(มหกรรมงาน BxMax แฟร์)
ภายในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง มหาวิทยาลัย BxMax เดิมชื่อมหาวิทยาลัย B มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่วุ่นวายจากการตัดเตรียมร้านค้าภายในงาน สัปดาห์นี้เป็นเทศกาลงานแฟร์ซึ่งมีเหล่านักศึกษาและพ่อค้า แม่ค้าบุคคลากรภายนอกที่นำสินค้าและอาหาร ของใช้มากมายนำมาขาย
ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวน้อยน่ารักสุดเปิ่น อย่างปลายฝัน ปาลิตา ซึ่งฉันจะพลาดงานสำคัญเช่นนี้ไปได้ยังไง และวันนี้ฉันไม่ได้มาเป็นแม่ค้าขายของกินจุกจิกอย่างกับที่ผ่านๆมา ร่างบางในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทสั้น ผมยาวสีดำถูกดัดปลายม้วนเป็นลอนรวบจุกมัดขึ้นกลางหัว รับกับใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ฉบับลูกครึ่งญี่ปุ่นที่ได้เชื้อญี่ปุ่นมาอันน้อยนิด 1.1 เปอร์เซ็น มองผิวเผิน ที่เหลืออีก 99 เปอร์เซ็นไทยล้วนๆ ในมือทั้งหอบหิ้วกระเป๋าสีรุ้งขนาดใหญ่ไซส์จัมโบ้แบบไม่ห่วงสวย หลังจากที่เลิกคลาสสุดท้ายของวันในเวลา 5 โมงเย็น
“แกอีซันเร็วๆ หน่อยดิ ไหนพวกมึงสองคนบอกจะช่วยกู มาหิ้วถุงนี้ไปด้วยกันไง มาเดี๋ยวนี้” ปลายฝันนักศึกษาปี 2 ดีกรีสาวน้อยหน้าสวยตุ๊กตาประจำห้อง หันไปสั่งความสองสาวเพื่อนสนิทอย่าง ซันนี่และเอิงเอย
“อิเอิง มึงดูมัน สภาพถุงที่มันจะให้กูหอบ อิปลายมึงไม่มีกระเป๋าสวยๆ เก๋ๆ น่ารัก ให้กูกับอิเอิงหอบแล้วหรือไง นี้มันกระเป๋าตัดอ้อยป้ากูชัดๆ” ซันนี่สาวสองต่อว่าคนสั่งความ
“มึงอย่ามาว่า กระเป๋ายายกูนะอิซัน ถึงจะเชยและเก่าไปหน่อย แต่กูรักกระเป๋าใบนี้มาก” เพราะกระเป๋าใบนี้ฉันใช้ขนของไปขายเป็นประจำ สองนางนี้ไม่ชินอีกเหรอ แหมกล้าดียังไงมาว่าของรักของฉัน
“ถุงที่ไหนจะน่ารักเท่าของกู ไม่มีแล้ว มึงจะเอาหรือเปล่าตังอะ มึงจะเอาไหมคะ อิคนรวย” ปลายฝัน มือเท้าสะเอว หันไปต่อว่าคนเรื่องมากอย่างซันนี่พร้อมเอาเรื่องเพื่อนตัวดีสุดๆ ยัยนี่ก็พอๆ กับฉันที่เข้ามาเรียนมหาลัยเอกชนแห่งนี้ได้เพราะนางเป็นเด็กทุนนักกีฬา
ส่วนยัยเอิงเอยเป็นเด็กทุนเรียนดีเกรดเฉลี่ย 4.00 ชาตินี้คนสวยน้อยอย่างฉันก็ไม่ทีทางได้เกรดเฉลี่ยที่แตะเพดานชนิดชนท้องฟ้าแบบนั้นเด็ดขาด ส่วนฉันคนที่แหกปากพูดไม่หยุด นี้เป็นเด็กทุน เจ้าของมหาวิทยาลัย ลุงของฉันเป็นคนดูแลบ้านพักเจ้าของมหาลัยที่เขาใหญ่ ฝากฉันเข้าเรียนที่นี่ แต่ถึงฉันเป็นเด็กทุน แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ฉันต้องจ่าย คนสวยอย่างฉันเลยต้องหาตัง ด้วยการสวมบทเป็นแม่ค้าตลาดนัดอย่างที่เห็นในวันนี้ไงละ แต่ฉันไม่ได้ทำทุกวันหรอกนะ ทำแค่ช่วงที่มหาลัยมีงานแฟร์เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ฉันมีงานทำ ว่างจากเรียน ฉันทำงานเป็นเอ็กซ์ตร้าเรียก ง่ายๆ ก็คือ ตัวประกอบกองถ่ายละคร เอ็มวี โฆษณา วิ่งผ่านกล้อง 1.1 วิไรงี้ เพราะฉันไม่ใช่คนสวยมากหรือโดดเด่น เข้าตาผู้กำกับ อย่างมากเป็นได้แค่ตัวประกอบ ทำงานเบื้องหลังกองละคร โฆษณา เอ็มวี เท่านั้นแหละ แต่นั้นลึกๆ ความฝันของฉันก็อยากเป็น ดารา นักแสดง ไรงี้นะ เพราะรายได้ดีมากๆ นั้นอะฝันฉันเลย
มาแนะนำตัวกันหน่อย ฉันเป็นลูกครึ่งไทย ญี่ปุ่น ซึ่งฉันบอกใครไป ก็ไม่มีคนเชื่อหรอกนะ ส่วนมากจะบอกว่าฉันมโนเพ้อเจ้อ นอกจากหนังหน้าไม่ให้ ได้เศษเสี้ยวคนญี่ปุ่นมาอันน้อยนิดแล้ว ลูกครึ่งอย่างฉันก็ จนมาก แบบจ๊น จน สาเหตุที่ไม่มีใครๆ เชื่อฉัน เพราะใครๆ ก็คิดว่า ลูกครึ่งต้องรวย เป็นลูกคุณหนูเรียนโรงเรียนอินเตอร์ นานาชาติ ไรงี้ แต่ยกเว้นลูกครึ่งอย่างฉันไว้คนหนึ่งละกันที่จ๊นจน จนมากๆ เรียนจบโรงเรียนวัดในตัวอำเภอ ต่างจังหวัดธรรมดานี้แหละ
ฉันเกิดที่ญี่ปุ่น แม่ฉันเป็นแรงงานต่างด้าวได้เสียกับชาวญี่ปุ่น พอฉันอายุ 4 ขวบแม่ฉันก็ส่งฉันมาอยู่กับคุณยายที่ต่างจังหวัด ตั้งแต่จำความได้คุณยายเป็นคนเลี้ยงฉันมา ฉันเจอหน้าแม่ครั้งสุดท้ายตอน 10 ขวบ จนกระทั่งยายฉันเสียเมื่อตอนอายุ 18 ฉันเหมือนคนบ้านแตก ไม่เหลือใคร พ่อฉัน ครอบครัว ฉันไม่เคยเจอ แม่มีครอบครัวใหม่กับสามีเป็นชาวญี่ปุ่นเช่นเดิม ฉันมีน้องต่างบิดา 2 คน แต่แม่ก็ไม่เคยส่งเสียฉันเพราะแม่อยู่ที่โน้นก็ทำงานเกษตรเลี้ยงน้องๆ ฉันย้ายมาอยู่กับลุงและป้าดูแลรีสอร์ตที่เขาใหญ่ และได้พบกับป้ารีน ภรรยาเจ้าของมหาลัย ท่านเห็นฉันขยันและอายุยังน้อย ให้ฉันเข้าเรียนต่อที่นี่ยังไงละ
“เออ ก็ได้ แต่กูถือถุงใบนี้นะ” ซันนี่หอบถุงสีดำที่ตั้งอยู่ข้างๆ กระเป๋าถุงไซส์มหึมาสีรุ้ง แบบนั้น ใครมันจะหอบลงจากตึกละ จากนั้นทั้งสองสาว หนึ่งชายในคราบสาวสวยก็ช่วยกันหอบกระเป๋าพะรุงพะรังออกจากตึกไปยังล็อกขายของโซนนักศึกษาที่พวกเธอจับจองพื้นที่เอาไว้ เพื่อนที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ก็ยัยสองตัวนี้แหละ
ไม่นานทั้งสามสาวก็ช่วยกันจัดเสื้อผ้ามือ 1 และมือ 2 นั้นจัดร้านเสร็จสับ
ทว่าขณะที่ปลายฝันวุ่นวายจัดของหน้าร้านอยู่นั้น ซันนี่กับหยิบเสื้อผ้าในถุงนั้นกองรวมกันขึ้นมา
“พระเจ้า แกนี้มันเสื้อผ้า แบรนด์เนมทั้งถุงเลยนิ อิปลายมึงไปขโมยของใครมา แกมันมีแต่ตัวใหม่ๆ งานดี ทั้งนั้น” ซันนี่ถามด้วยสีหน้าสงสัย เพราะมันใหม่มาก เหมือนใช้งานไม่กี่ครั้ง
“ของคนรู้จักน่ะ...” ปลายฝันตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไร
“แกของแบรนด์เนม แบบนี้เราจะขายตัว 50-60 ไม่ได้ นะ ของดีมาก”
“แกจะอะไรนักหนาฉันได้มาฟรีๆ มีผู้ใหญ่ใจดี ยกให้นะ ขายๆ ไปเถอะ” แบรนด์เนมไม่แบรนด์เนมแล้วไง สวมเข้าไปก็ใส่ได้เหมือนกัน
“เสื้อกีฬาสีแดง นี้มันของเด็กถาปัตถ์หนิ อิปลายมึงเอามาจากไหน กูไม่ขายของโจรนะมึง” ยิ่งค้นซันนี่เอิงเอยสองสาวถึงกับตาลุกวาว เพราะมันเป็นเสื้อผ้าผู้ชายแทบจะทั้งกระเป๋า
“กูไม่ได้ขโมยมา แม่พี่ไทม์เขาให้กูมา เขาโล๊ะตู้เสื้อผ้าหนะ”
“พี่ไทม์ ถาปัตย์ปี 4” ทั้งสองสาวถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ
“อืม”
“อร้าย...กรี๊ด กูเอาค่ะ กูไม่ขายแล้วคะ กูขอเหมาหมดนี้ อิปลายมึงเอาเท่าไหร่” ซันนี้ต่อรองราคา
ด้านซันนี่พอปลายฝันบอกเป็นเสื้อพี่ไทม์ รุ่นพี่ปี 4 หนุ่มหล่อสุดฮอตเบ้าหน้าฟ้าประทาน เทพบุตรที่สาวๆ ในรั้วมหาลัยคลั่งไคล้นักหนา ดีกรีทายาทรุ่นที่ 3 เจ้าของมหาลัย BxMax เท่านั้นแหละ ซันนี่เอิงเอยสองสาวถึงกับกรี๊ดลั่นตลาดแทบแตก
“กูไม่ขายให้พวกมึงสองคน” ปลายฝันไม่พูดเปล่า แต่กับแย่งเสื้อในมือของซันนี่มาหอบไว้แนบอก
“อ้าวอิปลาย มึงนี้เป็นแม่ค้าประสาอะไร ลูกค้าจะซื้อมึงไม่ขาย” ซันนี่สาวสวยหุ่นร่างชาย สวยถึกและบึกบึนมือเท้าสะเอวต่อว่าแม่ค้ามือสมัครเล่นอย่างปลายฝัน
“พวกมึงลืมไปแล้ว เหรอวันนี้ มึงกับมึง มาเป็นแม้ค้ากับกู อิซันมึงอย่า...” ปลายฝันต่อว่าซันนี่สีหน้าเอาเรื่องสุดๆ
“ก็แค่เสื้อ พวกมึงจะอะไรนักหนา”
“โอ้ย...อิปลายมึงนี้มันช่างไม่รู้อะไร เสื้อแบรนด์เนมทั้งกอง และไหนจะเป็นเสื้อพี่ไทม์ หนุ่มหล่อสุดฮอตในมหาลัยเราอีก มึงรู้ไหม ขาย 50 60 มึงเชื่อเถอะ ไม่ถึง 10 นาทีกองนี้หมดในพริบตา”
“หมดเร็วก็ดีน่ะสิ กูจะได้รีบกลับไปนอน หรือพวกมึงจะไม่ขาย” ปลายฝันถาม
“ขายย่ะ แต่มึงจะขายราคานี้ไม่ได้ค่ะ” ปลายฝันทำหน้าไม่เก็ท
“ขายแบบนั้น มันจะไปสนุกอะไร” เอิงเอยในสมองที่คิดอะไรได้นั้น หันมากระซิบที่ข้างหูเพื่อนสนิท
‘น่าสนุกดีแฮะ’ ปลายฝันที่ฟังเช่นนั้นถึงกับตาลุกวาว