กีรติศรีสกุล สกุลที่ถูกขนานนามว่าเป็นสกุลที่รวยที่สุดในประเทศ นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) รายงานว่าคุณโชคอานันต์ กีรติศรีสกุล ประธานกรรมการบริหารเอเจกรุปนั้นร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยกับทรัพย์สินมูลค่า กว่า 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ติดหนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มชูกำลังที่โด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งบริษัทเอเจนี้ได้ขยายบริษัทลูกออกมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่ในประเทศไทย แม้แต่สินค้าทางการเกษตร บริษัทนี้กินรวบหมด
[คุณหนูข้อเท้าแพลงครับ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับ]
“บ้าเอ๊ย! อย่าบอกนะว่ารณพีร์ทำ”
[เอ่อ ผมก็ไม่รู้ครับ พอดีคุณหนูเข้าไปหาคุณรณพีร์ข้างในห้อง แล้วพอคุณรณพีร์ออกมา เธอก็โทรมาบอกว่าออกไปไม่ได้ข้อเท้าแพลงครับ]
“เฮ้อ!! หาหมอเสร็จแล้วให้รีบพากลับ อย่าให้ได้ยินว่าลากสังขารไปหาไอ้นั่นอีก!” เอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียมก่อนจะกดตัดสาย เขาไม่พอใจเท่าไรนักที่ลูกสาวชอบไปข้องเกี่ยวกับรณพีร์ ลูกชายของดารายุค 90 ที่มีชื่อเสียง การไปคบหรืออยู่ใกล้คนมีชื่อเสียงนั้นมีแต่เสียกับเสีย อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาคนมีชื่อเสียงด้วยความที่รวยอยู่แล้ว
“เกิดอะไรขึ้นครับ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นทางด้านหลัง เอี้ยวใบหน้าไปมองก็พบว่าเป็นลุงกรกรรณ์ ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาของเขา แต่เป็นพี่ชายไม่แท้ เรียกได้ว่าคนละสายเลือดเลยก็ว่าได้ กระนั้นเขาก็นับถือเป็นพี่ชายคนหนึ่ง
“ก็เจนนี่น่ะสิ ไปหาไอ้นั่นอีกแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นกรกรรณ์ก็กระตุกยิ้มมุมปาก เปิดประเด็นนี้พอดี เขามีเรื่องจะพูด
“ผมบอกแล้วไงครับ ให้รีบจัดการเรื่องแต่งงาน” กรกรรณ์ดันหลังลูกชายสุดฤทธิ์ อยากให้คนเป็นลูกได้นั่งแท่นผู้บริหารแทนโชคอานันต์
“พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากบังคับลูก” เขาไม่เคยบังคับเจนนี่ ไม่เคยคิดที่จะขัดใจลูกแม้แต่เรื่องเดียว
“พี่รู้ แต่มันต้องทำ คิดดูสิ...ใครจะบริหารงานได้ดีเท่าก้อง” เกียรติก้องเป็นลูกชายของเขา ที่หมายมั่นปั้นมืออยากให้แต่งงานกับเจนจิรา
“ผมก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น แต่เจนนี่เหมือนคนอื่นเสียเมื่อไรกัน” ลูกสาวดื้อ และก็รักรณพีร์มาก เขาไม่ได้รังเกียจเจ้านั่นหรอก รณพีร์เป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรง เปิดบริษัทด้วยตัวเองกับเพื่อน จนสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ เขาชื่นชมมากเลยทีเดียว แต่ติดที่เจ้านั่นไม่ยอมรับรักลูกสาวของเขาน่ะสิ ทุกอย่างก็เลยยากไม่ง่ายได้ดั่งใจ
“บังคับเลยครับ ผมเชื่อว่าก้องจะไม่ทำให้ผิดหวัง” โชคอานันต์เลื่อนสายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเองก็อายุย่างหกสิบแล้ว เขาไม่อยากทำงานไปจนแก่นักหรอก แต่ติดที่ตัวเองมีลูกผู้หญิง แถมยังมีลูกแค่คนเดียวอีกด้วย แต่พอจะหวังพึ่งพาลูกเขย เจนจิราก็ไม่ยอมแต่งงานตามที่เขาต้องการ ได้แต่หวังว่าสักวันลูกสาวจะเปลี่ยนใจ ทว่าขณะนั้นเอง
“คุณพ่อ!!” เสียงแว้ด ๆ ของลูกสาวดังมาตั้งแต่หน้าประตู ได้ยินชัดแบบนี้แล้วห้ามช้าเลยทีเดียว โชคอานันต์รีบเดินไปต้อนรับ
“ว่าไงจ๊ะ ลูกพ่อ” พอมาถึงก็พูดจาหวานหยดเอาใจลูกสาวคนเดียว ก่อนจะเลื่อนสายตามองข้อเท้าของคนเป็นลูก “ให้ตายเถอะเจน พ่อเลี้ยงลูกไม่เคยให้เจ็บ ยุงไม่เคยได้ไต่ ไรไม่เคยได้ตอม แต่ทำไมหนูเจ็บจากผู้ชายคนเดียวตลอดเลยล่ะลูก”
“หนูรักเขานี่ พ่อไม่เข้าใจหรอก” ว่าแล้วก็เชิดหน้าขึ้น ใบหน้างอ ๆ ของลูกสาวนั้นจากที่จะด่าก็เป็นอันต้องกลืนคำพูดลงคอ
“แล้วหนูไม่เหนื่อยเหรอ นั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมงไม่มาพักก่อนล่ะ”
“หนูอยากไปเจอพี่พีร์นี่” ว่าแล้วก็เดินกะเผลก ๆ ไปนั่งที่โซฟา เธอไม่แม้นแต่จะยกมือสวัสดีพี่ชายคนละพ่อคนละแม่กับผู้ให้กำเนิดเลยสักนิด
“แล้วคุณแม่ไปไหนคะ”
“แม่น่าจะอยู่ในห้องครัวน่ะ”
“อ้อ คุณแม่ทำกับข้าวรอหนูแน่เลย เย่ ๆ คิดถึงอาหารแม่ที่สุด” ว่าพร้อมกับดวงตาลุกวาว พ่อกับแม่ตามใจเธอจนเสียคน กรกรรณ์ส่ายหน้าเบา ๆ อันที่จริงเขาไม่ได้อยากให้ลูกชายแต่งงานกับหล่อนคนนี้นักหรอก ติดที่เธอนั้นมีสมบัติมูลค่านับไม่ได้นี้ แน่นอนว่าเขาต้องการให้ลูกชายได้ครอบครองเอเจกรุป
“ถ้างั้นเราไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเลยดีกว่า” ว่าแล้วก็ขยับไปประคองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน เห็นใบหน้าเหยเกของลูกแล้วก้นึกโกรธ สงสัยต้องหาเวลาไปคุยกับรณพีร์แล้วแหละ ว่าทำไมทำลูกสาวของเขาเจ็บตัวแบบนี้
“เจนนี่ลูกสาวแม่มาแล้ว~” พอเดินมาถึงห้องอาหารเสียงของคนเป็นแม่ก็ดังขึ้น แต่พอมารดามองเห็นข้อเท้าเล็ก ๆ ของลูกสาวที่มีผ้าพันนั้นก็ทำเอาตกใจมากเลยทีเดียว
“ให้ตายสิ หนูไปโดนอะไรมา”
“เอ่อ...” เจนจิราไม่อยากบอกว่าโดนชายที่เป็นดั่งรักแรกนั้นผลัก ถ้ามารดาได้ยินก็คงไม่พอใจ “หนูแค่เดินผิดจังหวะแล้วล้มน่ะค่ะ”
“จริงเหรอ” ทว่าคนเป็นพ่อไม่เชื่อ ตามที่ลูกน้องบอกมาว่าลูกสาวนั้นหายเข้าไปในห้องของรณพีร์ ก่อนจะออกมาพร้อมกับอาการข้อเท้าแพลง
“จะ...จริงสิคะ นี่คุณพ่อไม่เชื่อหนูเหรอ!” ลูกสาวขึ้นเสียงใส่ เธอนั้นเอาแต่ใจและพ่อแม่ก็ขยันเอาใจจนเสียผู้เสียคนแล้ว
“เชื่อสิจ๊ะ พ่อเชื่อหนู” เอ่ยพูดเสียงอ่อนเมื่อเห็นว่าลูกสาวนั้นเริ่มหน้างอ ด้านคนเป็นแม่ก็ไม่อยากซักไซ้อะไร
“ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วจ้ะ มาดูนี่...แม่ทำอะไรไว้ให้หนู”
“หือ อะไรคะ”
“เซอร์ไพรส์~”
“แกงส้มกุ้งเหรอคะ!!” โพล่งออกมาเสียงดังด้วยความดีใจสุดขีด ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามา สิ่งที่ปรารถนาและคิดถึงสุด ๆ คืออาหารไทย
“ใช่จ้ะ แม่ทำรอหนูเลยนะ” จารวีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ลูกสาวคนเดียวไม่ว่าจะโตมากแค่ไหน แต่ก็ตัวเล็กตัวน้อยในสายตาของผู้เป็นแม่อยู่ดี
“ดีจัง หนูจะกินให้หมด”
“ฮ่า ๆ กินเลยนะ กินเยอะ ๆ แม่ทำแบบคลีน ๆ เลยนะ ไม่อ้วนแน่นอน”
“คุณแม่รู้ใจหนูที่สุด” เธอยื่นแขนไปโอบเอวคนเป็นแม่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผากมนของคนเป็นลูก
“แม่รักหนูที่สุด”
“แล้วพ่อล่ะ แม่ไม่รักพ่อเหรอ” คนเป็นพ่อก็ไม่อยากน้อยหน้า เดินไปออดอ้อนภรรยาคู่ชีวิต
“รักสิจ๊ะ รักทั้งสองคนนั่นแหละจ้ะ” ได้ยินอย่างนี้แล้วสองพ่อลูกก็ยิ้มแป้น มารดาเป็นคนใจดี สวย แถมยังทำอาหารอร่อย ครบเครื่องในคนเดียว ไม่แปลกเลยที่คนเป็นพ่อจะทั้งรักทั้งหลง แม้นว่าบิดานั้นจะมีเงินมหาศาล แต่ท่านก็รักเดียวมาโดยตลอด
...ทั้งสามนั่งกินข้าวกันพร้อมกับพูดคุยหัวเราะ เป็นครอบครัวสุขสันต์ที่เต็มไปด้วยคามสุข คงเป็นเพราะมีเงินมากมายมหาศาล ชีวิตราวกับเสกได้นี้ทำให้กรกรรณ์ที่มองอยู่อิจฉา
เขาเป็นเพียงลูกติดพ่อเลี้ยงของจารวี ไม่ได้ร่ำรวยตั้งแต่เกิด พอพ่อแม่ตาย จารวีที่แต่งงานกับมหาเศรษฐีแล้วนั้นเกิดสงสารเลยให้มาทำงานให้กับผู้เป็นสามี เขาซื่อสัตย์เสมอ เป็นหมารับใช้ที่ทำงานได้ดี ทำงานดีไม่ขาดตกบกพร่อง เขาขอแค่ให้เจนนี่ตกลงปลงใจกับลูกชายของเขา แค่นี้ทุกอย่างก็ลงล็อกเป๊ะ แต่ติดที่เธอนั้นไม่ยอม แถมโชคอานันต์ก็ไม่บังคับอีกด้วย
...กรกรรณ์เดินออกมาหน้าบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือโทรหาเจ้าลูกชายตัวดี ซึ่งรอไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ
ติ๊ด!
“อยู่ไหน เจนนี่กลับมาแล้ว!!” ผู้เป็นพ่อกรอกเสียงใส่โทรศัพท์เสียงดัง ทำเอาเจ้าลูกชายนั้นสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว
[กลับมาแล้วเหรอครับ เอ่อ เดี๋ยวผมไป]
“ละอยู่ไหน อย่าบอกนะว่าอยู่โรงแรม” เสียงของกรกรรณ์เต็มไปด้วยความหัวเสีย รู้ว่าเจ้าลูกชายไปทำอะไรที่โรงแรม
[โธ่พ่อ เดี๋ยวผมไปเหอะน่า] น้ำเสียงของลูกชายนั้นก็ไม่พอใจเท่าไร
“ฉันบอกแกแล้วไงว่าต้องอยู่รอหนูเจนนี่ แล้วแกหายหัวไปไหน”
[โธ่พ่อ เดี๋ยวผมไป อยู่รอแล้วยังไงต่ออะ ยังไงเจนนี่ก็ไม่ถามหาผมหรอก] ก็จริง ขนาดตัวเขาเองเจนจิรายังไม่ยกมือไหว้เลย แล้วจะถามหาลูกชายของเขาได้อย่างไร
“เอาน่า รีบมา” กระนั้นก็ยังไม่หมดหวัง อย่างไรคนที่เจนนี่ชอบอย่างรณพีร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตอบรับรักเจนจิราเสียที แน่นอนว่าเขายังมีหวังว่าลูกชายนั้นจะได้ลงเอยกับลูกสาวมหาเศรษฐีอย่างเจนจิรา...
หลังจากรับประทานอาหารร่วมกับพ่อแม่ เจนจิราก็ขึ้นห้องของเธอพร้อมกับยกโทรศัพท์โทรหารณพีร์ ซึ่งรู้อยู่แก่ใจว่าเขาจะไม่รับ แต่เธอก็มีเบอร์สำรอง สุดท้ายคนที่อ่านเกมออกอย่างรณพีร์ก็ไม่ยอมรับสายของเธอเหมือนเดิม
“บ้าบอที่สุด!” เจนจิราหงุดหงิด เขาไปเที่ยวกลางคืนแน่ หญิงสาวเปลี่ยนจากโทรหาเป็นพิมพ์ข้อความส่งไป
เจนนี่คนสวย: อยู่ไหนคะ กลับยัง
เจนนี่คนสวย: ไปดื่มเหรอคะ
เจนนี่คนสวย: ฉันข้อเท้าแพลงไปโรง’บาลมา
เจนนี่คนสวย: พี่ไม่เป็นห่วงฉันบ้างอะ
เจนนี่คนสวย: นอยด์ ๆ ๆ ๆ
อ่านแล้ว
เปลือกตาบางเบิกกว้าง เห็นขึ้นอ่านแล้ว แต่ก็ไม่มีข้อความเด้งกลับมา เจนจิราทำแก้มป่อง ก่อนที่เธอจะโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน เดินขากะเผลกไปอาบน้ำ
...เธออาบน้ำไม่นานก็ออกมาเพื่อดูว่าเจ้าของรักแรกของเธอนั้นส่งข้อความกลับมาแล้วหรือยัง
“บ้าชะมัด...” เธอย่นจมูกใส่โทรศัพท์มือถือ ทว่าไม่ทันจะได้ส่งข้อความไปหาเขาอีกครั้ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เจนจิราเอี้ยวใบหน้าหันไปมอง ก่อนที่เธอจะกระชับชุดคลุมอาบน้ำให้มิดชิด วางโทรศัพท์ลงแล้วเดินไปเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นแม่บ้าน ทว่าพอเปิดประตูออกไปกลับพบว่าเป็นก้องเกียรติ
“พี่ก้อง...” เธอพึมพำเรียกชื่อเสียงแผ่วเบา ส่วนเจ้าของชื่อนั้นก็สบโอกาสเลื่อนสายตามองต่ำ จนเจนจิราต้องกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำให้มิดชิดมากกว่าเดิม สายตาของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวมากเลยทีเดียว...