉีปั๋วถูกพามากับฉีหรงด้วย พวกเขากลายเป็นเหตุผลอยู่เคียงข้างสองหนุ่มสาว แรกๆคนหนุ่มสาวเขินเกินกว่าจะคุยกัน เซี่ยฉินยังอับอายที่ผิวนางดำขึ้น ต่อมาฉีหรานเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไป โดยเฉพาะเรื่องการทำอาหารที่เซี่ยฉินมีความสามารถ ไม่นานบรรยากาศก็ผ่อนคลายลง เซี่ยหรงจึงพบว่าภรรยาของเขาฉลาดมาก นอกจากงดงามและฉลาด ยังทำอาหารอร่อย ทำให้เขาพอใจมากยิ่งขึ้น นางยังมีความขยันขันแข็งอีกด้วย แม้ในบ้านไม่ได้ใช้งานสะใภ้หนักมาก แต่ยังต้องดูแลบ้านและลูกๆให้ดี ยังมีไปช่วยงานในทุ่งอีกด้วย ดังนั้นทุกอย่างจะหารหมด หากได้ภรรยาที่ขยันก็ดีกว่าภรรยาที่เกียจคร้าน “มาเถอะ อาหรง พาน้องกลับบ้านก่อน” พ่อแม่เซี่ยจำต้องรับรองบ้านสะใภ้มื้อหนึ่งตามธรรมเนียม พวกเขายังกัดฟันซื้อเนื้อมาครึ่งจินและทำอาหารจานเนื้อเล็กๆเพื่อเอาหน้า โดยมีเซี่ยฉินเป็นคนทำอาหาร ฉีหนิงพึงพอใจฝีมือของสะใภ้มาก ตอนนี้ในบ้านมีฉีหรานทำอาหารคนเดียว แต่นางยังต้องเคี่ยวโจ๊กสำหรับตนเป็นพิเศษ หากมีคนมาแบ่งเบาก็จะดี ไม่ต้องพูดถึงฉีหรานชอบคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ให้นางมีเวลามากขึ้นเพื่อพัฒนาบ้านขึ้นอีก . หลังกลับมาจากบ้านเซี่ยพ่อแม่ฉีก็ปิดประตูนับเงิน กล่องเงินยังถูกเก็บไว้โดยแม่ฉีหนิง แต่มีฉีหรานมาช่วยจัดการ ดังนั้นเมื่อนับเงินอีกครั้งพวกเขาก็โล่งใจ แม้จะใช้เงินที่เก็บไว้ไปมากกว่าครึ่งและเหลือเพียงส่วนเล็กน้อย แต่ก็เบาใจลงได้เสียที ปีนี้ฉีหรงเพิ่งอายุสิบเจ็ดก็จริง แต่สะใภ้ดีดีก็หายาก ไม่ได้พูดว่ารุ่นต่อไปก็ยิ่งยากขึ้นหากยังรออยู่ลูกสะใภ้ชุดนี้คงแต่งงานออกไปหมดก่อน ฉีหรานไม่รู้ว่าใช้เงินสินสอดเท่าไหร่ แต่วันต่อมานางได้ขอให้พ่อและพี่ชายสร้างห้องเก็บอาหารขึ้นมาหลังบ้าน ต้องมีชั้นวางที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ มีที่วางไหและกระสอบข้าวซ้อนๆกันได้ นอกนั้นก็ไม่จำเป็นแล้ว ที่ให้ทำก่อนพี่สะใภ้เข้าบ้านก็เพื่อนางจะสามารถแวะมาเติมข้าวได้ตลอดเวลา ส่วนข้าวที่จะขายจะถูกวางไว้ที่บ้านบนเขาโดยตั้งใจสร้างโกดังเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่พูดคุยกันก่อนหน้านี้ ฉีหรานเห็นด้วยอย่างยิ่ง หากโกดังอยู่ในบ้านคงถูกจับผิดได้ง่ายว่าเอาข้าวมาจากไหน พ่อและลูกวางแผนกันอยู่นานก่อนแยกย้ายไปนอนและดับเทียนลง แม้จะยากจนแต่ฉีหยงไม่หวงเงินซื้อเทียน อย่างน้อยในแต่ละห้องจะมีเทียนให้ใช้หนึ่งแท่งเสมอ . หลายวันถัดมาพ่อเซี่ยและฉีหยงนำเวลาเกิดวันเกิดของลูกสาวลูกชายไปที่วัดเต๋าบนเขานอกเมืองเพื่อขอคำแนะนำจากไต้ซือ ถึงฤกษ์ยามในการแต่งงาน คำแรกที่ใต้ซือทักกลับทำให้ฉีหยงคิดมาก “ประสกได้รับโอกาสแล้ว ถนอมมันให้ดี” “ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะ” นายเซี่ยไม่เข้าใจแต่ไม่ได้ถามมาก หลังจากนั้นก็ถามเรื่องฤกษ์ยามกัน ไต้ซืออดพูดอีกหลายคำไม่ได้หลังจากมองดู “เป็นชะตากรรมโดยแท้ คู่ยวนยางกลับชาติมาเกิดและพบพานกันอีกครา ย่อมเป็นสัญญาณที่ดี ชีวิตเจริญก้าวหน้า ดวงชะตาเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน มาเถอะหากเลือกเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงจะดีมาก” ไต้ซือเริ่มคำนวนอีกครั้งก่อนจะให้วันและเวลาที่แน่นอน เป็นการสรุปได้ว่างานแต่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้าวันที่สิบห้า ฉีหรานได้ยินข่าวก็แสดงความยินดีกับพี่ชาย เพื่อให้ครอบครัวไม่ขาดแคลนเงิน หญิงสาวแลกธัญพืชหยาบออกมาใส่สองตะกร้าน้ำหนักรวมสามสิบจินและมอบให้พี่ชาย “พี่ใหญ่เข้าเมืองครั้งหน้านำสองตะกร้านี้ไปขายให้ร้านขายธัญพืช อาจได้ไม่มากแต่ยังสามารถหาเงินได้ ต่อไปเราจะทำกันเช่นนี้ด้วย” “จะเริ่มขายข้าวแล้วหรือ” ฉีหรงถาม คนอื่นๆยังสนใจด้วย ฉีหรานพยักหน้า “ตอนนี้โกดังที่ตีนเขาใกล้เสร็จแล้ว แต่ยังต้องซื้อเกวียนวัวเพื่อขนข้าว” ฉีหรานเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟัง ถนนด้านหลังสามารถไปถึงที่ดินของบ้านฉีได้โดยไม่ต้องผ่านหมู่บ้าน คนอื่นจะไม่สนใจการเคลื่อนไหวของบ้านฉี “เกวียนวัวแพงเกินหรือไม่” ฉีหยงที่ฟังอยู่กล่าวอย่างกังวล “ท่านพ่อ หากไม่ลงทุนจะได้กำไรอย่างไร ตอนนี้มีเงินเหลือในกล่องคือสองเหรียญเงิน ยังไม่สามารถซื้อวัวได้ก็จริง แต่หากข้าเข้าเมืองไปขายข้าวด้วย ก็จะมีเงินเพียงพอแล้ว” ฉีหรานตั้งใจใช้กลยุทธ์ขนข้าวโดยให้พี่ชายวนขายข้าวให้หลายๆร้าน นางต้องไปเติมข้าวด้วย ทุกคนรู้ว่าฉีหรานเสกข้าวได้จึงไม่พูดอะไร “ก่อนแต่งพี่สะใภ้อย่างน้อยต้องมีสองวันที่ส่งข้าวได้” ฉีหรานยังพูดต่อ “ระหว่างขายข้าวพี่ใหญ่ท่านจะสังเกตดูเถ้าแก่ในร้าน หากเจอคนดีให้ผูกมิตรไว้ หากเจอพ่อค้าหน้าเลือดเลิกสนใจและกาหัวไว้ว่าจะไม่ขายข้าวให้เขา” แต่เดิมข้าวเป็นที่ต้องการมากมาตลอด ที่สำคัญคือข้าวขาวจากระบบขาวกว่าในโลกนี้มาก ข้าวคุณภาพสูงหายากกว่า เมืองหนานอันอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมาก พ่อค้าสามารถทำกำไรได้หากขนไปในเมืองหลวง ฉีหรานยังรู้เรื่องนั้น แต่ในเบื้องต้นนางจะขายให้พ่อค้าข้าวในเมืองเล็กๆนี้ก่อน “ไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจระยะยาว กล่าวว่าเราบังเอิญแลกเปลี่ยนข้าวมาได้และต้องการนำมาขายเท่านั้น ต่อไปเราจะเข้าเมืองหลวงเพื่อขายข้าวแทน” เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของนางต่างตระหนก ไม่คิดว่าน้องสาวจะมีความคิดใหญ่โตเช่นนี้ “อาหราน เมืองหลวงซับซ้อนมีแต่ขุนนาง เราจะไม่เป็นอะไรหรือ” ฉีเมิ่งกล่าวอย่างกังวล แน่นอนทุกคนก็กังวล เขาย่อมกังวลกว่าทุกคนหนึ่งเท่าตัว “ข้าวของเรามีคุณภาพสูง ลูกค้าคือชนชั้นสูงทั้งหลาย มันจะขายได้อย่างแน่นอน แม้ไปเคาะประตูเพื่อขายก็ต้องทำ” “เมืองหลวงอยู่ห่างจากที่นี่เพียงวันเดียวก็จริง แต่ไปกลับในวันเดียวไม่ได้ เราจะนอนที่ไหนกัน ออกไปนอนวัดเต๋านอกเมืองหรือไม่” ฉีหรงเอ่ยถามน้องสาวด้วยเหตุผล ทำให้พ่อและแม่พอใจเมื่อมองลูกชาย สมแล้วที่เป็นลูกชายคนโต พึ่งพาได้จริงๆ “จะนอนโรงเตี๊ยมหรือวัดเต๋าก็ย่อมได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกท่านจะได้กำไรมากแน่นอน จำไม่ได้หรือว่าชีวิตก่อนพวกท่านทำกำไรได้มากเพียงใด” เมื่อฉีหรานพูด ทุกคนก็หันมองฉีหนิง นางเพียงแค่ยิ้มและทุกคนรู้แล้วว่าผู้เป็นแม่รู้ทุกอย่างแล้ว ฉีหนิงรู้และถามลูกสาวโดยส่วนตัวก่อน ฉีหรานย่อมไม่ปิดบังและเล่าทั้งหมดรวมถึงความคับข้องใจในชีวิตก่อนด้วย เพราะได้พูดคุยกับมารดาและถูกสั่งสอนอย่างถูกต้อง ฉีหรานจึงวางสิ่งที่ติดค้างในใจลงได้ในที่สุด “เอาล่ะ แยกย้ายกันไปนอนเถอะ เรื่องนี้ยังต้องพูดคุยกันอีกยาว ช่วงนี้ต้องสร้างบ้านและโกดัง ก่อนจะเริ่มเตรียมการเพาะปลูก” ด้วยเหตุนี้ทั้งบ้านจึงแยกย้ายกันไปนอน . หลายวันต่อมาเนื่องจากป่าไผ่บริเวณใกล้เคียงหมดแล้ว พี่น้องจึงออกค้นหาป่าไผ่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ฉีหรานต้องการเข้าร่วมด้วยและทุกคนไม่คิดค้าน รู้ดีว่าค่ายาของมารดาสูงมากและต้องการพืชมีค่าเพื่อแลกเปลี่ยน หญิงสาวค้างหม้อโจ๊กไว้บนเตาโดยแขวนไว้สูงกว่า ก่อนจะออกเดินทางกับพี่ชายคนโตและคนรองตั้งแต่เช้า ขณะที่คนอื่นๆไปช่วยงานก่อสร้างในที่ดินของครอบครัวหลังจากดูแลแปลงผักและไก่เรียบร้อย ทุกคนต้องมีใบไม้ที่เก็บจากหลังบ้านหนึ่งตะกร้าบนหลัง และในมือของสองคนที่โตกว่าอย่างคนที่สามและสี่ยังถือถังใส่มูลไก่ที่ถูกวางไว้ข้างเล้าไก่หลังทำความสะอาดเมื่อวานนี้ มูลไก่จะนำไปใส่ในหลุมปุ๋ยคอก และต้องพลิกกองปุ๋ยทุกๆสามหรือสี่วันแล้วแต่ว่าอากาศร้อนมากหรือไม่ ทุกคนเชื่อในตัวฉีหรานและทำตาม เมื่อนางบอกว่าต้องพลิกกองปุ๋ยไม่ให้ร้อนพวกเขาก็ทำตาม สามพี่น้องที่เข้าป่าเพื่อหาไม้ไผ่เพิ่มเติมตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับสมบัติ ฉีหรานบังเอิญพบท่อนไม้ผุพังซึ่งถูกลมฝนฟ้าคะนองโค่นลงไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ ที่สำคัญคือบนนั้นมีเห็ดหอมอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ เห็ดหอมไม่ใช่เพียงขายได้แพงกว่าในเมือง แต่ยังอร่อยมาก น่าเสียดายที่มันมีน้อยเกินไป ฉีหรานตัดสินใจส่งเข้าระบบครึ่งหนึ่ง และแบ่งครึ่งหนึ่งไว้ทำอาหารสำหรับครอบครัว ความจริงหากพบมากขนาดนี้บ้านฉีมักจะเก็บตากแห้งไว้กินทีหลัง แต่ฉีหรานมียาของแม่ที่ต้องซื้อด้วยแต้มจำนวนมาก มีประโยชน์กว่าหากขายในระบบ [เห็ดหอมเป็นที่นิยมมากในที่ห่างไกลแต่ล้วนถูกปลูกในห้องที่ควบคุมอย่างดีเท่านั้น ในยุคนี้ยังปลูกไม่ได้ ดังนั้นเห็ดหอมป่าจึงมีราคาแพงกว่ามาก] นี่เป็นเหตุผลที่เห็ดหอมขายได้หมดทันทีที่ลงขาย ซ้ำยังมีการขอแลกเปลี่ยนส่วนตัวจำนวนมาก ฉีหรานตัดสินใจติดต่อกับคนที่กดซื้อเห็ดหอมทั้งหมดในคราวเดียว ‘บอกผู้ซื้อ นอกจากเห็ดหอมยังมีเห็ดป่าอีกมากในยุคนี้ที่เขาหาไม่ได้ในยุคของเขา’ [ทำเช่นนั้นไม่ได้ เจ้านายลืมแล้วหรือ] ฉีหรานกลอกตารู้ดีแค่อยากลองดู สุดท้ายจึงบอกเพียงว่ามีเห็ดป่าอีกมากที่นางมี ทางนั้นจึงบอกให้นางนำเข้าระบบมาลองดูหากเขาต้องการเห็ดชนิดไหนจะถามเป็นพิเศษ และแลกเปลี่ยนโดยตรงแทน ระบบแลกเปลี่ยนนั้นสมชื่อ นอกจากวางขายด้วยระบบแล้ว ยังสามารถใช้การแลกเปลี่ยนส่วนตัวได้ด้วย การต่อรองเป็นไปได้มากกว่า ดีกว่าราคาที่กำหนดโดยระบบ อย่างไรก็ตามด้วยระดับปัจจุบันฉีหรานยังใช้งานการติดต่อส่วนตัวกับผู้อื่นเพื่อขอแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการไม่ได้ “อาหรานเป็นอะไรไป ไปต่อเถอะเห็ดหอมหมดแล้ว” ฉีเล่อปลุกน้องสาว เขารู้ว่านางกำลังติดต่อกับใครบางคนในใจด้วยกระแสจิตเพื่อทำการแลกเปลี่ยน นี่เป็นข้อแก้ตัวที่ฉีหรานเตรียมไว้ “พี่ใหญ่ พี่รอง ฝนเพิ่งตกไม่นาน ข้าขอดูเห็ดระหว่างทาง พวกท่านเดินไปก่อนเลย” “ระวังอย่าออกนอกเส้นทาง เดินตามพวกเรามาติดๆ” ฉีหรงกำชับ รู้ว่าทุกคนไม่เด็กแล้วภายใน จึงไม่ได้กังวลมากและเดินหากลุ่มต้นไผ่กับน้องชาย ขณะที่พวกเขาไปถึงป่าไผ่ ฉีหรานก็แทบร้องออกมาด้วยความใจตก เมื่อระบบทำการสแกนแล้วพบพันธุ์สัตว์ที่ล้ำค่า ฉีหรานไม่รู้ว่าความล้ำค่าวัดจากอะไร แต่ระบบยังชี้ทางให้นาง หญิงสาวเดินไปถึงต้นไผ่ที่ระบบบอก และเรียกพี่ชาย “พี่ใหญ่ พี่รอง ตัดไม้ไผ่ตรงนี้ให้หน่อยได้หรือไม่” ต้นไผ่ที่นี่มีความใหญ่กว่า พี่และน้องชายกำลังมองหาต้นที่เล็กกว่า เมื่อได้รับคำขอของน้องสาว พวกเขาก็ใช้ขวานจามต้นไผ่ทันที ต้นไผ่ล้มลงและมีหนอนตัวอ้วนสีขาวน้ำนมคลานไปมา ฉีเล่อตกใจเล็กน้อย ขณะที่ฉีหรงมองแปลกๆ “อี๋” ฉีหรานร้องขยะแขยงก่อนจะแตะมันเพื่อเก็บเข้าในระบบ ‘นี่มีค่าจริงมั้ย’ [มีค่ามาก ผู้คนยังชอบกินด้วย สามารถนำไปทอดหรือย่างเพื่อกินได้] ฉีหรานยิ่งแปลกใจเมื่อได้รับข้อมูล “นี่มันหนอนไผ่ พวกมันชอบกินต้นไผ่ ถ้าเจอคนจะไม่ใช้ไผ่ต้นนั้นเพื่อสร้างสิ่งของ ว่ากันว่าไผ่นั้นไม่ดีเพราะโดนกินไปมาก” ฉีหรงอธิบายให้น้องสาวฟัง “พี่ใหญ่ พี่รอง หากพบหนอนไผ่เก็บมาให้ดี เอาที่ยังมีชีวิตอยู่ยิ่งดี สามารถแลกเปลี่ยนได้” “ตกลง” ฉีหรงตอบรับทันที เขาคุ้นเคยกับการแลกเปลี่ยนทางจิตของน้องสาวแล้ว “นี่...มันน่าเกลียด เอาจริงๆงั้นหรือ” ฉีเล่อกลับลังเล ถ้าเป็นหนอนหรือไส้เดือนเขาไม่กลัว แต่หนอนไผ่ตัวใหญ่และอ้วนมาก มันน่าขยะแขยงเกินไป “พี่รองท่องไว้ เพื่อข้าว เพื่อความร่ำรวย” “เพื่อข้าว เพื่อความร่ำรวย อี๋” “เอาล่ะ เลิกเล่นเถอะ มาดูไผ่ก่อน” หลังจากฉีหรงเดินไปมารอบๆก็พบไผ่ขนาดที่ต้องการแล้วจึงเรียกน้องชายและน้องสาว ฉีหรานที่เก็บเห็ดอยู่ไม่ไกลก็รีบไป “อาหรานเจ้าลงไปตามทางและเรียกคนมาช่วยกันขนไผ่ ขามาทำทางไว้แล้วไม่หลงทางหรอก อย่าออกนอกเส้นทางเป็นพอ” “ตกลงพี่ใหญ่ข้าจะไป” ฉีหรานหันไปเก็บเห็ดที่เห็นจนหมด ก่อนจะเดินย้อนกลับไปตามทางเดิม ความจริงแม้นางจำทางไม่ได้ระบบก็ต้องจำได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องหลงทาง เดินลงมาถึงตีนเขาโดยใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีฉีหรานรู้สึกว่าป่าไผ่อยู่ไกลมาก หลังเรียกพ่อและพี่ชายขึ้นเขา นางก็เดินออกนอกเส้นทางเล็กน้อยเพื่อเก็บเห็ดและผักป่าที่เห็น โดยเฉพาะที่ขายในเมืองได้ เมื่อถึงตอนเที่ยงตะกร้าเห็ดก็เต็มพอดี จึงกลับบ้านเพื่อไปเตรียมอาหารให้มารดา วันนี้ยังมีน้ำเคี่ยวของเห็ดหอมราดหน้าโจ๊ก โจ๊กข้าวขาวเดิมๆที่กินทุกวันจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ฉีหนิงดูเหมือนมีความอยากอาหารมากขึ้นและกินโจ๊กหมดเกลี้ยง ฉีหรานเห็นเช่นนั้นจึงวางแผนว่าพี่ใหญ่เข้าเมืองครั้งหน้า ให้ซื้อหาเครื่องปรุงมาเพิ่มในบ้านจะดีกว่า มารดาจะได้กินอาหารได้หลากหลายและไม่เบื่อ คิดแล้วก็นั่งลงเมื่อนึกขึ้นได้ นอกจากในร้านค้าแล้วยังสามารถใช้งานระบบเพื่อแลกเปลี่ยนเครื่องปรุงออกมาได้เหมือนกันนี่นา ‘ระบบ ขอดูรายการเครื่องปรุงหน่อย’ [ขออภัยเนื่องจากความแตกต่างจากเทคโนโลยี ไม่มีผู้ขายเครื่องปรุงในยุคของท่าน] ‘จริงเหรอ แย่จัง’ ฉีหรานหงุดหงิดในใจ เป็นเช่นนี้แทบจะตลอดเวลาเลย หญิงสาวทำแก้มป่องไม่พอใจ [เมื่อระดับถึงสาม ยังสามารถซื้อสูตรการผลิตต่างๆได้บางอย่าง] เสียงระบบคล้ายปลอบใจเจ้านาย ฉีหรานรู้สึกดีขึ้นจริงๆ หญิงสาวเริ่มตื่นเต้นและอยากไปถึงระดับสามเร็วๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม