เหยาอิงหมิงลางานสามวันโดยแจ้งกับหัวหน้ามือปราบสวีว่าตนเองจำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมบิดามารดา เขาให้พ่อค้าผู้หนึ่งช่วยซ่อนภรรยาออกจากเมืองแล้วขี่ม้าไปรับที่ชายป่า จากนั้นก็พากันเดินทางไปยังหมู่บ้านห่างไกลที่บิดามารดาของเขาไปอาศัยอยู่
เฉินอ้ายเหม่ยคิดว่าครอบครัวของเขาน่าจะลำบาก แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นเรือนใหญ่นอกหมู่บ้าน มีสาวใช้และบ่าวรับใช้อยู่หกคน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าขายบ้านในเมืองเชียนเยาแล้วมาซื้อที่ดินที่นี่ไว้ จากนั้นก็มาสร้างบ้านและนำบ่าวรับใช้มาปักหลักอยู่ที่นี่ คนในหมู่บ้านเช่าที่ดินทำกินของพวกเรา”
สายตาของเฉินอ้ายเหม่ยฉงน “เหตุใดท่านพี่จึงอยู่ตัวคนเดียวในเรือนเล็กเช่นนั้น? ซ้ำไม่มีบ่าวและสาวใช้ด้วย”
“ข้าชินเสียแล้ว อยู่คนเดียวก็สบายดี ข้าไม่สะสมข้าวของมีค่าไม่จำเป็นต้องมีคนรับใช้ ชีวิตมือปราบเอาแน่เอานอนไม่ได้ บ้านหลังนั้นข้าขอให้ท่านพ่อซื้อให้เพราะเห็นว่าเรือนพอดีอยู่คนเดียวและมีบริเวณกว้างพอประมาณ”
เฉินอ้ายเหม่ยจึงเพิ่งเข้าใจที่เขาบอกว่าเงินเบี้ยหวัดไม่ค่อยได้ใช้ เพราะทางบ้านเขาฐานะดี บิดามารดาไม่ต้องการเงินเบี้ยหวัดของเขาเลยสักนิด
บุรุษและสตรีวัยกลางคนทั้งสองเมื่อเห็นว่าบุตรชายคนโตนำเอาหญิงสาวหน้าตางดงามรูปร่างอ้อนแอ้นมาด้วยก็ตื่นเต้น
“นี่กระมังเจ้าสาวของเจ้า?”
“ขอรับท่านแม่!”
เฉินอ้ายเหม่ยตกตะลึงเมื่อเห็นว่าในเรือนพวกเขาเตรียมงานแต่งไว้พร้อมแล้ว เหยาอิงหมิงจึงเฉลยว่าเป็นเขาที่เขียนจดหมายมาแจ้งท่านแม่ล่วงหน้าทั้งแต่สิบวันก่อน
“ตอนนั้นข้ายังนอนป่วยอยู่เลยนะเจ้าคะ”
แววตาของเหยาอิงหมิงกรุ้มกริ่มเขากระซิบเบาๆ ข้างหูของนาง “ข้าอยากได้เจ้าเป็นภรรยาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“ตอนไหนหรือท่านพี่?”
“ตอนที่ช่วยเจ้าเช็ดตัว ข้ารู้ว่าล่วงเกินเจ้าแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ยิ่งเจ้าฟื้นขึ้นมาข้าก็ยิ่งแน่ใจว่าต้องแต่งงานกับเจ้าให้เร็วที่สุด”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่อระลึกได้ว่าเขาถอดเสื้อผ้านางแทบจะล่อนจ้อนเพื่อทำความสะอาดเนื้อตัวและทำแผลให้
“เราแต่งงานกันบ่ายนี้ คืนนี้ก็เข้าหอกันอีกหน แต่เจ้ากับข้าก็จะกลายเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์”
เหยาอิงหมิงปรึกษาบิดาเรื่องที่นางเป็นกำพร้า ท่านพ่อของเขาจึงได้ให้หัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นลูกน้องเก่าช่วยรับนางเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อจะได้ทำพิธีแต่งงานให้ถูกต้อง
ถึงเที่ยงวันเอกสารก็เรียบร้อย ตกบ่ายชาวบ้านทั้งหมดก็มาร่วมพิธีและกินเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน
คู่บ่าวสาวในชุดสีแดงสดจูงมือกันเข้าสู่ห้องหอ ดื่มสุรามงคลต่อหน้าแขกเหรื่อที่เป็นญาติสนิท จากนั้นประตูก็ปิดลง เหยาอิงหมิงมิได้ออกมารับแขกอีกครั้งเพราะเขามิได้พาสหายทั้งหลายมาด้วย จึงสะดวกแก่การเข้าหอ
ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวพาดไปบนพนักเก้าอี้ข้างเตียงเพราะเกรงจะฉีกขาดเสียหาย แล้วหันไปช่วยภรรยาถอดชุดแดงงดงาม นางปลดเครื่องประดับผมที่ท่านแม่ของเขาเตรียมเอาไว้ให้ออกมาดู
“ท่านแม่เมตตาข้ายิ่งนัก”
“เจ้าไม่เห็นหรือว่าท่านแม่ดีใจเพียงใดที่ข้าพาเจ้าสาวกลับมาบ้าน เครื่องประดับที่เตรียมให้เจ้าเหล่านี้มีเงื่อนไขอยู่มิใช่หรือ?”
เฉินอ้ายเหม่ยได้ยินแล้วก็เขินอาย ท่านแม่ของเขาบอกว่าให้นางมีหลานให้ท่านสามคน จากนั้นก็ยกกล่องปิ่นปักผมให้นางกล่องใหญ่
แม้เหยาอิงหมิงจะไม่ได้นำมิตรสหายจากสำนักมือปราบมาร่วมงานแต่งงานแต่เพราะเขาคุ้นเคยกับคนในหมู่บ้านเป็นอย่างดีก็เลยดื่มไปพอสมควร
“ข้าอุตส่าห์หลบเลี่ยงการดื่มในวันนี้เพราะอยากจะเข้าหออย่างมีความสุขกับเจ้า น้องหญิง เราสองคนเป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วนะ”
เฉินอ้ายเหม่ยถูกเขาอุ้มขึ้นไปนั่งบนเตียง นางกอดคอแล้วจูบเขาก่อน ชายหนุ่มตอบสนองนางด้วยความเร่าร้อน เมื่อวานนางดื่มยาต้มที่เขาไปหาซื้อมาและทายาลดการบอบช้ำตามร่างกาย ยามนี้ร่างกายจึงพร้อมกับการเข้าหอ อย่างยิ่ง
เมื่อวานตอนที่นางนอนหลับ นางฝันว่าตนเองเคยรับการสั่งสอนเรื่องการเข้าหอโดยหญิงวัยกลางคนในชุดดำที่ทุกคนเรียกนางว่า...คั่งหมัวมัว
‘ภารกิจของพวกเจ้าบางครั้งอาจจะต้องเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อให้สำเร็จ เช่นนั้นพวกเจ้าจึงต้องพร้อมจะสละชีวิต’
ในความฝันนางต้องเรียนทั้งการบรรเลงผีผา ร่ายรำ และปรนนิบัติบุรุษ
‘หากหัวหน้าสำนักเลือกเจ้าคนใด เจ้าก็ต้องพร้อม อีกไม่นานจะต้องไปทำงานแทรกซึมอยู่หลายแห่ง การรับใช้บุรุษมีอำนาจพวกนั้นจำต้องใช้สตรีงดงามและปรนนิบัติเก่งจึงจะได้ผลตามที่ต้องการ’
เฉินอ้ายเหม่ยเห็นสตรีหลายคนที่ยืนข้างนางถอนหายใจ หลายคนนางคุ้นหน้าแต่ว่ากลับนึกชื่อไม่ออก
“น้องหญิง ขอยืมมือเจ้าหน่อยเถอะ เมตตาข้าที”
มือของนางถูกเขาดึงไปกอบกุมท่อนเนื้อนุ่มเบื้องล่าง นางขยับมืออย่างคล่องแคล่วคุ้นเคย เหยาอิงหมิงนึกอยากจะถามนักว่านางไปหัดทำเช่นนี้มาจากที่ใด? ทว่าเพราะนางแตะต้องไปส่วนที่ทำให้เขาต้องครางด้วยความพอใจออกมาเสียก่อนเรื่องที่คิดจะไถ่ถามคงต้องเอาไว้ทีหลัง
หญิงสาวยื่นหน้าขึ้นดูดริมฝีปากล่างของเขาเบาๆ ก่อนจะกระซิบเสียกระเส่า “ท่านพี่ คืนนี้ข้าจะทำให้ท่านมีความสุขกว่าครั้งที่แล้วมานะเจ้าคะ”
หญิงสาวเลื่อนตัวลงไป เมื่อเห็นศีรษะก็นางก้มลงเหยาอิงหมิงก็ใจเต้น ตึกตัก “น้องหญิง...”
เขาเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านั้น เมื่อนางใช้ปลายลิ้นลากวนจนเขาสั่นเทิ้ม
ชายหนุ่มรู้สึกร่างกายเขาราวมีความร้อนระอุสุมอยู่ส่วนนั้นแล้วเริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่าง เมื่อนางใช้ปากครอบลงไป
“อา..........!” ชายหนุ่มครางยาว ทั้งตกตะลึงกับสิ่งที่ภรรยาทำ เขาได้แต่ใช้ศอกพยุงตัวขึ้นลุ้นกับสิ่งที่นางทำ
ศีรษะของเฉินอ้ายเหม่ยผงกขึ้นลงพร้อมกับการเกร็งร่างและใบหน้าของชายหนุ่มเขาไม่อาจกดข่มความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจนต้องร้องเรียกนางออกมา
“อ้ายเหม่ย...เจ้า…เจ้าทำให้ข้าจะขาดใจอยู่แล้ว”
ยิ่งน้ำเสียงของเขาขาดห้วงและแผ่วเบาลง นางก็ยิ่งกระดกหัวเร็วขึ้น
“โอววว...โอว...ไม่ได้แล้วๆ น้องหญิง หยุดก่อน” เขายื่นมือขึ้นมาลูบใบหูของนางประคองใบหน้าน้อยให้เงยขึ้น จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นแทรกลิ้นเข้าไปในปากของนางแล้วเอนร่างนางให้หงายไปทางปลายเตียงก่อนจะแทรกตัวเข้าตรงกลาง แล้วจัดแจงแทรกร่างของตนเองเข้าไปตัวของนาง
“อืม....อือ....”
เหยาอิงหมิงเกร็งบั้นท้ายแล้วกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างไม่บันยะบันยัง สองหนุ่มสาวทำเพียงส่งเสียงประสานกันอยู่ในห้องหอเช่นนั้นทั้งคืน
**************************