“เวตื่น เชอร์ต้องกลับคอนโดแล้วนะ”
ขณะเอ่ยเรียกคนที่นอนหลับอยู่ข้างกาย สองมือก็เขย่าตัวเขาไปด้วย แต่เวคาก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา ร่างสูงขยับตัวไปมาเพียงเล็กน้อยแล้ววาดวงแขนรั้งตัวเธอให้นอนลงข้างกันอย่างเดิม
“จะรีบกลับไปไหน นอนห้องผัวมันจะตายหรือไง วันนี้วันเสาร์ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ” เขาตอบกลับทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท
“เชอร์ไม่มีเรียน แต่เชอร์ต้องไปทำรายงานกับฝันนะเว แล้วมันก็เป็นวิชาสำคัญมากด้วย”
เปลือกตาคู่คมค่อย ๆ ขยับเปิดก่อนที่จะหยัดตัวลุกนั่งเอนหลังพิงกับหัวเตียง
“ทำรายงานกี่คน” เวคาเอ่ยถามเสียงห้วน “กลับกี่โมง แล้วไปทำที่ไหน”
เชอร์รีลได้แต่ถอนหายใจออกมาเพียงเบา ๆ ดูเหมือนการบอกเลิกเขาไปวันนั้นมันจะทำให้เหตุการณ์แย่กว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก แต่ก่อนเวคาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แค่บอกว่าจะไปไหนเขาก็ไปส่งโดยที่ไม่ถามเซ้าซี้อะไร มีบ้างที่คอยเตือนเรื่องการแต่งตัวเพราะความเป็นห่วง
“ไปทำคอนโดฝัน มีเชอร์ มีฝัน แล้วก็บอยกับบีม” บอยกับบีมเป็นฝาแฝดชายหญิง ซึ่งเขาก็เคยเห็นหน้ามาแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวไปส่ง จะกลับกี่โมงก็โทรมาบอก”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเชอร์กลับเอง จะกลับคอนโดเลย”
“ใครอนุญาต?”
มันคงเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะหลังจากถามเสร็จผู้ชายตัวโตก็ลุกจากที่นอนด้วยสภาพเปลือยเปล่า แล้วหยิบผ้าขนหนูที่กองอยู่ข้างเตียงมาพันรอบเอวเอาไว้
“แต่เวจะมาขังเชอร์ไว้แบบนี้ไม่ได้นะ”
“ขัง? การที่ยังได้ไปไหนมาไหนนี่เรียกว่าขังเหรอ” สายตาคมตวัดมามองด้วยความไม่พอใจ “จำไว้นะเชอร์ ชีวิตเธอเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไร”
คำสรรพนามที่เปลี่ยนไปทำเอาหัวใจดวงน้อยสั่นไหว ตั้งแต่คบกันมาเวคาไม่เคยแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ เลยสักครั้ง เขาจะแทนด้วยชื่อเสมอ และจะเรียกเชอร์แทนคำว่า ‘เธอ’ ที่พูดออกมาเมื่อครู่
“ยังไงเชอร์ก็จะกลับไปคอนโดตัวเองอยู่ดี”
“ก็ลองดู ถ้าหากอยากให้พ่อเธอเดือดร้อน”
“แต่เราเลิกกันแล้วนะเว”
“ถ้าเธอพูดคำว่าเลิกออกมาอีกคำเดียว ฉันจะให้ลูกน้องพังบริษัทพ่อเธอตอนนี้เลย ดีไหม”
ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเตียงถูกกระชากให้ลงมายืนอยู่ข้าง ๆ กันกับเขา เวคาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ คลอเคลียปลายจมูกบนแก้มเนียนแผ่วเบา แต่มันแฝงความหมายบางอย่างเอาไว้ชัดเจน
“ถ้าอยากกลับมากก็ทำให้ฉันแตกสักรอบก่อนสิ แล้วจะปล่อยให้ไปนอนคอนโดตัวเองสักอาทิตย์”
เขาพูดน้ำเสียงธรรมดา แต่ทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บอยู่ในใจ สถานะตอนนี้ไม่แน่ใจว่าผู้ชายตรงหน้ายังให้เธอเป็นอะไรกับเขา เหมือนเวคากำลังทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นที่ตัวเองถูกบอกเลิก
“ได้ เชอร์ทำให้ เวจะได้หายเ****น” ร่างระหงเดินผ่านตัวเขาเข้าไปในห้องอาบน้ำ เวคาเองก็รีบเดินตามไปในทันที
นัยน์ตาคมมองตามแผ่นหลังบางด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่เธอไม่อาจรับรู้
สายน้ำอุ่นรินรดร่างกาย ร่างของเขาเปลือยเปล่าไม่ต่างจากอีกคนที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปกปิด ผิวเนียนละเอียดกับทรวดทรงเด่นชัดทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเขาก็ยังพูดได้เต็มปากว่าเชอร์รีลเป็นผู้หญิงที่สวยไปหมดทั้งตัว
คนตัวเล็กย่อตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นห้องน้ำ ริมฝีปากบางอ้าออกก่อนจะครอบแก่นกายจนสุด ขยับขึ้นลงเข้าออกจนเขาได้ปลดปล่อยสมใจ เธอเองก็ยังเก่งไม่เปลี่ยน...
“เดี๋ยวแวะกินข้าวก่อน จากนั้นฉันจะไปส่ง” เวคาเอ่ยบอกในขณะที่กำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่
“ไม่หิว เชอร์รีบ”
“ไม่ขัดสักเรื่องจะตายไหมฮะ”
และเป็นอีกครั้งที่เขาคงไม่ได้ต้องการคำตอบใด ๆ จากเธอ เพราะทุกอย่างได้ถูกกำหนดโดยผู้ชายตัวโตคนนี้ไปแล้ว ส่วนเธอก็มีหน้าที่แค่ต้องทำตามเพียงเท่านั้น
แต่งตัวเสร็จร่างสูงก็หันกลับมาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นชุดที่เชอร์รีลสวมอยู่
“นี่จะไปทำรายงานหรือจะไปอ่อยผู้ชาย ชุดมันถึงได้สั้นขนาดนั้น” เขาไล่สายตามองคนตะรางหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า มันเป็นชุดที่เคยเห็นมาก่อน แต่ทุกทีเธอจะใส่มันตอนอยู่คอนโดเท่านั้น
“ก็ไปแค่คอนโดฝันเอง ใส่ชุดไหนก็เหมือนกันนั่นแหละเว ทำไมถึงต้องบังคับเชอร์ขนาดนั้นด้วย”
“จะใส่ก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไร แต่ระหว่างที่ขับรถไปหากฉันเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาเพราะชุดสั้น ๆ ของเธอ โดนเอากลางสี่แยกไฟแดงก็อย่ามาว่าฉันก็แล้วกัน”
ในเมื่อไม่มีทางเลือก เชอร์รีลได้แต่หันหลังกลับแล้วเดินกระทืบเท้าไปหยุดยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนที่จะเปิดมันออกหาชุดใหม่มาใส่ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มนึกมันเขี้ยวเมื่อเห็นอาการของเธอ ถึงจะดูว่าเป็นคนใจร้าย แต่เขาก็แค่ ‘หวง’ เมียตัวเองผิดตรงไหน
“พอใจยัง?” เปลี่ยนชุดเสร็จเธอก็เดินหน้าบูดบึ้งกลับมาหา เวคาไล่สายตามองดูชุดที่เธอสวมอีกครั้งแล้วก็พยักหน้าให้
“ก็ดี”
เขาตอบกลับเพียงสั้น ๆ แล้วก็เดินออกไปจากห้องนอน ทำให้เชอร์รีลต้องรีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งตามอีกฝ่ายไป
“เว กินอะไรง่าย ๆ ได้ไหม เชอร์กลัวสาย” สองเท้าก้าวตามเขาอย่างเร่งรีบแล้วเอ่ยขอร้องไปด้วย
“อืม...”
“ถ้าอย่างนั้นกินร้านป้าตรงหน้าปากซอยนะเว”
“อืม...”
ร้านป้าหน้าปากซอยเป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดา ซึ่งทั้งเขาและเธอมากินด้วยกันบ่อย ๆ ตั้งแต่สมัยเรียน มอ.ปลาย เพราะแต่ก่อนเชอร์รีลยังไม่มีคอนโดเป็นของตัวเอง ส่วนมากจะมาขลุกอยู่ห้องเขา แล้วเวคาจะไปส่งเธอกลับบ้านตอนเย็น
พอนึกถึงช่วงเวลานั้นมันมีความสุขมากเลย ด้านที่เขาแสดงออกกับคนอื่นมันต่างกันลิบลับกับเวลาที่แสดงออกต่อเธอ ใครต่อใครอาจจะเห็นว่าเวคาใจร้าย อารมณ์ร้อน แต่สำหรับเชอร์รีลเขาจะตรงข้ามเสมอ
แต่นั่นมันก็เมื่อก่อน...
“ถ้าไม่อยากสายก็รีบ ๆ กิน”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งเหม่อได้สติ เชอร์รีลรู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่ข้าวคะน้าหมูสดมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ดวงตาสวยมองจานข้าวของตัวเองสลับกับมองจานของอีกฝ่าย ก่อนที่จะเขี่ย ๆ ชิ้นที่ติดมันออกไปไว้ข้างจาน
“เอามานี่ เสียของ” เวคาพูดขึ้นแล้วตักชิ้นที่เธอเขี่ยไว้ข้างจานมาไว้ที่จานตัวเอง แล้วตักชิ้นที่ไม่ติดมันใส่ลงในจานของเธอแทน
“ขอบใจนะเว”
“ขอบใจเรื่อง?”
เชอร์รีลไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอก้มหน้าตักข้าวเข้าปากพร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ เธอไม่ชอบหมูติดมัน และทุกครั้งเขาก็จะตักเอาไปกินเองและตักส่วนไม่ติดมันจากจานตัวเองมาให้เสมอ
สิบห้านาที ทั้งจานของเขาและเธอก็หมดเกลี้ยง จ่ายเงินเรียบร้อยทั้งคู่ก็กลับขึ้นมาบนรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
“ไปทำรายงานอย่างเดียวใช่ไหม” เวคาถามขึ้นอีกครั้ง
“อืม...แค่ทำรายงานไม่นานเท่าไหร่หรอก”
“กลับเองได้ใช่หรือเปล่า พอดีมีงานด่วนเข้ามาคงไปรอรับไม่ได้แล้ว” เขาเอ่ยบอกในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังท้องถนนเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่จอด
“กลับได้ ถ้าอย่างนั้นเชอร์กลับคอนโดตัวเองนะ”
“อืม...”
ไม่มีการสนทนาอะไรมากไปกว่านั้น และนี่คงจะเป็นข้อดีอีกข้อของเวคา หากเขาพูดอะไรไว้จะไม่คืนคำเด็ดขาด เมื่อข้อแลกเปลี่ยนเมื่อเช้าเธอทำให้พอใจ เขาก็จะยอมให้กลับไปนอนคอนโดตัวเองสักอาทิตย์ตามที่พูดเอาไว้
“เว แล้วเรื่องพ่อ...”
“ถ้าเธอเป็นห่วงพ่อ ก็ช่วยทำตามคำสั่งอย่าดื้อ”
“เข้าใจแล้ว”
เชอร์รีลช้อนสายตาขึ้นมองคนที่นั่งยังตำแหน่งคนขับ ในขณะที่ดวงตาคมจับจ้องบนท้องถนน ก็มีสายตาของเธอจับจ้องเขาอยู่เช่นกัน
“แต่ถ้าฉันรู้ว่าพ่อเธอยังพยายามจะจับคู่เธอกับผู้ชายคนอื่น รับรองได้เลยว่าบริษัทนายชลิตไม่เหลือแน่”
///////////////////////////////////////////////////////