หมู่บ้านหนิงป่อ เมืองซุ่นโจว
“ชีวิตข้ากับบุตรสาวล้วนถูกสวรรค์กลั่นแกล้งรังแก! พวกท่านยังคิดจะให้ข้าต้องรับกรรมที่ข้าไม่ได้ก่อขึ้นมาเองเช่นนี้อีกหรือไร” หลัวซิ่นสตรีวัย40 กว่าปี ค่อนข้างเจ้าเนื้อผิวกายหยาบกร้าน ร่ำร้องโอดครวญอยู่บนพื้นดิน
“เพ่ย!! แล้วมันกงการอันใดของผู้เฒ่าเช่นข้าด้วยเล่า แม่หนูจื่อรั่วเป็นว่าที่บุตรสะใภ้สกุลเกามิใช่หรือ เกาเหว่ยหลงเป็นสามีเจ้า นางย่อมเป็นว่าที่สะใภ้เจ้าเช่นกัน พวกเราต่างหากที่ไม่เกี่ยวกับนาง จะให้ข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องในสกุลเจ้าได้อย่างไรกัน” ผู้เฒ่าเหลียงเปียวหัวหน้าหมู่บ้าน เปล่งเสียงตะคอกใส่นางหลัวซึ่งเป็นสมาชิกในหมู่บ้านหนิงป่อแห่งนี้
“สะใภ้บ้าบออันใดกัน ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยงของอาอวิ้น สามีก็ตายไปแล้ว ข้าต้องเลี้ยงดูซ่งอวิ้นกับบุตรสาวของตัวเองเพียงลำพังผู้เดียวก็เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด จะให้รับเด็กบ้านถังอีกสามคนมาเลี้ยงดูไหวได้อย่างไรกัน พวกท่านมองดูก็รู้ว่าข้าไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่ประการใด" นางหลัวยังคงยืนกรานร้องขอความเป็นธรรม
เหลียงเปียวหัวหน้าหมู่บ้านทำหน้าเหยเก พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่บ้าง ปัญหาของครอบครัวสกุลเกานั้นวุ่นวายซับซ้อนอย่างที่นางหลัวมาร้องขอความช่วยเหลืออยู่จริง แต่ตนก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากเพราะเด็กสกุลถังทั้งสามคนก็สร้างปัญหาให้คนในหมู่บ้านไว้ไม่น้อย พวกเขาดีใจกันแทบแย่เมื่อเหลียงเปียวส่งเด็กทั้งสามไปไว้ในบ้านสกุลเกา
เดิมทีเกาเหว่ยหลงกับถังฟู่เฉิงบิดาของถังจื่อรั่วและน้องอีกสองคนเป็นสหายกันมานานนม ทั้งคู่ตัดสินใจหมั้นหมายเกาซ่งอวิ้นกับถังจื่อรั่วตั้งแต่เด็กทั้งสองยังเยาว์วัย มารดาของเกาซ่งอวิ้นเสียชีวิตไปตั้งแต่บุตรชายอายุได้เพียงสี่ขวบ เกาเหว่ยหลงก็ได้แม่สื่อจับคู่รับเอาหลัวซิ่นหญิงหม้ายลูกติดมาเป็นภรรยาเพื่อช่วยเลี้ยงดูบุตร
เมื่อเกาเหว่ยหลงล้มป่วยตายไปอีกคน นางหลัวจึงกลายเป็นแม่เลี้ยงของเกาซ่งอวิ้นที่เวลานั้นเพิ่งจะอายุได้ 8 ปี ทำให้นางสามารถควบคุมเงินทองสมบัติเดิมของเกาเหว่ยหลงเพียงผู้เดียวโดยที่ไม่มีผู้ใดคัดค้านเพราะอย่างไรเกาซ่งอวิ้นก็ยังเป็นเพียงเด็กชายจำต้องมีผู้อาวุโสดูแล
ถังฟู่เฉิงและภรรยาก็ยังเพียรเข้ามาดูแลเกาซ่งอวิ้นบุตรเขยในอนาคตของพวกตนอยู่ตลอด ทั้งยังจัดหาสถานที่ให้เด็กชายได้ร่ำเรียนหนังสือ เพื่อวันหน้าบุตรสาวตนจะได้เป็นภรรยาของบัณฑิต
นางหลัวซิ่นก็ไม่ได้ห้ามปรามและยังออกค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนของเด็กหนุ่มด้วยตนเองเพราะภายหลังหากเกาซ่งอวิ้นประสบความสำเร็จ นางก็จะได้ชื่อว่าเป็นมารดาของบัณฑิตเช่นกัน ทำให้สองครอบครัวยังคงรักษาคำมั่นสัญญาเดิมเอาไว้ได้โดยไม่มีการทะเลาะบาดหมางแต่อย่างใด
ไม่คิดว่าเมื่อสองปีก่อน สองสามีภรรยาสกุลถังก็เสียชีวิตไปจากการจมน้ำขณะออกไปจับปลา ทำให้สามพี่น้องสกุลถังต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ใช้ชีวิตกันลำพังในเรือนสกุลถังที่มีฐานะพอใช้ได้ไม่ได้ลำบากอันใดมากนัก
ถังจื่อรั่วเป็นเด็กสาวที่รักสวยรักงาม ใบหน้าผิวพรรณของนางล้วนงามกว่าสตรีทุกคนในหมู่บ้านหนิงป่อ ไม่มีเด็กหนุ่มคนใดไม่คิดอิจฉาเกาซ่งอวิ้นที่จะได้นางเป็นภรรยาในอนาคตแต่สาวน้อยก็รักสบายเช่นเดียวกับรักความงามของตนเองเช่นกัน
นางใช้เงินเก็บของบิดามารดา ซื้อเสื้อผ้า จ้างคนทำอาหารการกิน จ้างคนทำงานในที่ดิน 3 หมู่อันเป็นสมบัติเพียงแห่งเดียวของครอบครัวโดยที่นางไม่เคยหยิบจับงานการใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
ถังเยียนน้องชายของถังจื่อรั่วอายุน้อยกว่าพี่สาวห้าปี เป็นเด็กซนและดื้อชนิดหาตัวจับได้ยาก เขาเลิกเรียนหนังสือและใช้ชีวิตเที่ยวเล่นอยู่ในป่าเขา ยิงนกตกปลาไปตามประสา
นานวันเข้าก็จับกลุ่มกับเด็กเกเรที่อายุมากกว่าภายในหมู่บ้าน พากันลักขโมยไก่ของชาวบ้านมาย่างกินหน้าตาเฉย ข้าวโพด มัน ในไร่ของผู้อื่นหากเด็กกลุ่มนี้หิวขึ้นมาก็จะขุดขโมยเอามากินกัน เป็นที่อิดหนาระอาใจของคนในหมู่บ้าน แต่ทุกคนก็ได้แต่อภัยเพราะเห็นว่าเด็กชายไม่มีผู้ใหญ่อบรมสั่งสอน พี่สาวของเขาก็เอาแต่กินนอนอยู่แต่ในเรือนฝ่ายเดียว
มีเพียงถังฮุ่ยหลิน เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ยังไม่รู้ประสีประสาเท่านั้น ที่ดูจะใช้การได้กว่าพี่สาวและพี่ชาย เด็กน้อยแม้จะอายุยังน้อยก็ยังรู้จักทำงานบ้านงานเรือน วิ่งรับใช้พี่สาวของนางอยู่ในเรือนทั้งวัน
ผ่านไปปีเศษ ถังจื่อรั่วที่ไม่รู้ความก็ใช้เงินเก็บรวมทั้งเงินที่ขายผลผลิตได้ไปจนหมดสิ้น นางจึงเริ่มขายสมบัติในเรือนและเครื่องประดับที่ประโคมซื้อมาออกไปทีละชิ้น
เวลานั้นสหายเก่าของคู่สามีภรรยาสกุลถังก็ช่วยกันไปอบรมสั่งสอนเด็กสาวให้รู้จักใช้เงิน แต่กลับถูกเด็กสาวด่ากราดออกมาสาดเสียเทเสีย ทำให้ไม่มีผู้ใดอยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับสามพี่น้องอีกต่อไป
ความไม่เอาไหนของถังจื่อรั่วและถังเยียนรวมกับความไร้เดียงสาของถังฮุ่ยหลิน ในคืนหนึ่งพวกเขาจุดตะเกียงทิ้งไว้โดยที่ไม่มีผู้ใดมาดับไฟก่อนนอน ตะเกียงถูกลมพัดล้มไปลุกติดเสื้อผ้าที่กองระเกะระกะอยู่ในเรือนจนลุกไหม้ กว่าจะชาวบ้านจะมาถึงและช่วยกันดับไฟเรือนก็วอดวายไปทั้งหลังแล้ว แต่โชคยังดีที่สามพี่น้องหนีรอดออกมาจากเรือนได้
เหลียงเปียวหัวหน้าหมู่บ้าน ไม่รู้จะจัดการเช่นไรกับสามพี่น้องดี เพราะพวกเขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติมิตรหลงเหลืออยู่อีกแล้ว จึงได้แต่บากหน้านำทางเด็กสามคนมายังเรือนสกุลเกา อ้างสัญญาหมั้นหมายที่คนทั้งหมู่บ้านต่างก็รับรู้เป็นพยานโดยทั่วกัน จับเด็กสามคนเข้าเรือนสกุลเกา ส่งให้นางหลัวแม่เลี้ยงของเกาซ่งอวิ้นยินยอมรับว่าที่สะใภ้กับน้อง ๆ ของนางดูแลเอาไว้ก่อน
นางหลัวซิ่น แม้จะได้ควบคุมการเงินของสกุลเกาแต่นางก็ยังเจียมตัวอยู่ว่าตนเป็นเพียงมารดาเลี้ยง เกาซ่งอวิ้นคือทายาทตัวจริงของสกุลเกา
เด็กหนุ่มก็ได้รับคำชื่นชมจากสำนักศึกษามาตลอดหลายปี ท่านอาจารย์มักจะคุยให้นางฟังเสมอว่าเกาซ่งอวิ้นน่าจะผ่านการคัดเลือกในการสอบถงเซิง(1)ที่ใกล้จะมาถึง นางจึงจำต้องรับเอาถังจื่อรั่วและน้องสองคนมาดูแลในฐานะคู่หมายของเกาซ่งอวิ้นด้วยความเกรงใจและอยากจะเอาใจว่าที่ถงเซิงคนแรกของหมู่บ้านหนิงป่อ
“สามเดือน!! ข้ากับบุตรสาวต้องทุกข์ระทมจากพี่น้องสามคนนี้มานานถึงสามเดือนเลยเชียวนะ เวลานี้นางแทบจะนั่งกินนอนกินอยู่บนหัวข้าอยู่แล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้วท่านหัวหน้าหมู่บ้าน”
“ปากมาก!! ข้าจะกินจะนอนอยู่บนหัวเจ้าสองแม่ลูกแล้วอย่างไร เงินทุกอีแปะข้าวทุกเม็ดที่อยู่ในเรือนสกุลเกาล้วนแล้วแต่เป็นของว่าที่สามีข้า อีกไม่กี่เดือนพอข้าอายุครบ 15 ปี พี่อวิ้นก็จะรับข้าเป็นภรรยา เวลานั้นเจ้าสองคนแม่ลูกนั่นล่ะจะถูกเฉดหัวออกจากสกุลเกา” ร่างงามของถังจื่อรั่วแทรกมายืนเบื้องหน้ากลุ่มชาวบ้านพลางชี้นิ้วไปที่นางหลัวซิ่นอย่างไม่กลัวเกรง
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พากันถอยหลังหนีจากคู่แม่สามีว่าที่ลูกสะใภ้คู่นี้กันเป็นแถว พลางนึกเสียดายความงามของเด็กสาวที่อ้าปากคราวใดก็คล้ายว่าเลี้ยงสุนัขเอาไว้ทั้งฝูงอยู่ในปาก พูดจาหยาบคายปากเปราะเราะร้าย พวกเขาไม่อยากจะถูกลูกหลงเข้าไปด้วย
“พวกท่านดู!! ดูนางกันเองเถิด แม้ว่าข้าจะเป็นมารดาเลี้ยงแต่ก็เลี้ยงดูซ่งอวิ้นมาตั้งแต่สี่ขวบจนเป็นหนุ่ม รักเขาไม่ต่างจากบุตรชายแท้ๆ ของตนเอง งานการทุกอย่างในไร่นาข้ากับบุตรสาวล้วนทำเองทั้งสิ้น ส่งเงินทุกตำลึงให้บุตรชายได้ร่ำเรียนจนเติบใหญ่ แล้วว่าที่สะใภ้อย่างนางยังคิดจะขับไล่ไสส่งข้าอยู่อีก เวรกรรมของข้าแท้ๆ เชียว”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ว่าตนเป็นเพียงแม่เลี้ยง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่อวิ้นสักนิด อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่านังแก่อย่างเจ้าคิดหมายจะให้บุตรสาวตัวดีของเจ้าได้เป็นภรรยาของพี่อวิ้นล่ะสิ ถึงได้เกาะติดเขาแจเพียงนั้น หากข้ายังอยู่ก็อย่าได้ฝันไปเลย” ถังจื่อรั่วเดินไปบิดแขนหลัวลู่จิ่วบุตรสาวของหลัวซิ่นจนแดงก่ำ
“ข้าเปล่านะเจ้าคะ พี่อวิ้นเป็นพี่ชายข้า เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด” หลัวลู่จิ่วร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา นางกับถังจื่อรั่วอายุ 14 ปีเศษเท่ากัน แต่ถังจื่อรั่วตัวสูงกว่านางมากนัก ทำให้นางไม่สามารถขัดขืนแรงของหญิงสาวที่กินดีอยู่ดี ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอย่างถังจื่อรั่วได้แม้แต่นิด
ถงเชิง แปลตามตัวอักษรว่า "นักศึกษาเด็ก" คือผู้ที่สอบผ่านระดับต้น หรือระดับท้องถิ่นในขั้น เซี่ยนชื่อ และ ฝู่ชื่อ โดยไม่ว่าผู้สอบผ่านนั้นจะมีอายุเท่าใดก็ตามก็จะถูกเรียกด้วยคำนี้ เป็นการสอบที่เทียบได้กับการสอบเพื่อเข้าศึกษาต่อในปัจจุบัน