ตอนที่ 5 ขายต่างหู

1659 คำ
ถังเยียนได้ยินคำกล่าวของพี่สาวเขาก็หน้าขาวซีดหนักไปกว่าเดิม วันหนึ่งหากพี่สาวแต่งเข้าสกุลเกาไปจริงๆ เมื่อเขาโตขึ้นยังคิดว่าจะขอพื้นที่เล็กๆ ในที่ดินสามหมู่ของครอบครัวไว้สร้างกระท่อมพาถังฮุ่ยหลินแยกไปอาศัยอยู่กันตามลำพัง แต่เวลานี้พี่ใหญ่กำลังคิดจะขายที่ดินออกไป เท่ากับว่าพวกเขาสามพี่น้องสิ้นเนื้อประดาตัวกันโดยสมบูรณ์แล้วจริงๆ “พี่ใหญ่ อย่าขายเลยขอรับ ที่ดินสามหมู่นั้นอีกหน่อยข้าจะไปทำการเพาะปลูกเอง ขอเพียงเก็บเงินซื้อเมล็ดพันธุ์ซื้อเครื่องมือการเกษตรสักสองสามชิ้น ข้ากับน้องสามจะช่วยกันทำไร่นาหาเงินมาให้พี่ได้” “เจ้าอย่าโง่ไปหน่อยเลยอาเยียน ต่อไปพี่อวิ้นของข้าจะมีส่วนแบ่งธัญพืชเป็นเบี้ยหวัดจากหลวง เรายังต้องเพาะปลูกของพวกนี้กันเองอยู่อีกหรือ? เจ้ากับอาหลินยังเด็ก เดินไปหยิบฉวยเอาจากไร่นาผู้ใดก็ไม่มีใครว่ากล่าวแล้วต้องเหนื่อยยากกันด้วยเหตุใด” ถังเยียนก้มหน้าก้มตารับฟังคำกล่าวของถังจื่อรั่วอย่างเชื่อฟัง แม้ในใจจะประท้วงอยู่ว่าวันหนึ่งเขาและน้องสาวก็ต้องเติบโต เวลานั้นเข้าไปขโมยพืชผักของผู้อื่น แล้วตนจะไม่ถูกจับส่งทางการเข้าหรือไร แต่เด็กน้อยมีเพียงพี่สาวคนเดียวเท่านั้น ตัวเขาก็ไม่มีเงิน ไม่สามารถพาน้องสาวหลีกหนีจากการสั่งสอนที่ตนไม่ชอบนักเหล่านี้ไปได้ ………. “ท่านแม่นั่นจื่อรั่วไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หลัวลู่จิ่วชี้ไปที่ร่างเล็กสองร่างที่เดินประคองแขนพี่สาวใหญ่ของพวกเขา กำลังเดินผ่านหน้าตนสองแม่ลูกพี่เพิ่งกลับจากพื้นที่เพาะปลูกมา “เหอะ!! พรุ่งนี้ฝนจะตกแล้วกระมังจิ่วเอ๋อร์ สตรีน่ารังเกียจผู้นั้นถึงได้ยินยอมก้าวออกมาจากเรือน” “ท่านแม่ พวกเราตามไปดูสักหน่อยดีกว่าเจ้าค่ะ อย่างไรนางก็อาศัยอยู่ในเรือนสกุลเกา หากไปสร้างความเดือดร้อน ชาวบ้านก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิท่านอยู่ดีว่าควบคุมนางเอาไว้ไม่อยู่” หลัวลู่จิ่วคิดว่าสามพี่น้องคงออกไปหาแย่งชิงอาหารจากผู้อื่นเป็นแน่ “ดูเหมือนนางกำลังจะเดินไปทางเรือนหัวหน้าหมู่บ้านนะ ตามไปหน่อยก็ดี” หลัวซิ่นถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ไม่เพียงสองแม่ลูกแซ่หลัวเท่านั้นที่เห็นร่างงาม กับเสื้อผ้าสีสันสดใสแปลกตา เกินหน้าเด็กสาวคนอื่นในหมู่บ้านที่ถังจื่อรั่วสวมใส่เป็นประจำ ถังจื่อรั่วปรากฏกายออกจากเรือนทั้งที ย่อมมีเรื่องให้คนในหมู่บ้านได้ดูชมความครึกครื้น หลายคนจึงเดินตามสามพี่น้องจนมาถึงเรือนของเหลียงเปียวตามคาด “ขายที่ดินหรือ?” “เจ้าค่ะ แต่งเข้าสกุลเกาข้าก็ต้องย้ายมาอยู่เรือนสกุลเกาอยู่ดี แล้วจะเก็บที่ดินผืนนั้นไว้ทำไม เวลานี้เราสามพี่น้องถูกรังแกจากมารดาเลี้ยงของพี่ชายอวิ้น ข้าวสารสักเม็ดก็ยังไม่มีจะกิน ข้าจำเป็นต้องทำเช่นนี้เจ้าค่ะท่านปู่เหลียง” “ว่ากันตามจริง เจ้าก็ควรแบ่งให้น้องคนละหมู่ หากขายออกไปน้องเจ้าจะอยู่ที่ใดกัน” “พวกเขาก็ต้องอาศัยอยู่กับข้าอยู่แล้ว” เด็กสาวคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านช่างกล่าวคำได้ไร้สาระเหลือเกิน หากนางไม่มีน้องทั้งสอง ผู้ใดจะคอยเป็นมือเป็นเท้าให้นางกันเล่า? “ขายไม่ได้!!” นางหลัวพุ่งตัวออกมาจากฝูงชน “เจ้ามาเกี่ยวข้องอันใดอีกเล่า ที่ดินสามหมู่เป็นของข้า อย่าเข้ามาสอด” ถังจื่อรั่วตะคอกนางหลัวไม่ไว้หน้า “จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร บิดาของอาอวิ้นมอบเครื่องประดับของหมั้นให้สกุลถังไว้ไม่น้อย ที่ผ่านมาสตรีผู้นี้ก็เก็บเอาไปขายจนสิ้น หากซ่งอวิ้นเสร็จสิ้นจากการสอบเมื่อใดข้าคิดว่าเขาต้องมาจัดการยุติการหมั้นหมายกับเด็กสกุลถังเป็นแน่ ของหมั้นเหล่านั้นนางหามาคืนไม่ได้ก็ต้องเอาที่ดินมาชดใช้แทน!!” ถังจื่อรั่วชะงักไปชั่วครู่ ของหมั้นเหล่านั้นนางขายไปแล้วจริงๆ “จะได้ตบแต่งหรือไม่ข้าก็จะขายอยู่ดี ไม่อย่างนั้นเราสามพี่น้องจะเอาอะไรกิน” หญิงสาวเม้มริมฝากงามอย่างไม่สบอารมณ์ “นางหลัวซื่อกล่าวมีเหตุผลอยู่นะ เรื่องการหมั้นหมายของเจ้ากับซ่งอวิ้นมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ ของหมั้นที่สกุลเกาส่งไปล้วนถูกบันทึกไว้ทั้งหมด ยังมีฉบับคัดลอกเก็บไว้ที่ข้าอยู่หนึ่งฉบับเลย” เหลียงเปียวเพิ่งนึกเรื่องของหมั้นได้เช่นกัน สองสามีสกุลเกามีบุตรชายเพียงคนเดียว มารดาของเกาซ่งอวิ้นจึงยกสินเดิมของนางเป็นของหมั้นส่งไปที่สกุลถัง ในนั้นมีเครื่องประดับเป็นปิ่น ต่างหู แหวน ผ้าแพร แจกัน ถ้วยชาม ถึงจะไม่ได้ราคาสูงแต่ก็หลายชิ้น คะเนได้ว่าราคาอาจจะพอๆ กับที่ดินสามหมู่นั้น “ข้ายังออกโฉนดใหม่ให้เจ้าไม่ได้หรอกหลานสาวจื่อรั่ว แม้ว่าจะไม่คิดถึงเรื่องว่าเจ้าต้องชดเชยคืนของหมั้นให้สกุลเกาหรือไม่ แต่ที่ดินสามหมู่ก็สมควรแบ่งให้น้องของเจ้าเช่นเดียวกัน ทุกคนเป็นพยานให้ข้าด้วย หากถังเยียนยังอายุไม่ถึง 15 ปี ที่ดินผืนนี้จะยังไม่ถูกตัดสินว่าเป็นของผู้ใด” “เช่นนั้นพวกท่านก็ต้องช่วยกันหาทางออกให้เราสามคน หากขายที่ดินไม่ได้ เราก็จะไม่มีอาหาร ใครจะมารับผิดชอบชีวิตพวกเราเล่า?” หญิงสาวกระทืบเท้าสองข้างไปมา ราวกับทุกคนในหมู่บ้านล้วนมีส่วนที่ตนไม่มีอาหารจะกิน “เหลวไหล เจ้าอายุเท่าใดแล้ว มีสตรีคนใดในหมู่บ้านทำตัวเช่นเจ้าบ้าง วันๆ ไม่เคยออกมาช่วยทำงานในบ้าน หากเจ้าคิดถึงใจผู้อื่นบ้างมีหรือข้าจะไม่หยินยื่นอาหารให้เจ้าสามคน ข้าให้ที่พัก ลู่เอ๋อร์ต้องแบกน้ำเพียงลำพังไว้ให้เจ้าสามคนดื่มกิน แต่นี่แม้แต่ถ้วยจานที่เจ้ากินเจ้ายังไม่ล้าง เหตุใดข้าจะต้องเลี้ยงดูสุกรอย่างเจ้าด้วยเล่า” หลัวซิ่นโต้ตอบ นางมั่นใจว่าการกระทำของนางถูกต้องแล้ว “ใช่ ที่ผ่านมาชาวบ้านในหมู่บ้านล้วนไม่ได้เป็นหนี้เจ้าสามพี่น้อง ถังเยียนมาขโมยผัก ขโมยพืชผลเราไปเท่าใด พวกเรายังไม่เคยไปเรียกร้องเงินทองจากเจ้าเลยสักอีแปะ ปากท้องของพวกเจ้าเราไปเกี่ยวข้องอันใดด้วย” กลุ่มชาวบ้านรีบออกตัว ถังจื่อรั่ว เห็นสายตาดูถูกเหยียดหยามจากคนในหมู่บ้าน นางก็รู้แล้วว่าตนคงไม่สามารถอาละวาดเรียกร้องสิ่งใดได้อีก “ข้าคิดออกแล้ว! ตอนข้ายังเด็ก ท่านแม่ของข้าได้มอบต่างหูให้ข้าไว้คู่หนึ่ง ข้างหนึ่งอยู่กับข้า อีกข้างได้มอบให้พี่อวิ้นไป เวลานั้นพี่อวิ้นก็ยังอายุน้อย เป็นเจ้าหลัวซื่อ! เจ้าเก็บต่างหูของข้าเอาไว้ใช่หรือไม่ เอาคืนข้ามาเสียสิ ข้าจะขายต่างหู” “ข้าแต่งเข้าเรือนสกุลเกามาตอนอาอวิ้นอายุ 4 ขวบ ไม่เคยรู้เรื่องต่างหูอะไรนี่สักหน่อย เจ้าอย่ามากล่าวหากันมั่วซั่ว” “นี่ไง ต่างหูชิ้นนี้อยู่กับข้าอีกข้างอยู่กับพี่อวิ้น หากไม่ใช่เจ้าเก็บไว้แล้วผู้ใดจะเอาไป นังหัวขโมย” ถังจื่อรั่วไม่ยินยอม ปรี่เข้าไปหาหลัวซิ่นพยายามจะค้นตัวของสตรีสูงวัยกว่า “ช้าก่อน! เรื่องนี้ข้าพอจะตอบได้ เมื่อปีก่อนอาอวิ้นไม่สบาย ข้าพบเขานำต่างหูข้างหนึ่งไปขายให้โรงรับจำนำในเมืองซุ่นโจว เพื่อไปซื้อยา ต่างหูไม่ได้อยู่กับนางหลัวซื่อหรอก” สตรีสูงวัยในหมู่บ้านนึกขึ้นมาได้เช่นกัน “แน่ใจหรือนางหวัง เจ้าเห็นกับตาจริงๆ หรือ” เหลียงเปียวหันมาถามหญิงชรา “ข้าไม่ได้เห็นต่างหูหรอก แต่ข้าได้ยินชัดเจนว่าเถ้าแก่ไม่อยากได้ต่างหูเพียงข้างเดียว เพราะรับซื้อเอาไว้ก็ไม่รู้จะไปขายต่อให้กับผู้ใด แต่เวลานั้นอาอวิ้นป่วยจนหน้าแดงก่ำ ไอตลอดเวลา เถ้าแก่สงสารจึงยอมรับซื้อเอาไว้ เรื่องเพิ่งผ่านไปไม่นาน ต่างหูข้างเดียวไม่มีผู้ใดนำไปขายได้บ่อยๆ ให้เถ้าแก่โรงรับจำนำยืนยันเขาคงจำได้” “ว่าอย่างไรจื่อรั่ว เจ้าจะเข้าไปสอบถามกับเถ้าแก่โรงรับจำนำหรือไม่เล่า ข้าจะออกหน้าพาเจ้าไปเอง" เหลียงเปียวอาสา ถังจื่อรั่วใจหายไปไม่น้อย ต่างหูที่ตนและเกาซ่งอวิ้นเก็บไว้คนละข้างไม่ต่างจากของแทนใจซึ่งกันและกัน ตลอดมาแม้ว่านางจะขายทรัพย์สมบัติไปหลายชิ้น แต่ไม่เคยแตะต้องต่างหูข้างเดียวที่เก็บติดตัวไว้ตลอดเวลาเลย ไม่คิดว่าเกาซ่งอวิ้นจะไม่ใส่ใจนางจนถึงขั้นเอาออกไปขายก่อนเสียได้ “ไม่ไปถามหรอกเจ้าค่ะ ท่านยายหวังก็ยืนยันด้วยตัวเองแล้วมิใช่หรือ” หญิงสาวคล้ายจะหมดเรี่ยวแรง ที่ผ่านมานางยังหวังว่าเกาซ่งอวิ้นเพียงแค่พยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษจึงได้เอาแต่หลบหน้าตนเท่านั้น ที่แท้เขาไม่ได้สนใจนางจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม