บทที่1 ตอบแทน

3324 คำ
บทที่1 ตอบแทน “อาหรานต้องการขึ้นเขา ข้าอาเล่อ อาเมิ่งจะตามนางไป อามู่อาปิง พวกเจ้าจะไปช่วยท่านพ่อล่าสัตว์” บ้านฉีไม่มีทุ่ง พ่อแม่ของเขาไร้ญาติขาดมิตร ดังนั้นจึงใช้เงินก้อนจากการชดเชยของทางการเพื่อมาตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านแห่งนี้ ในตอนนั้นพวกเขาออกมาจากเขตอาศัยของทหาร ในบ้านมีเด็กอยู่ห้าคนแล้ว ดังนั้นฉีหยงจึงมองการณ์ไกล ปลูกบ้านหลังใหญ่เอาไว้ก่อน เมื่อบ้านเสร็จเงินก็ไม่เพียงพอซื้อทุ่งอีกต่อไป ทำได้เพียงอาศัยของป่าเพื่อหากินเลี้ยงชีพม์เท่านั้น เพราะอย่างนั้นเมื่อลูกเลี้ยงสามารถหาข้าวให้บ้านได้ พวกเขาจึงดีกับนางมาก น่าเสียดายที่คนๆนั้นเป็นคนโกง และขโมยความดีของลูกสาวแท้ๆของเขาเอง แน่นอนฉีหยงกลายเป็นคนที่โกรธที่สุด แต่ใบหน้าเขาแข็งเกินกว่าจะแสดงอาการใดใดออกมา “เมื่อเช้ามีแต่ข้าวต้ม ข้าจะขึ้นเขาไปดูเห็ดและผักป่าลงมา” ฉีปั๋วกล่าวอย่างกระตือรือร้น แต่โดนพี่ชายทั้งห้าหยุดเขาเอาไว้ “เจ้ายังตัวเล็กแค่นี้จะขึ้นเขาเพียงลำพังได้ยังไง” ฉีหรงอดไม่ได้ที่จะดุน้องชาย ทำให้ทุกคนหันกลับมามองตัวเองด้วย พวกเขายังเด็กมากแม้ภายในจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม “พี่ใหญ่...ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปกับน้องหก วันนี้ท่านพ่อไปตกปลาไม่ได้ขึ้นเขา ให้พี่สี่ไปก็พอแล้ว” ฉีปิงเสนอขึ้นมา “ตกลง อย่าห่างจากพี่ชายเจ้า อาปิงดูแลน้องชายให้ดี” ฉีหรงมองน้องชายทั้งสาม “ไปตัดไผ่กันก่อน” เมื่อเป็นเช่นนั้นฉีปิงฉีปั๋วจึงตามพี่ชายขึ้นเขาไปด้วย ฉีหรานยังคงนั่งสานไม้ไผ่เงียบๆในห้องครัวซึ่งมีอากาศอบอุ่นที่สุดยกเว้นในห้องนอนหลัก นางไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องนอนหลักเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนท่านแม่ หญิงสาวได้ยินเสียงคนเดินไปหลังบ้านจึงยื่นหน้าออกไปดูและพบว่าพ่อและพี่ชายคนที่สี่กำลังมุ่งหน้าไปที่ลำธารหลังบ้าน คาดว่าต้องการตกปลา แต่ปลาไม่ได้ตกได้ง่ายๆ คันเบ็ดที่สร้างเองไม่ดีเท่าที่ซื้อจากในเมือง ตกปลาทั้งวันก็ไม่แน่ว่าจะได้รับปลาหรือไม่ อย่างไรก็ตามพวกเขายังพยายามเพราะปลามีผลดีต่อร่างกายฉีหนิงมากกว่าเนื้อ ฉีหรานเรียกระบบขึ้นมาในใจ นางไม่แน่ใจว่าใช้เวลาอีกกี่วันกว่ามารดาจะเสียชีวิต แต่ร้านแลกเปลี่ยนในระบบมียาอยู่มากมาย ปัญหาคือนางมีแต้มไม่เพียงพอ [ร้านค้าแลกเปลี่ยนตอนนี้ปลดล็อกเพียงข้าวสารเท่านั้น] เสียงสังเคราะห์ที่ดังขึ้นเหมือนค้อนหนักๆทุบหัว ฉีหรานวางของในมือลง ตัดสินใจว่าจะขึ้นเขาเพื่อหาพืชหรือสัตว์หายากมาส่งให้ระบบก่อน [ขั้นแรกใช้พันแต้ม] หญิงสาวนึกถึงชาติที่แล้วซึ่งตนเองได้รับพันแต้มมาโดยบังเอิญ เป็นเพราะพ่อและพี่ชายขุดโสมเลือดจากภูเขาลงมาได้ แม้เป็นต้นอ่อนเล็กๆแต่ก็สามารถขายให้ร้านยาในเมืองได้ ยิ่งยังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงก็ยิ่งมีราคาแพง ฉีหรานในตอนนั้นตื่นเต้นกับระบบจึงเลือกแอบส่งเข้าระบบไป ในตอนเช้าแม่และลูกสาวฟ้องพ่อและพี่ชายว่านางขโมยกินโสมต้นนั้น ทำให้หญิงสาวโดนลงโทษอดข้าวอดน้ำเป็นเวลาสามวันจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แค่คิดร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นมา ฉีหรานโกรธพ่อและพี่ชายจริงๆ แต่พวกเขาผิดที่โง่เขลาและเชื่อคำพูดของแม่และลูกสาวมากเกินไปเท่านั้น เมื่อทุกคนกลับมาอีกครั้งพวกเขาจะไม่โง่เขลาอีกต่อไป แต่ใช่ว่านางยินยอมจะให้อภัยพวกเขาในเร็ววัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไว้ใจ อย่างไรพวกเขาก็เป็นเลือดและเนื้อ ฉีหรานวางสัตว์ไม้ไผ่สานตัวเล็กๆลงในระบบ ก่อนจะเดินไปหยิบตะกร้าไม้ไผ่เล็กๆขึ้นสะพายหลังและออกเดินไปทางภูเขา ‘ระบบแลกเป็นข้าวเกรดต่ำกว่าที่มีได้มั้ย’ นางไม่ต้องการให้ข้าวอย่างดีแก่พี่ชายและบิดา พวกเขาไม่สมควรได้รับมัน [ลดคุณภาพข้าวสามารถเพิ่มได้แค่สองเหลียงต่อชั่งเท่านั้น ค่าส่งจำนวนมากมีราคาสูงกว่า] นี่เป็นกฎที่ฉีหรานไม่เข้าใจ ค่าส่งคืออะไร นางรู้เพียงว่าถ้าขายของเล่นแบบเดียวกันมากกว่ายี่สิบชิ้นจะได้รับแต้มที่น้อยลงมากและไม่คุ้มค่าเท่านั้น แต่นั่นเป็นผลมาจากค่าส่งที่ว่า ‘นั่นเพียงพอแล้ว’ ข้าวที่คุณภาพแย่ลงเล็กน้อย ก็เพียงพอให้นางพอใจแล้ว แถมยังได้รับข้าวเพิ่มขึ้นอีกสองเหลียงไม่ดีหรอกหรือ ถ้าพ่อและพี่ชายมีปัญหาก็สามารถอ้างเรื่องความประหยัดได้ พวกเขาไม่สามารถรู้ได้เสียหน่อยว่านางแลกเปลี่ยนของเล่นหนึ่งชิ้นได้รับกี่แต้ม และต้องใช้กี่แต้มเพื่อแลกอาหารหนึ่งจิน ฉีหรานพอใจในตัวเอง นางยังคงเดินไปที่ภูเขาหลังบ้านด้วยท่าทางสงบ เมื่อเดินผ่านพ่อและพี่ชายที่นั่งตกปลาอยู่ริมน้ำ และกำลังจะข้ามสะพานไม้ไผ่ ฉีมู่พี่สี่ก็วิ่งมาที่นาง “อาหรานเจ้าจะไปที่ใด” ฉีมู่มองบิดาด้วยความกระวนกระวายใจ “ข้าจะขึ้นภูเขา” “ข้าไปด้วย” ฉีมู่เลือกทิ้งพ่อในทันที ฉีหยงกลับไม่ว่าอะไรเขาเพียงพยักหน้าให้ลูกคนที่สี่ตามน้องสาวไป ฉีหรานเหลือบมองบิดาแล้วเพิกเฉยต่อสองพ่อลูก เดินข้ามสะพานเล็กๆที่มีไม้ไผ่วางอยู่เพียงสามท่อนผูกติดกันเป็นแพยาวจนถึงอีกฝั่งของลำธาร ฉีมู่ไม่ได้ตามน้องสาวไปทันที เขาวิ่งกลับบ้านเพื่อหยิบเหลียงและเกรียงไม้ ยังถือเสียมไม้เล็กๆก่อนจะวิ่งตามน้องสาวไปด้วยความว่องไว แม้ฉีหรานไม่ได้หยุดรอพี่ชายแต่นางก็ถูกตามทันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างเล็กๆนี้เพิ่งจะเจ็ดหนาวเท่านั้น อายุห่างกับพี่ชายคนที่สี่มากเกินไป ไม่แปลกที่จะถูกตามทัน “อาหรานเจ้ามองหาอะไร” ฉีมู่มองผักป่าที่ถูกเพิกเฉยด้วยสายตาเสียดาย หากอันไหนที่เติบโตมากและเด็ดได้ง่ายโดยไม่ต้องขุดเขาจะรีบเด็ดและรีบตามน้องสาว ด้วยเกรงว่าจะตามนางไม่ทันและพลัดหลงกัน แม้ภูเขาหลังบ้านจะเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของพวกเขาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ตอนนี้ร่างกายของพวกเขาไม่ได้เติบโตเท่าชีวิตที่แล้ว เขากลัวว่าน้องสาวจะหลงป่าแล้วหวาดกลัวเพียงลำพัง อีกทั้งความรู้สึกผิดทำให้เขาต้องการทนุถนอมน้องสาวให้มากที่สุด “พืช ยา ของหายาก” ฉีหรานกล่าวตอบสั้นๆ เมื่อเห็นพี่ชายเงียบไปจึงเสริมอีกประโยคเล็กๆ “ใช้แลกเปลี่ยนข้าวได้” “เจ้าหาของไปแลกเปลี่ยนข้าวหรือ” ฉีมู่ไม่ปล่อยให้น้องสาวเงียบ เขายังคงชวนคุย ในใจเกิดความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนั่น “สามารถแลกเปลี่ยนได้ ข้าว ยา” นั่นเป็นสองสิ่งที่ระบบสามารถแลกเปลี่ยนได้ในชาติก่อน เพราะไม่มีโอกาสได้ค้นหาของไปใส่ในระบบมากนัก จึงเปิดได้เพียงขั้นสามเท่านั้น แต่นั่นก็ใช้แต้มมากกว่าแสนแต้มแล้ว และแสนแต้มนั้นก็ถูกใช้พานางกลับมา หากไม่ใช่เพราะฉีหรานไม่สามารถกลับไปก่อนพ่อและแม่แต่งงานกันได้ ด้วยเหตุผลของระบบที่ว่านางยังไม่มีตัวตนในตอนนั้น หญิงสาวคงเลือกกลับไปก่อนที่พ่อแม่แต่งงานกันจริงๆ “จริงหรือ...ดี...ดีเหลือเกิน” ฉีหรานเหลือบมองพี่ชาย นางนั่งลงในกลุ่มหญ้าต้นเล็กๆ นี่เป็นสิ่งที่ขายได้ดีที่สุดในการแลกเปลี่ยนชาติที่แล้ว มันขายได้ต้นละ10แต้ม หนึ่งกอมีมากกว่าสิบต้น ฉีมู่เห็นน้องสาวเก็บหญ้าเลือดก็ช่วยขุดให้นางด้วย สองมือช่วยกันขุดไม่นานหญ้าเลือดกอนั้นก็หมดลง “หญ้านี้แลกได้” ฉีหรานไม่ลืมกล่าว “ตกลง พี่สี่จะจำไว้ อาหรานบอกพี่สี่ว่าของแบบไหนแลกได้บ้าง พี่สี่จะพาพี่ห้าเจ้าขึ้นมาขุดให้” “อย่าเก็บมามาก เพียงวันละห้าหรือสิบต้นก็เพียงพอ เก็บมามากแลกได้ไม่คุ้มค่า” ฉีหรานเพิกเฉยอีกครั้งก่อนจะเดินลึกเข้าไปในภูเขา หากเป็นชาติก่อนคงไม่กล้าเช่นนี้ แต่เมื่อเติบโตขึ้นนางคุ้นเคยกับภูเขาหลังบ้านมากขึ้น หญิงสาวเดินเข้าไปลึกก่อนจะหยุดลง ‘ระบบหักแต้มและสแกนที’ ระบบไม่สามารถใช้งานการสแกนพื้นที่ได้ฟรี มันอธิบายเรื่องพลังงานและแต้ม แต่ฉีหรานไม่เข้าใจ นางรู้เพียงว่าระบบระดับหนึ่งสแกนหาได้เพียงร้อยเมตรรอบๆตัว ระดับสองสองร้อยเมตร ระดับสามกลับเป็นสี่ร้อยเมตร ในชาติก่อนนางรู้วิธีใช้งานการสแกนขณะหนีจากแม่และลูกสาวคู่นั้น บังเอิญเก็บพืชล้ำค่าได้และแลกได้มากกว่าแสนแต้ม หากไม่มีช่วงเวลานั้นหญิงสาวคงไม่สามารถกลับมาได้ ไม่รู้ว่าควรขอบคุณแม่และลูกสาวคู่นั้นดีหรือไม่ [ไม่พบสายพันธุ์ที่เหมาะสม] คำตอบทำให้ฉีหรานหดหู่ การสแกนใช้ครั้งละสิบแต้ม และเพิ่มขึ้นตามระดับ แต่นางยังไม่ยอมแพ้และเดินจากจุดนั้นไปไกล เมื่อเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆฉีมู่ก็เริ่มกังวล ตอนนี้ผักป่าแทบจะเต็มตะกร้าหลังของเขาแล้ว แต่น้องสาวยังคงมีไม่กี่ชิ้นในตะกร้า ส่วนใหญ่เป็นเห็ดป่าด้วย เพราะฉีหรานจะหยุดเป็นพักๆเพื่อเก็บเห็ด ฉีมู่จึงมีเวลาเก็บผักป่ามากขึ้น พี่และน้องจึงเก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างมาก เมื่อคิดว่าเข้าป่าลึกเกินไปแล้วฉีหรานจึงเปิดใช้งานสแกนอีกครั้ง [พบสายพันธุ์หายากหนึ่งชนิด] เมื่อได้ยินคำพูดนั้นฉีหรานก็ดีใจจนแทบเต้น ‘อยู่ตรงไหน’ ฉีหรานมองหาจนทั่วแต่กลับไม่พบอะไรเลย [ด้านขวามือ อีกสองเมตร อยู่ใต้ใบไม้แห้งขนาดใหญ่ มีต้นพืชล้ำค่าอยู่ตรงนั้น ตรวจวัดความล้ำค่าได้2%] เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉีหรานก็เสียใจเล็กน้อย ค่าความล้ำค่ายิ่งมากยิ่งสามารถแลกเปลี่ยนเป็นแต้มได้มาก แม้จะน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยหากพืชต้นนี้แลกเปลี่ยนสำเร็จก็สามารถเพิ่มระดับได้อย่างแน่นอน หญิงสาวนั่งลงและค่อยๆเปิดพืชตรงหน้าขึ้นมา พืชต้นเล็กๆใต้ใบไม้แห้งมีใบสีเขียวอ่อน ยอดของมันค่อนข้างขาว ดูไม่ออกว่าเป็นพืชชนิดไหน แต่เมื่อระบบยืนยันว่าล้ำค่ามันย่อมมีราคาแลกเปลี่ยนแต้มสูง นางขุดมันขึ้นมาอย่างเบามือ ใช้ใบไม้ใหญ่ห่อเอาไว้อย่างระมัดระวังทั้งๆที่รากยังมีดินติด ก่อนวางไว้ด้านบนของตะกร้า ตัดสินใจหันหลังกลับลงเขาก่อนในวันนี้ ฉีมู่มองน้องสาวด้วยสายตาตื่นเต้นดีใจ เดินติดตามนางไปเงียบๆและไม่เข้าไปวุ่นวาย เมื่อมาถึงบ้านฉีหรานแยกเข้าครัวทันทีเพื่อทำอาหารเที่ยงให้มารดา ข้าวถูกต้มอีกครั้ง คราวนี้มีเพียงข้าวขาวที่แลกมาจากในระบบ ขณะที่ข้าวขาวเดิมในไหถูกเทรวมกับธัญพืชหยาบในอีกไหหนึ่งหมดแล้ว ฉีหรานยังแลกเปลี่ยนธัญพืชหยาบออกมาจากระบบ หนึ่งจินได้เพิ่มหนึ่งเหลียง หนึ่งกงจินจะได้เพิ่มสองเหลียง พ่อและพี่ชายกินเยอะ ให้พวกเขาประหยัดก็ดีเหมือนกัน ครอบครัวกินข้าวเพียงวันละสองมื้อ อาหารสามมื้อมีสำหรับมารดาเท่านั้น นางยังตั้งใจต้มซุปเห็ดให้มารดากิน ระบบบอกว่าเชื้อราเป็นยาอายุวัฒนะในยุคของมัน แต่ต้องเป็นเชื้อราที่หลากหลาย ฉีหรานจึงจัดการเลือกเห็ดหลายๆชนิดมาแกงให้มารดาดื่ม ฉีหนิงมองลูกสาวที่กตัญญูก่อนจะทอดถอนใจด้วยความอาลัย หลังดื่มยานางยังคงหลับไปเช่นทุกวัน ในตอนบ่ายฉีหรง ฉีเล่อกลับมาพร้อมกับไม้ไผ่มัดใหญ่บนหลัง พวกเขายังทำการเตรียมไม้ไผ่จนกลายเป็นเส้นสำหรับงานจักสานจากบนเขามาแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินกลางแดดในตอนกลางวัน ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านชายหนุ่มทั้งสองจึงนำไผ่ไปแช่ในสระน้ำ จากนั้นจึงไปช่วยฉีมู่ที่กำลังทำงานอยู่ในสวนผักเล็กๆของบ้าน ชาติก่อนงานดูแลบ้านทั้งหมดเป็นของฉีหราน แต่ชาตินี้นางไม่ทำ หญิงสาวดูแลตนเองและมารดาเท่านั้น ยังดีที่นางอุส่าห์ทำอาหารให้พ่อและพี่ชาย ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงดูแลอาหารการกินเองไม่ได้ ฉีหรานไม่ได้สานไม้ไผ่ในตอนบ่าย หลังแลกเปลี่ยนแต้มกับระบบหญิงสาวก็นั่งเล่นในห้องครัวซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของหญิงสาว [หญ้าเลือดมีการแลกเปลี่ยนแล้ว10ต้น ต้องการดูมั้ย] เสียงจากระบบทำให้ฉีหรานตื่นตัวแต่ไม่ได้เปิดดู เมื่อเช้านางส่งสัตว์ไม้ไผ่ตัวเล็กๆเข้าไปในระบบ แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าเจ้าประจำในชีวิตก่อนจะยังไม่ค้นพบ ดังนั้นงานสานสัตว์เล็กนี้โยนไว้ให้พี่ชายก็ย่อมได้ เมื่อคิดเช่นนั้นฉีหรานก็แช่ธัญพืชหยาบเอาไว้ในถังจำนวนค่อนข้างเยอะ ก่อนจะออกไปที่สวนด้านหลังซึ่งพี่ใหญ่และพี่รองอยู่ที่นั่น สวนหลังบ้านนี้อยู่ระหว่างพื้นที่บ้านฉีและลำธาร เพราะอยู่ห่างออกมาจากหมู่บ้านจึงสามารถใช้พื้นที่โดยรอบได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หมู่บ้านนี้มีพื้นที่ราบกว้างพอให้ชาวบ้านทำการเกษตรรอบๆบ้านได้ แต่ไม่นับว่าเป็นทุ่งเพราะไม่สามารถปลูกธัญพืชได้ด้วยลักษณะของพื้นที่ ฉีเล่อพี่รองเป็นคนแรกที่เห็นน้องสาว เขาโบกมือทักทายนางอย่างร่าเริงทันที ก่อนจะโดนพี่ชายคนโตดึงเอาไว้ ไม่เช่นนั้นชายหนุ่มคงกระโจนเข้าหานางจริงๆ ฉีหรานเพิกเฉยต่ออาการตื่นเต้นของพี่ชาย นางยังคงพูดถึงธุระของตัวเอง “ตอนนี้สัตว์เล็กๆไผ่สานยังใช้แลกไม่ได้มากนัก หากต้องการรูปแบบไหนข้าจะบอกให้พวกท่านสานอีกทีจะดีกว่าเพื่อไม่เป็นการสิ้นเปลือง” กระทั่งไผ่สานหากสดใหม่กว่าก็ย่อมดูดีกว่าเมื่อกลายเป็นของเล่น ฉีหรานไม่เคยขายของเก่าให้ลูกค้า “เช่นนั้น...เราขึ้นเขาเพื่อขุดหญ้าให้เจ้าดีหรือไม่” พี่ใหญ่เสนอทางเลือกอื่น แต่เดิมบ้านเขาหาของป่าขายอยู่แล้ว หากโชคดีเจอสัตว์ป่าก็ได้ล่า แต่หากโชคร้ายก็ได้แต่ผักป่าลงมา ไม่แปลกที่บ้านจะยากจนกว่าคนที่มีทุ่ง แม้ไม่อดอยากแต่ก็ไม่สามารถขยับขยายได้เลย “นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง ที่ข้าต้องการมากกว่าคืองานแกะสลัก” เมื่อได้ยินอย่างนั้น พี่สามฉีเมิ่งก็กระโดดขึ้นมาทันที ในช่วงปีที่แล้วเขาถูกฝากให้ทำงานในร้านไม้จึงเรียนรู้วิชามาบ้าง ในชีวิตก่อนเขายังฝึกปรือวิชาจนมีฝีมือ “น้องสาว เจ้ายังขายไม้แกะสลักได้หรือไม่” ฉีหรานพึมพัม เหตุผลที่นางรู้ว่าไม้แกะสลักแลกเปลี่ยนได้ เป็นเพราะนางหยิบปิ่นปักผมที่พี่ชายแกะสลักให้ตัวเองเพื่อขาย แต่ตอนนั้นเมื่อฉีเมิ่งรู้ว่านางทำปิ่นหายไป เขาก็โกรธมากและไม่พอใจนางอีกต่อไป รวมถึงไม่เคยมอบไม้แกะสลักใดใดให้อีก ฉีหรานยิ้มเยาะและทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ คล้ายพวกเขานึกถึงความหลังได้เช่นกัน ฉีเล่อจึงตบหัวน้องชาย “แลกได้แล้วอย่างไร เป็นเจ้าที่ตีน้องสาวหรือไม่” “อาเล่อพอเถอะ อาหราน...” ฉีหรงพี่ชายคนโตชะงักเล็กน้อยเมื่อมองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวและพูดต่อว่า “พี่ใหญ่รู้ว่าเจ้าโทษพวกเราทั้งหมด แต่มันก็เป็นความผิดของเราจริงๆ ในชาตินี้พวกเราพร้อมเป็นวัวเป็นม้าเพื่อตอบแทนเจ้า อย่าว่าแต่เจ้าไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้าวได้เลย อาหรานเป็นเด็กฉลาด เจ้ารู้ดีว่าตนเองสำคัญกับครอบครัวเพียงใด” ฉีหยงที่เดินมาจากลำธารหยุดมองลูกชายและลูกสาว ไม่นานเด็กชายคนอื่นๆในบ้านก็มารวมตัวกัน รวมถึงฉีปิงและฉีปั๋วที่กลับมาจากเก็บผักป่าบนเขาด้วย “ข้าไม่ได้ต้องการความสำคัญนั้น” ฉีหรานมองพวกเขาทีละคน ก่อนจะหยุดลงที่บิดา “ข้าแค่ต้องการครอบครัวที่สงบสุขและปรองดอง” นางหยุดเพียงครู่เดียวและถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความโกรธ “แต่พวกท่านให้ข้าไม่ได้ ข้าบอกว่าเป็นข้าวที่ข้านำมาพวกท่านไม่เชื่อ พี่สามหัวเราะเยาะ พี่สี่เกลี้ยกล่อมให้ข้าเลิกโกหก แล้วตอนนี้พวกเขาเรียกร้องให้ข้าไว้ใจได้อย่างไร” มองเด็กหญิงตัวเล็กๆที่หน้าแดงด้วยความโกรธจัด ฉีหยงเกือบจะโกรธ แต่คำพูดของนางเหมือนน้ำเย็นสาดหัวและทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะ ท่ามกลางความเงียบ สุดท้ายฉีหยงผู้เป็นพ่อจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะอาหราน ต่อไปนี้ตระกูลฉีจะอยู่ใต้เจ้า” คำพูดเดียวของพ่อทำให้ทุกคนตกตะลึง พวกเขามองอย่างไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกต้องหรือไม่ ฉีหรานเองก็ตกใจ “ข้าไม่ได้ต้องการเช่นนั้น” การที่นางพูดไม่ใช่เพราะต้องการอำนาจในบ้าน “นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะตัดสินใจ” ฉีหยงขัดและพูดต่ออย่างเด็ดขาด “ต่อไปเงินในบ้านอาหรานจะเป็นคนดูแล งานในบ้านก็เช่นกัน” ถึงจะพูดอย่างนั้นฉีหยงยังรู้ว่าบุตรสาวอยู่ใต้มารดา นางจะเชื่อฟังมารดาแม้ไม่ต้องเชื่อฟังเขาก็ตามที แต่บทบาทของหญิงและชายต่างกัน บ้านฉีไร้ระเบียบนับตั้งแต่นางฉีล้มป่วยมาสี่ห้าปีแล้ว ฉีหยงไม่สามารถจัดการได้ดีพอ ให้ฉีหรานจัดการจะดีกว่า อย่างน้อยข้าวก็มาจากนาง ฉีหรานเข้าใจความคิดของบิดาในที่สุดหลังทบทวนหลายครั้ง นางจึงไม่พูดประเด็นนี้อีกต่อไป “ข้าต้องการจัดการเรื่องการแต่งงานของตัวเองในภายภาคหน้าด้วย” ฉีหรานไม่ต้องการถูกข่มเหงในบ้านสามี อย่างที่เห็นหลายๆบ้านเป็นเช่นนั้น โชคดีที่มีหลายบ้านแต่งสามีเข้าบ้านได้ แต่น้อยคนที่จะยอม เว้นแต่เป็นชายหนุ่มเด็กกำพร้าหรือลูกคนจนจริงๆ “นั่น...ได้” ฉีหยงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะจำได้ว่าชีวิตก่อนหน้าฉีหรานทรมานแค่ไหนภายใต้ภรรยาใหม่ของเขา สุดท้ายจึงยอมลงให้นางอีกครั้ง “ชีวิตที่ผ่านมา พวกท่านจะตอบแทนข้าอย่างไรดี”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม