บทที่ 1 การกลับมา

2390 คำ
...หลายคนบอกว่าอากาศประเทศไทยนั้นมีแค่ฤดูร้อน ร้อนมาก ร้อนมาก ๆ เท่านั้น ขณะที่บางคนก็บอกว่าประเทศไทยไม่ฝนก็ร้อน ไม่ร้อนก็ฝน แทบไม่มีอากาศหนาวเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้มักมาจากคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ขณะเดียวกันคนที่ต้องระหกระเห็จไปเรียนต่างแดนเพียงลำพังนั้น กลับรู้สึกว่าอากาศร้อนนั้นช่างวิเศษ ไม่ต้องสวมโคตตัวหนา ไม่ต้องใส่ถุงน่องกันหนาวชวนอึดอัด และที่สำคัญอากาศร้อนทำให้เธอมีโอกาสได้แต่งตัวตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ นั่นก็คือ...ชุดลูกหมาตัวน้อยกับกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ เจนจิรา...คือชื่อของเธอ หล่อนเดินเชิดหน้าภายในสนามบินขนาดใหญ่ ลูกเรือโดยสารขาเข้าประเทศ เธอเดินตัวเปล่าด้วยความที่มีบริวารหลายคนคอยถือของให้ หญิงสาวในชุดเสื้อครอปคอเต่ารัดรูปแน่นเปรี๊ยะ ตั้งใจโชว์สองไฟคู่หน้าที่ใหญ่เกินตัว พร้อมกับกระโปรงจีบสั้นตัวจิ๋ว ที่กระเพื่อมตามจังหวะการเดินส่ายสะโพก หญิงสาวเดินสับ ๆ บนรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว โดยไม่มีอาการเจ็บเท้าแต่อย่างใด หล่อนทำให้ทุกสายตาภายในสนามบินขนาดใหญ่นี้หันมามองเป็นตาเดียว ทุกท่วงท่าการเดินนั้นสะกดสายตาคนมอง เธอสวย สง่าไม่ต่างจากนางพญาแม้นจะอายุเพียงยี่สิบสามปีเท่านั้น ทว่า “เอ่อ คุณหนูครับ ทางนี้ครับ” เสียงของคนรับใช้คนหนึ่งดังขึ้น เป็นบริวารที่ผู้เป็นพ่อส่งให้มารับ ซึ่งเธอบินไพรเวตเจ็ตมา กึก! ขาเรียวยาวหยุดชะงัก ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างคนไม่ค่อยจะพอใจเท่าไรนัก “ทำไมไม่รีบบอก รู้ไหมว่ามีคนมองหนูเยอะแค่ไหน เดี๋ยวจะมีคนนินทาเอาได้” เธอลดแว่นกันแดดสีชาแบรนด์ดังลงพร้อมกับต่อว่าคนรับใช้ไปด้วย “เอ่อ ขอโทษครับ” เจนจิราพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างคนเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินไปทางที่คนรับใช้ผายมือให้ ครืดด ครืดด~ ซึ่งทันทีที่ขึ้นรถมา โทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังขึ้น พอเลื่อนสายตาไปมองก็พบว่าเป็นเบอร์ของคนเป็นพ่อ เจนจิรากดรับด้วยใบหน้าเหวี่ยง ๆ “ว่าไงคะคุณพ่อ” เธอกรอกเสียงลงไป เป็นน้ำเสียงที่ใครได้ยินก็คงบอกว่าไม่เหมาะสม แต่สำหรับคนอย่างเจนจิรานั้นเธอไม่รู้ตัวนักหรอก สาวสวยที่ถูกตามใจตั้งแต่เด็ก นิสัยเอาแต่ใจนั้นมีเต็มเปี่ยม [ขึ้นรถยังเจน] “เจนนี่ค่ะ คุณพ่ออะ...หนูบอกว่าหนูชื่อเจนนี่” [โอเค ๆ ขึ้นรถยังเจนนี่] “ค่ะ ขึ้นเมื่อกี้เลยค่ะ คุณพ่อมีอะไรคะ” [พอดีพ่อจะให้แม่บ้านเตรียมอาหารให้น่ะ] “ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปหาพี่พีร์ก่อน” เป็นอันรู้กันว่าเมื่อไรที่เธอกลับมาประเทศไทยแล้วก็ต้องไปหาชายเจ้าของรักแรกก่อนเสมอ ทว่า [นี่ลูกยังหวังว่าพี่เขาจะรักหนูเหรอ พอได้แล้วน่า] “คุณพ่อ! ถ้าคุณพ่อไม่มีอะไรจะพูดก็ไม่ต้องพูดค่ะ แค่นี้นะคะ!!” ว่าเสียงดัง จนคนขับรถเหลือบสายตามองกระจกมองหลัง “มองอะไร! ขับไปสิ!!” เธอต่อว่าอย่างคนนึกหงุดหงิด บิดาผู้ให้กำเนิดชักพูดไม่เข้าหู ทั้ง ๆ ที่เธอตั้งใจจะไปหาเขา คนเป็นพ่อก็ควรให้กำลังใจ แต่กลับพูดให้เธอหงุดหงิดเสียอย่างนั้น ...เจนจิรานั่งกอดอกอยู่บนรถยนต์คันหรู รถยนต์ที่มีไม่กี่คันบนโลกใบนี้ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของประธานกรรมการบริหารบริษัทที่รวยที่สุดในประเทศ พ่อของเธอนั้นติดหนึ่งในร้อยอันดับมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลก เธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ประคบประหงมไม่ต่างจากไข่ในหิน “ถึงแล้วครับ คุณหนู” เสียงของคนขับรถดึงสติให้หลุดจากภวังค์ เธอกำลังนึกถึงใบหน้าของชายที่ตนรักและคิดถึง แม้นจะกลับมาประเทศไทยบ่อยราวกับว่าอยู่หน้าปากซอย แต่คราวนี้ที่เธอเรียนจบแล้ว หญิงสาวจะมาบอกข่าวดีกับเขาว่าเธอจะย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยถาวร ...อาคารสูงห้าชั้นนี้เคยเป็นอาคารเชิงพาณิชย์เก่า ๆ ทว่าตอนนี้มันถูกปรับปรุงหม่ด้วยฝีมือของชายที่เป็นรักแรกของเธอ ทำให้อาคารนี้สวยงามเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นสำนักงาน ภายนอกนั้นถูกโอบล้อมไปด้วยกระจกเงา สลับกับจอมอนิเตอร์ที่กำลังฉายโฆษณาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในครัวเรือน สมกับเป็นนักธุรกิจสตาร์ตอัปมือใหม่ของประเทศที่ถูกจับตามอง เจนจิรามองก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก เจ้าของอาคารนี้เหมาะที่สุด เขาเหมาะที่จะมาเป็นสามีของเธอ และผู้บริหารบริษัทของผู้เป็นพ่อที่สุด “เชิญครับ” บานประตูถูกเปิดออกด้วยฝีมือของคนขับรถ เห็นอย่างนั้นเธอถึงก้าวขาลงจากรถ เรียวขายาวนั้นตวัดลงด้วยท่าทางสง่างาม ทำเอาผู้ที่พบเห็นเป็นอันต้องหยุดมอง “ใครอะแก...” เสียงหนึ่งลอยเข้ามาในหู เจนจิราเชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ทว่า “อ้าว! นี่แกไม่รู้เหรอ ก็คุณหนูเจนนี่ขี้วีนยังไงล่ะแก” เสียงของผู้หญิงอีกคนนี้ก็เล่นเอาเจนจิราไม่พอใจ “หา!! ใช่จริงด้วย...ว่าแต่ ข่าวลือที่ว่าเธอขี้วีนนี่จริงไหม” “โอ๊ยสุด ๆ จ้า ใครจะมาเทียบได้ก็คงไม่มี สงสารแต่กับบอสนี่แหละ ไม่แปลกหรอกที่บอสไม่เอาทำเมียสักที” กึก! คำพูดนี้ทำให้ฝ่าเท้าของเจนจิราหยุดชะงัก คงเป็นเพราะเธออยู่ใต้ลมก็เลยได้ยินบทสนทนาของอีกฝ่าย แถมใต้โถงบริษัทของผู้ชายที่เธอต้องการจะเจอนั้นก็ก้องมาก จนได้ยินเสียงนินทาชัดเต็มสองรูหู “นี่! ฉันได้ยินนะว่าหล่อนพูดว่าอะไร” ร่างบางเดินเข้ามาใกล้ ซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายเข้าใกล้ สองสาวขาเมาท์ก็คอหดเข้ากระดองราวกับเต่าไร้หนทางสู้ “เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ไม่อยากสู้ รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร รวยมากแค่ไหน ไม่สู้น่ะเป็นทางออกที่ดี “ไม่ได้ตั้งใจ เหอะ!” เจนจิรายกแขนขึ้นกอดอกพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น “ไม่ได้ตั้งใจแต่ก็พูดออกรสมากเลยนะ เอาไงดีกับพวกปากปีจอนี้ดี” “เอ่อ ฉันขอโทษนะคะ ฉันจะไม่ทำอีก” “ไม่รู้แหละ ใครจะไปรู้ว่าเธอจะทำอีกหรือเปล่า เผลอ ๆ หลังจากนี้เธอสองคนก็คงจะนินทาฉันต่อ” ว่าพร้อมกับปรายสายตามองสองสาวนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะคว่ำปากลงอย่างคนดูถูกดูแคลน ทำเอาสองสาวนั้นตาลุกวาวทันที “ดูถูกกันขนาดนี้เลยเหรอคะ” “เปล่า ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” เจนจิรากระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้หล่อนสองคนนี้ เพื่อพูดอะไรบางอย่างให้ทั้งคู่ได้ยินให้ชัดเต็มสองรูหู “ดูเธอ...แค่สภาพ ก็ดูน่าสมเพชแล้ว” “นี่เธอ!” เล่นเอาสองสาวถึงกับปรี๊ดแตก แต่พอทั้งคู่ปรี่จะเข้ามาทำร้ายเจนจิรา บอดีการ์ดหนุ่มหล่อร่างบึกก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน “หึ...” เจนจิราหัวเราะเบา ๆ อย่างคนนึกสนุก แต่ทว่าพอเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว เธอก็รู้สึกเหมือนกับมีคนมองมาที่เธอ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เป็นอย่างที่คิด “พี่พีร์...” หญิงสาวตกใจ เขาคงเห็นหมดแล้วว่าเมื่อครู่เธอทะเลาะกับพนักงานในบริษัทของเขา เจนจิรารีบก้าวขาเดินสับ ๆ เร็วมากขึ้น ขณะที่รณพีร์เห็นแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง “ยัยบ้านั่นกลับมาตั้งแต่เมื่อไร” เขาสบถออกมาอย่างคนหัวเสีย วันนี้ควรเป็นวันที่ดีหลังจากที่ประชุมสรุปยอดขายเสร็จ ไม่คิดว่าจะมาเห็นภาพที่ทำให้ปวดหัวเช่นนี้ “น่าจะเพิ่งมาถึงครับ เพราะเธอมาที่นี่เป็นที่แรกทุกที” เลขาฯ ​คนสนิทเอ่ยพูดขึ้น พัชรพลเป็นเพื่อนสนิทของเขา ที่ถือหุ้นในบริษัทนี้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์โดยที่ไม่ได้ลงทุนเป็นเงิน แต่ลงทุนด้วยแรงกายทำให้รณพีร์ยกหุ้นให้แบบฟรี ๆ ไม่แปลกทาพัชรพลจะรักและเคารพเพื่อนคนนี้มาก “เฮ้อ กูละเบื่อ” “ก็ไม่ลองคบดู” เขาเสนอ มาถึงขนาดนี้แล้วลองคบแล้วก็เลิกน่าจะง่ายกว่าให้อีกฝ่ายตามจีบเป็นเงาแบบนี้ “คบแล้วกูก็ประสาทแดกเลยน่ะสิ” ส่ายหน้าเบา ๆ เจนจิรามีดีที่หน้าตาสวย หุ่นดี บ้านรวย แต่นิสัยของเธอบอกตามตรงว่าให้คบหวังฟันเฉย ๆ เขาก็ไม่อยากทำ “ทำไงได้วะครับ ลูกสาวคนเดียว ถูกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก แถมรวยล้นฟ้า ไม่มีอะไรที่เจนจิราซื้อไม่ได้ เธอซื้อมาหมดแล้วแม้นแต่ใบขับขี่” “นั่นน่ะสิ แล้วมึงยังสนับสนุนกูให้คบกับเธออีก หรือว่า...หรือว่ามึงโดนซื้อไปอีกคน” “ไม่ใช่โว้ย!” พัชรพลรีบปฏิเสธ ก่อนที่เสียงเคาะประตูห้องทำงานของรณพีร์จะดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “มึงไปบอกเธอเลยว่ากูไม่อยู่” “ไม่อยู่ได้ไง ก็เธอเพิ่งเห็นมึงเข้ามาเมื่อกี้” รณพีร์อยากกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด เขาไม่อยากเจอหน้าเจนจิราเลย เธอทำเขาประสาทเสียอยู่เรื่อย “งั้นบอกว่ากูติดงาน” พัชรพลนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ รับ เขาเดินออกไปเปิดประตูให้กับคุณหนูเจนจิรา แอ๊ด~ “ฮาย~ เซอร์ไพรส์!!” ทันทีที่บานประตูเปิดออก ร่างบางของเจนจิราก็เดินเข้ามาพร้อมกับกางแขนออกทั้งสองข้าง เหมือนกับกำลังทำการเซอร์ไพรส์อะไรบางอย่าง แต่คนที่โดนเซอร์ไพรส์ทั้งสองนั้นกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนกับถูกเซอร์ไพรส์ ใบหน้าเบื่อหน่ายของชายที่เธอคิดถึงที่สุดทำให้เจนจิราหน้าเจื่อนเล็กน้อย แต่เธอมันก็เลือดนักสู้ไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว “คิดถึงหนูไหมคะ” เธอฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวจั๊วะที่เพิ่งไปทำวีเนียร์มา “พี่พีร์ ไม่ตอบล่ะ” “คุณรณพีร์ติดงานอยู่ครับ” “อย่ามาหลอก เป็นผีหรือไงคะหลอกอยู่ได้” เจนจิรากลอกตามองบน ก่อนจะเดินกระแทกไหล่ของพัชรพลเข้าไปหาคนที่เธออยากเจอหน้าที่สุด กระนั้นเขาก็เอาแต่ก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะ “พี่พีร์...” เอ่ยเรียกก็แล้ว แต่เขาก็ทำท่าทีเหมือนกับไม่อยากเจอเธอ เห็นอย่างนั้นคนตัวเล็กก็เดินเข้าไปใกล้ หย่อนสะโพกลงนั่งตักเขาทันที “เฮ้ย!!” เล่นเอาชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังยกเรียวแขนขึ้นกอดคอเขาอีกต่างหาก “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยเจน” “ไม่ค่ะ ใครบอกให้พี่ไม่สนใจฉันคะ” ว่าพร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่ ใบหน้าเล็กนั้นยียวนกวนประสาทเขามากเลยทีเดียว รณพีร์หันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเลขาฯ คนสนิท แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเบา ๆ อย่างคนช่วยอะไรไม่ได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องของคนเป็นนายไป “ไอ้พัช! บ้าเอ๊ย! มึงนี่อยู่ข้างใครกันแน่วะ!!” ตะโกนไล่หลังสุดเสียงแต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อเพื่อนพ่วงตำแหน่งเลขาฯ คนสนิทนั้นไม่เหลียวหลัง “ทำไมคะ เจอหน้าฉันมันต้องร้องถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” “ไม่ต้องมาพูด แล้วก็ลงไปเดี๋ยวนี้เลยเจน” “ไม่ลงค่ะ เพราะฉันคิดถึงพี่ที่สุด” ว่าแล้วก็ฉวยโอกาสนี้โน้มหน้าลงหอมแก้มเขาแรง ๆ ทำเอาชายหนุ่มตกใจมากกว่าเดิม เขาผลักเธออย่างแรง แต่สาวเจ้าก็กอดคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ทว่า “ปล่อยได้แล้วเจน เหม็นเต่า” “ฮะ...” “กลิ่นตัวอย่างเหม็น แต่ก็มากอดคนอื่นเนี่ยนะ” เธอไม่มีกลิ่นตัวหรอก ประโคมน้ำหอมราคาแพงกลิ่นฟุ้งซะขนาดนี้ แต่ที่เขาพูดก็เพราะอยากให้เธอลงจากตักเขาก็เท่านั้น ซึ่งมันก็ได้ผล “จะ...จริงเหรอคะ” เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ จนขนตาปลอมที่ติดมานั้นสั่นพั่บ ๆ หญิงสาวเสียความมั่นใจในทันที เธอค่อย ๆ ก้มหน้าลงดมรักแร้ของตัวเอง ซึ่งไม่ทันจะได้ดมดี ๆ คนตัวโตฉวยโอกาสนี้ดึงแขนของเธอออก พร้อมกับผลักให้เธอออกจากตักของเขาจนได้ “ว้าย!” ร่างบางเซถลาเกือบล้มก้นจูบพื้น แต่ยังดีที่ทรงตัวไว้ได้เสียก่อน แถมเขาก็ไม่คิดที่จะรั้งเธอมากอดเหมือนกับในละครหลังข่าวอีกด้วย “พี่พีร์!!” หล่อนแว้ดเสียงดังเช่นเดิม “ออกไปได้แล้วเจนนี่ เธอไม่ควรมาทำตัวน่ารำคาญที่นี่” สิ่งที่เขาพูดนั้นแม้นจะเป็นประโยคเดิม ๆ ที่เขาเอาแต่ต่อว่าเธอ แต่ก็ไม่เคยชินเลยสักครั้ง ยังคงเจ็บเหมือนเดิม “ฉันไม่ได้มาทำตัวน่ารำคาญนะคะ แค่คิดถึงแล้วพอกลับมาก็มาหาพี่คนแรกเลย อ้อ ละฉันจะมาบอกว่า...ฉันกลับไทยถาวรแล้วนะคะ” “ฮะ...” ไม่อยากจะเชื่อหู พร้อมกับภาวนาในใจขอให้สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องโกหก แต่คำขอของเขาคงไม่เป็นจริง “ฉันเรียนจบแล้ว แล้วก็กลับมาฝึกงานกับคุณพ่อค่ะ” ใบหน้าของรณพีร์นั้นฉายแววผิดหวัง เขากลอกตามองบนอย่างคนเบื่อหน่าย หลังจากนี้ชีวิตของเขาคงไม่สงบสุขอีกแล้ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม