ตอนที่ 2
ฟางหรูแค้นเคืองไม่น้อย จึงทำให้เรื่องทุกอย่างปล่อยผ่านไป ในเมื่อมารขัดขวางความรักของมารดาได้จากไปแล้ว เช่นนั้นก็นึกเสียว่ายุติความแค้นเอาไว้เพียงเท่านี้ ยังดีที่ว่ามารดาเลี้ยงหรือฮูหยินรองยังมีจิตใจเมตตา แม้นางจะมีฐานะเป็นเพียงแค่ฮูหยินรองของจวนตระกูลเถา แต่นางก็ไม่เคยวางอำนาจ กดขี่ หรือพูดจาดูแคลนฟางหรูให้เจ็บปวดช้ำใจ
ชายชราเดินเข้ามายังเรือนด้านใน สีหน้าของเขารู้สึกไม่ดีนัก กระอักกระอ่วนไม่น้อย เมื่อพบเจอนายท่านของตนจึงได้เอ่ยขึ้นทันที “นายท่านขอรับ ใต้เท้าหลิวมาเยี่ยม แล้วอยากพบกับคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ”
“พี่ใหญ่เห็นทีว่างานนี้ท่านจะได้พบคู่หมั้นเร็ว ๆ นี้เป็นแน่” เถาจื่อหมิง น้องชายตัวแสบวัยเพียงแค่สิบห้าปี แต่ฝีปากกลับร้ายกาจนัก อีกทั้งยังชอบสร้างเรื่องวุ่นวายไม่เว้นวัน พูดขึ้นมาเสียก่อน เพราะตนเองนั้นรู้คร่าว ๆ ว่าพี่สาวของตนมีคู่หมั้น แต่ก็ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ยามนี้รู้ว่าเป็นท่านรองแม่ทัพแห่งเมืองหลวง หน้าที่การงานใหญ่โตไม่เบา
“เจ้าเงียบไปเลย ไม่งั้นข้าจะตีเจ้าให้ตายคามือเสียตรงนี้” ฟางหรูยกมือขึ้นมาทำทีท่าคล้ายจะจัดการสั่งสอนน้องชายต่างมารดาให้รู้จักเสียบ้าง แต่ยังไม่ทันได้ลงมือตีอีกฝ่ายดั่งที่ปากพูด
“ท่านพ่อ ดูพี่ใหญ่สิขอรับ เอะอะก็จะตีข้าให้ได้” เจ้าตัวดีกล่าวฟ้องขึ้นมาทันควัน พี่สาวยังไม่ได้ลงมือตีเสียด้วยซ้ำไป ยังกล่าวใส่ร้ายหน้าตาเฉย ทำให้บิดาและมารดากลั้นหัวเราะแทบจะไม่ไหว สองคนพี่น้องแม้จะต่างมารดากลับสนิทสนมแนบแน่นราวกับเกิดจากมารดาเดียวกัน
“เจ้าตัวดีหยุดแกล้งพี่สาวของเจ้าได้แล้ว” เหวินซื่อกล่าวขึ้นมา นางคือฮูหยินรอง ภรรยาคนที่สองของท่านพ่อ แต่ทว่าฮูหยินเอกนั้นคือ เย่วซื่อ มารดาของเย่วฟางหรู เหวินซื่อมักจะเป็นคนคอยไกล่เกลี่ยระหว่างน้องชายตัวแสบชมชอบพูดเย้าแหย่กลั่นแกล้งพี่สาวเช่นนี้
ส่วนพี่สาวผู้แสนดีแต่ทว่าดื้อเงียบกลับมีฝีปากร้ายใช่ย่อย อีกทั้งยังเก่งกาจแก่นแก้วเกินสตรีอีกด้วย รวมแล้วสองคนพี่น้องแสบทั้งคู่ก็ว่าได้ แม้ว่าจะอายุห่างกันเพียงแค่ห้าปีเท่านั้น หากน้องชายตัวดีมีเรื่องเมื่อไหร่ก็มักจะวิ่งแจ้นมาพบพี่สาวให้ออกหน้าจัดการทุกครั้งไป
“ท่านแม่ก็เข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ ข้านี่คือลูกชายของท่านนะ” เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นมา มิได้น้อยใจแต่อย่างใด แต่ก็อดที่จะอิจฉาพี่สาวไม่ได้ ที่ท่านแม่เข้าข้างเสมอ เขาทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปทุกครั้ง
ฟางหรูแอบกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นจึงได้เอ่ยขึ้นมา “แม่รองเจ้าคะ เห็นที่ว่าจะต้องส่งเจ้าตัวแสบไปเรียนโดยเร็วเสียแล้ว จะได้มีท่านอาจารย์สอนสั่งให้รู้เสียบ้างว่า เป็นชายจะต้องเสียสละแทนสตรี ก็เหมือนท่านแม่ของเจ้า ก็เป็นท่านแม่ของข้า ดังนั้นท่านแม่จึงรักข้ามากกว่าเจ้าอย่างไรเล่า” พี่สาวยิ้มเยาะอย่างผู้มีชัยชนะ
“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองอย่าเพิ่งโต้เถียงกันเลย ออกไปพบท่านลุงหลิวก่อนเถิด หากให้รอนานไป คงไม่ดีนัก” เถาจื่อเทากล่าวขึ้นมา พยุงเหวินซื่อภรรยาของตนให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน จากนั้นจึงได้ออกคำสั่งอีกครั้งว่า
“หรูเอ๋อร์ แต่งกายให้งดงามกว่านี้เสียหน่อย มิใช่แต่งตัวเหมือนผู้ชาย” จื่อเทากล่าวขึ้นมา มีลูกสาวคล้ายว่ามีลูกชายอีกคน ตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะปวดหัวไม่น้อย ลูกสาวมักจะแต่งกายเป็นบุรุษ ออกเดินเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นประจำ งานเย็บปักถักร้อยของสตรีในห้องหอ นางทำไม่ได้สักอย่าง
มักจะชอบจับอาวุธเป็นท่อนไม้ ฟาดเข้าที่หุ่นฟางเสมอ เขาปวดใจทุกครั้ง เห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ จะมีชายใดกันกล้ามาสู่ขอนางเป็นภรรยา เห็นทีว่าคนที่จะจัดการนางได้ก็คงจะมีเพียงแค่ว่าที่ลูกเขย รองแม่ทัพหลิวแห่งเมืองหลวงเท่านั้นกระมัง
“ท่านพ่อ!” ฟางหรูร้องตกใจที่บิดากล่าวเช่นนี้ออกมา “ก็ข้าแต่งตัวเช่นนี้มันสบายนักจะนั่งจะเดินก็สะดวกยิ่ง” นางกล่าวขึ้นมาตีหน้ามึนใส่บิดาอีกด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่ ใครจะกล้ามาขอท่านเป็นภรรยากัน กระโดกกระเดกเหมือนม้าพยศเช่นนี้ เป็นข้าต่อให้มีทองสิบหีบจ้างก็ไม่เอา” น้องชายตัวแสบกล่าวขึ้นมา พลางกลั่นแกล้งพี่สาวและวิ่งหนีไปทันที ปล่อยให้พี่สาวโกรธจัดจนควันออกหู อย่าให้จับตัวได้เชียวจะจัดการสั่งสอนเสียให้เข็ด แต่ทว่าน้องชายยังออกปากเช่นนี้ บิดาก็ส่ายหน้า เหวินซื่อก็หัวเราะอีกด้วย ฟางหรูรู้สึกอับอายนัก พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ท่านแม่” ฟางหรู หาคนช่วยจึงได้อ้อนมารดาเลี้ยงเข้าให้ “ท่านดูสิ น้องรองช่างกล่าวหนักเกินไปแล้ว”
“หรูเอ๋อร์ ไปแต่งตัวเสียใหม่ อย่าทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้าเด็ดขาด ทางนั้นคงจะมาดูตัวเจ้าเป็นแน่ อีกอย่างห้ามทาหน้าอัปลักษณ์นะ มิเช่นนั้นแม่รองจะลงโทษเจ้าอย่างหนักทีเดียว” ถึงใบหน้าจะแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่นี่คือคำสั่งของนาง ฟางหรูเองเข้าใจเป็นอย่างดี นางไม่ได้กลัวแม่เลี้ยง แต่เกรงใจเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้ว เบี้ยหวัดรายเดือนได้ลดลงมาแน่ ๆ
“เจ้าค่ะ แม่รอง” ใบหน้าหงอยเหงาราวกับไก่ถูกต้มทีเดียว น้ำเสียงเศร้าสลดลงมาทันที สาวใช้ที่คอยรับใช้ต่างก็ก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ ใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่งของฮูหยินรองได้กัน ขนาดคุณหนูใหญ่ผู้ดื้อรั้นเอาแต่ใจยังต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับคำพูดของฮูหยินรองแต่โดยดี
สาวใช้จับจูงคุณหนูให้เดินออกจากห้องแต่โดยดี คล้ายกับลากคุณหนูไปก็ว่าได้ แม้ว่าจะขัดขืนอยู่เล็กน้อยก็ตามที แต่ทว่าถูกสายตาเกรี้ยวกราดของเหวินซื่อนั้นทำให้เย่วฟางหรูรีบก้มหน้าเดินตามสาวใช้แต่มิปริปากบ่นสักคำ
“คุณหนูไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะแต่งตัวให้ท่านเสียใหม่” สาวใช้คนสนิทกล่าวขึ้นมา นางคือเสี่ยวเสียนสาวใช้ที่คอยดูแลรับใช้คุณหนูใหญ่ พร้อมกับสหายอีกสามคน ดังนั้นในเรือนนี้อำนาจเด็ดขาดแม้จะขึ้นอยู่กับฮูหยินรอง
แต่บรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหลายก็ต้องเคารพคุณหนูใหญ่เป็นเจ้านายอันดับสูง ทัดเทียมกับฮูหยินรอง นี่คือคำสั่งของฮูหยินรองที่ได้แจ้งกับบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหลาย ดังนั้นปัญหาแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงในจวนตระกูลเถาจึงไม่เกิดขึ้น
“ข้าอยากจะแต่งตัวอัปลักษณ์” ฟางหรูคิดแผนการขึ้นมา นางคงหลงลืมไปสิ้นแล้วว่าเมื่อครู่ท่านแม่กำชับอันใดนางเอาไว้กันแน่
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินรองกำชับเอาไว้แล้ว มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษทั้งท่านและก็ข้าด้วย” เสี่ยวเสียนกล่าวขึ้นมา สีหน้าของนางดูจะกังวลใจไม่น้อย พลางส่งเสียงดุใส่คุณหนูของตนเองอีกด้วยซ้ำไป ไม่นึกเกรงกลัวสักนิด
ฟางหรูหน้าหงอยเหงายิ่งนัก อีกทั้งยังหน้าตาบูดบึ้งมิพอใจอีกด้วย แต่ทว่ามีชายคนหนึ่งแอบติดตามท่านลุงของตนเองมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อมาพบหน้าว่าที่คู่หมั้นของตนเอง เขาซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ พบเห็นหญิงสาวพูดจากับสาวใช้ ทำให้เขายิ่งสนใจนางนัก แม้ใบหน้าจะดูงดงามบาดตา ท่าทางของนางคล้ายบุรุษยิ่งนัก ทำให้เขารู้สึกสนอกสนใจแม่เด็กสาวแก่นแก้วคนนี้เข้าให้เสียแล้ว
“ก็ได้ อย่าให้เจอว่าที่คู่หมั้นของข้าเชียว ข้าจะเล่นงานจนกลับเมืองหลวงไม่ถูกเลย”