“คุณเบน ไม่นะคะ ฉันกลัว... อย่า...” เธอร้องห้ามเสียงแผ่ว สายตาบ่งบอกความหวาดกลัวออกมา เมื่อรู้แน่ว่าตัวเขาแทรกส่งความคับแน่นบนกลีบกุหลาบงามที่ปิดแน่นสนิท ไม่เคยมีใครเคยย่างเยือน
“เกรท เรามากันตั้งไกลแล้วนะ ผมอยากมีความสุขกับคุณ” เขาบอกเธอทำหน้าตาหวานซึ้ง บรรจงปิดกลีบปากอวบอุ่นที่จะเอ่ยพูดอะไรออกมาอีกมากมาย จุมพิตที่ล่อลวงเธอให้หลงใหลได้อีกครั้ง
“อึ... อื้อ...” เธออุทานในลำคอด้วยความตกใจ ความปวดร้าวตอนเขาแทรกความใหญ่โตลงมาจนร่างบางแทบแตก เธอพยายามขยับสะโพกหนีการรุกรานสุดแรงเกิด
เบนก็รู้สึกตกใจไม่น้อย ที่เธอยังไม่เคยผ่านในเรื่องราวแบบนี้มาก่อน เขาสอดมือรั้งสะโพกของเธอเอาไว้ หยัดตัวเองเอาไว้นิ่งให้หญิงสาวคุ้นชินกับแกนกายของเขา
“โอ๊ย... ฉันเจ็บนะคะ คุณเบน... อ๊า...” เธอน้ำตาริน สติกลับคืนมาในตอนนี้ ลืมตามองเขาด้วยความกระดากอาย ส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเขา เขาจ้องสบตายิ้มปลอบประโลม บรรจงแนบชิดใบหน้าฉกริมฝีปากปิดกลีบปากสีเย้ายวนเพื่อปลอบใจเธออีกครั้ง และเร่งเร้าปลุกอารมณ์ร้อนรักของเธอให้คุกรุ่น
เขากระหยิ่มในใจ มันอิ่มเอมที่ได้ครอบครองเธอทั้งตัวแบบนี้ แล้วยิ่งเห็นเธอเป็นแม่กวางน้อยที่นอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างยิ่งพอใจใหญ่
“ผมจะรับผิดชอบ เกรทแต่งงานกับผมนะ” เขาบอกเธอเสียงหวานนุ่มหู เธอได้แต่นอนน้ำตาไหลริน ความรู้สึกผิดอัดแน่นเข้ามาทั้งใจ ผิดหวังในตัวเองที่ยอมให้เขากระทำกับร่างกายของเธอได้ขนาดนี้
‘ทำไมเผลอปล่อยตัวเองขนาดนี้ เธอหลงเสน่ห์เขาแล้วใช่ไหม ยายเกว’ เธอพ้อตัวเองอยู่ในใจ
เขาพรมจูบไปทั้งใบหน้า จูบซับน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
“ว่าไงครับ คุณจะแต่งงานกับผมไหม” เขาย้ำน้ำคำ มองจ้องสบตา เธอสะอื้นฮักๆ ตัวโยน พยักหน้าให้เขาน้อยๆ ยอมจำนน
‘จะไม่ยอมได้ยังไง คนบ้า... มาขอแต่งงานทั้งที่ยังแทรกตัวอยู่บนตัวฉันนี่ล่ะนะ’ เธอมองค้อนเขาทั้งใบหน้า ค่อนขอดเขาอยู่ในใจ
เขายกยิ้มยินดีมากมาย อะไรในชีวิตมันง่ายเสมอสำหรับผู้ชายที่ชื่อ “เบน”
สองกายประสานเป็นหนึ่งเดียว เธอแทบหลอมร่างตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ตกหลุมพรางแห่งรักที่เขาขุดเอาไว้หลุมใหญ่โตลงไปอย่างเต็มตัว
ตอนนี้หัวสมองไม่ได้คิดอะไร ปล่อยให้เขาดึงและโยนตัวเธอขึ้นสวรรค์อย่างสุขล้น ชายหนุ่มก็ไม่ต่างกัน เขาเปรมปรีดิ์สุมสมกับร่างสวยงามของเธอ และที่สุขยิ่งกว่าเธอยินยอมอย่างเต็มใจ เขาจะเป็นคนแรกและเขาก็จะเป็นคนสุดท้ายของเธอ
"หา... อะไรนะ เกิดเรื่องแบบนี้ได้ไง ทำไมเธอไม่..." ตาหยีทำตาโตพูดขึ้นเสียงสูง ตอนที่เพื่อนสาวคนสนิทเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อคืนให้เธอฟัง ตาหยีอึ้ง ก่อนจะเงียบลงไปแบบพูดไม่ออก
ส่วนเจ้าตัวคนเล่านั่งหน้าแดงออกอาการกระดากอย่างบอกไม่ถูก แต่อึดอัดในใจมากมาย หากไม่ได้เล่าให้ตาหยีฟังเธอคงอกแตกตายแน่ๆ เพราะอย่างน้อยให้มีใครสักคนอยู่ข้างๆ เธอ
"ยายเกว... ฉันแค่เชียร์ให้เธอไปเที่ยวกับเขา แค่พูดเล่นว่าให้จีบเขาเป็นแฟน ศึกษาดูใจกันไปก่อนสิ เฮ้อ... มึนตึ้บเลย" เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะ สายตามองเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งทำหน้าซึม ใช้นิ้วมือขวาจับลูบแหวนเพชรที่เบนบรรจงสวมให้เธอหลังจากที่มีอะไรกับเธอแล้ว
"แล้วนี่อะไร" ตาหยีทำตาโตยกมือของเกวขึ้นมามองใกล้ๆ จับแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของรวิกานต์ยกขึ้นพิศ เกวยิ้มเอียงอาย
"คุณเบน... เขาสวมให้เมื่อคืน ก่อนจะมาส่งที่บ้าน เขาขอฉันแต่งงานด้วย" เธอหน้าแดงทำขวยเขิน รู้สึกปลื้มใจอย่างไรพิกล
"หา... โอ้ย... อะไรจะปานนั้น คุณเบน... โฮ... หนุ่มฝรั่งนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ไวปานจรวด" ตาหยีนั่งนึกถึงใบหน้าของเขา รู้สึกเหมือนใจเต้นแรงไปกับเพื่อนด้วย
"แล้วยังไงต่อเล่าอีก" ตาหยีคะยั้นคะยอเกว
"เขาตกลงซื้อโรงแรมของคุณพ่อที่แหลมพันวาแหละ สองสามวันนี้คงเซ็นสัญญาซื้อขายกัน" เธอเล่าสีหน้ามีความสุข
"อ้าว ทำไมคุณเบน เขาไม่รอแต่งงานเป็นลูกเขยแล้วค่อยซื้อไม่ดีกว่าเหรอ เผื่อพ่อตาท่านจะลดราคาให้" เธอช้อนตามองเพื่อนรักพูดแซวพลาง เกวยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก
"เกวเธอเอาจริงกับเขาแน่นะ แบบฉันว่ามันจะเร็วไปไหม เรื่องแต่งงาน เธอไม่คิดจะดูใจกับเขาไปอีกสักพักก่อนเหรอ" ตาหยีสีหน้าจริงจัง นึกเป็นห่วงรวิกานต์
"แล้วเรื่องนั้นล่ะ" เกวนั่งบิดตัวทำท่าเขินๆ
"โธ่... ยายเกว เดี๋ยวนี้ใครเขาถือพรหมจรรย์กันละคะ ไม่ใช่แม่ชี" เธอมองเพื่อนทำหน้าย่นจมูกเข้าใส่
"ก็ฉันถืออะ ถ้าเขาไม่แต่งกับฉัน ฉันขออยู่คนเดียวไปจนตายดีกว่า" เกวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"อะไรนะ ยายเกว อย่าบอกนะ ว่าเธอตกหลุมรักเขาไปแล้ว" ตาหยีส่ายหัวไม่อยากจะเชื่อ รวิกานต์ยิ้มมุมปาก ผงกหัวยอมรับ
"โธ่เอ๊ยเพื่อนฉัน เฮ้อ... รักแรกพบหรือพรหมลิขิต แกคิดว่าเป็นแบบนั้นใช่ไหม เฮ้อ..." ตาหยีถอนหายใจหลายครั้ง ก่อนจะทิ้งหลังลงแนบกับพนักพิงโซฟาในห้องโถงในบ้านของรวิกานต์
"ว่าแต่เธอเหอะ พี่ต๊อกลูกชายป๊าเธียรสินตามมาขายขนมจีบแกอยู่ไม่ใช่เหรอ" รวิกานต์จ้องหน้าเพื่อน มองตาค้นหาความจริง
"บ้านะเกว ฉันคิดว่าพี่ต๊อกเป็นพี่ชายจริงๆ ไม่เอาหรอก เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ปะป๊าของฉันนะดิกับพ่อพี่ต๊อก สองคนร่วมกันยุยั่วพี่ต๊อกใหญ่" เธอส่ายหน้าแทบทันที รีบลุกนั่งหลังตรง ตอบเกวด้วยความกังวลใจ เพราะพ่อของเธอเป็นเพื่อนซี้กับพ่อของพี่ต๊อก จึงอยากให้ลูกลงเอยกัน
"แต่ฉันว่าพี่ต๊อกเขาน่าจะชอบแกอยู่นะ" คำพูดของเพื่อนทำให้ตาหยีนึกไปถึงหน้าพี่ต๊อกที่ใส่แว่นหนาเตอะ ตัวผอมสูงยังกับเสาไฟฟ้า ตอนนี้รับช่วงต่อร้านขายหนังสือใหญ่โตอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต และก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกันกับตาหยี
"ไม่ต้องเลย ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิ คนมันไม่รักไม่ชอบอะ จะให้คบด้วยได้ไงแบบนั้น เป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิมนี่แหละ" ตาหยีรีบส่ายหน้า ถอนหายใจอีกยกใหญ่ ตอนนี้เธอก็หนักใจไม่เบา วันนี้ปะป๊าก็บอกว่าจะให้ไปเป็นเพื่อนพี่ต๊อกไปไหนสักที่ ตาหยีก็เลยรีบหนีออกจากบ้านมาเสียก่อนที่พี่ต๊อกจะมาถึง