ตอนที่ 4...

2719 คำ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่จุ๋ม” “สวัสดีจ้ะน้องกวาง มาแต่เช้าเลยนะ ท่านประธานยังไม่มาเลย” “กวางทราบค่ะ ที่แวะมาหาพี่จุ๋มเพราะว่าอยากถามอะไรสักนิดนึงค่ะ” “นิดเดียวเองเหรอ” จันจิราเลขาหน้าห้องของทักดนัยถามอย่างเย้าแหย่และเป็นกันเอง “ก็อาจจะไม่นิด แต่ก็ไม่เยอะค่ะ” กัญญาณัฐยิ้มเขิน ก่อนจะมองไปรอบๆ จนแน่ใจว่า ไม่มีใครอยู่แถวนี้จริงๆ “จะถามอะไรจ๊ะ ถ้าพี่ตอบได้ พี่จะตอบ แต่พี่ขอจัดเอกสารไปด้วยนะ” เธอพูดจบก็ก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารบนโต๊ะ “กวางจะถามว่าท่านประธานคนใหม่นิสัยใจคอเป็นยังไงคะ เมื่อวานท่านถามกวางเรื่องแผนการตลาดที่จะนำเข้าเสื้อผ้าจากประเทศจีน กวางมัวแต่งงๆ เลยไม่ทันได้ตอบ เช้านี้ท่านเลยบอกให้กวางมาตอบคำถาม กวางเลยอยากเตรียมตัวรับมือค่ะ” “พี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนะว่านิสัยเป็นยังไง พี่จะตอบตามที่พี่เคยเจอมาก่อนหน้านี้แล้วกัน” เธอพูดจบก็ยกแฟ้มเอกสารไปจัดวางที่ชั้นด้านหลังโต๊ะทำงาน “เท่าที่พี่จุ๋มทราบก็ยังดีค่ะ” “ท่านประธานคนใหม่ พี่เคยเห็นตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ตั้งแต่สมัยทำงานกับพ่อของคุณแทน นิสัยก็เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปนะ แต่ที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นคือเรียนเก่งมาก แต่ก็ไม่ใช่เด็กเรียนจนไม่เข้าสังคม เรียนด้วย เที่ยวด้วย แบ่งเวลาเป็น กลับจากเรียนเมืองนอกหลายปีก็ไปช่วยงานบริษัทที่ชลบุรี คนที่สาขานั้นก็บอกว่าทำงานเก่ง จริงจังกับการทำงาน ค่อนข้างเป็นกันเองกับพนักงานในบริษัท แต่ก็ไม่เปิดโอกาสให้พนักงานสนิทสนมได้ง่ายๆ” “หมายถึง... เป็นคนโลกส่วนตัวสูงเหรอคะ” “พี่ว่าน่าจะไม่ใช่นะ น่าจะหวงความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่มันเป็นคำบอกเล่าจากสาวๆ ที่พยายามเข้าหาคุณแทน ก็หล่อแถมยังรวยซะขนาดนั้น สาวๆ ในบริษัทก็อยากได้เป็นเจ้าของเป็นธรรมดา” “แล้วดุไหมคะ” “ก็น่าจะพอสมควร ให้พนักงานที่ชลบุรีลาออกมาหลายคนแล้ว” “พี่จุ๋ม กวางจะโดนไล่ออกไหมคะ เมื่อวานกวางตอบคำถามท่านไม่ได้ด้วย” “จะไปถามคนอื่นทำไม ถ้าอยากรู้คำตอบก็เข้ามาข้างใน เดี๋ยวผมจะพิจารณาเองว่าควรจะอยู่หรือไป เชิญครับ” ทักดนัยพูดจบก็เปิดประตูห้องทำงาน คำพูดปิดท้ายของเขานั้นมีมารยาทสุดๆ แต่ประโยคก่อนหน้านั้นช่างเลือดเย็นเหลือเกิน ด้านจันจิราที่มัวแต่เก็บเอกสารจึงไม่ทันว่าเจ้านายมาทำงานแล้ว เธอได้แต่ให้กำลังใจคนที่ยืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “สู้ๆ นะกวาง” “ค่ะ” กัญญาณัฐกะพริบตาปริบๆ สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ถ้าจะต้องอกหักแล้วโดนไล่ออกในเวลาใกล้เคียงกันขนาดนี้ เธอคงต้องไปบวชชีสักเดือนแล้วล่ะ “วันนี้มีคำตอบให้ผมหรือยัง” ทักดนัยถามโดยที่ตัวเองยืนหันหลังให้กัญญาณัฐ เขาทอดสายตามองวิวเมืองหลวงของกรุงเทพมหานคร จากชั้นสามสิบหกที่พ่อของเขาซื้อไว้เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท “มีแล้วค่ะ” กัญญาณัฐพยายามตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แม้จะไม่ได้สบตาเขา แต่ก็รู้สึกหวาดกลัวมาก เธอมองเขาจากด้านหลัง ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มช่างพอดีกับรูปร่าง เขาน่าจะสูงสักร้อยแปดสิบเซนติเมตรหรือไม่ก็มากกว่านั้นนิดหน่อย หุ่นดีแบบนี้นี่เอง พี่จุ๋มถึงบอกว่าสาวๆ ที่ชลบุรีต่างพาหลงใหล “ผมต้องถามต่อใช่ไหม ว่าคำตอบของคุณคืออะไร” “อ๋อ ขอโทษค่ะ ฉันพูดได้เลยใช่ไหมคะ” “พูดสิ ต้องรอใครมากล่าวเปิดงานก่อนหรือเปล่าล่ะ” “ไม่ต้องค่ะ” “งั้นก็เชิญ” ผู้บริหารหนุ่มเดินกอดอกเข้ามาฟังใกล้ๆ แต่คนที่ตำแหน่งต่ำกว่าก็ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย “แผนการตลาดที่จะนำเข้าเสื้อผ้าจากประเทศจีนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เราจะเน้นเสื้อผ้าที่ใส่สบายและมีสีสันมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะอีกไม่กี่เดือนจะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนกับเทศกาลสงกรานต์ และตรงกับช่วงปิดเทอมของกลุ่มลูกค้าในระดับมัธยมและมหาวิทยาลัย จากสถิติช่วงเวลาเดือนมีนาคมและเมษายน บริษัทจะขายสินค้าประเภทเสื้อผ้าได้มากกว่าสินค้าอื่น 35% และมากกว่าสินค้าประเภทเดียวกันในช่วงเวลาอื่น 55% เพราะกลุ่มลูกค้าที่อ้างอิงไปในตอนแรก จะซื้อสินค้าไปใช้สำหรับใส่ท่องเที่ยวทะเลหรือเพื่อเพิ่มความสบายให้กับร่างกาย โดยเราจะเน้นการนำเข้าเสื้อผ้าของกลุ่มวัยรุ่น 70% ผู้ใหญ่ 10% เด็ก 10% รวมกันเป็น 90% ส่วนอีก 10% ทีมการตลาดกำลังประชุมกันว่าจะนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องประดับ เช่น หมวกและแว่นกันแดดราคาถูก หรือว่าจะนำ 10% นั้นไปรวมกับเสื้อผ้ากลุ่มวัยรุ่นเป็น 80% ส่วนโรงงานที่จะสั่งสินค้า ทีมการตลาดยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะกำลังรวบรวมข้อมูลจากโรงงานในจีนที่บริษัทเป็นคู่ค้าด้วย ว่าโรงงานไหนมีสินค้าหลากหลายมากที่สุด ให้ราคาดีที่สุด และพร้อมที่จะส่งสินค้าให้เราเร็วที่สุด เนื่องจากตอนนี้กลางเดือนมกราคมแล้ว เราต้องการสั่งสินค้าก่อนสิ้นเดือน และให้โรงงานจากประเทศจีนส่งสินค้ามาให้เราภายในอาทิตย์ที่สามของเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อที่เราจะได้กระจายสินค้าไปตามสาขาต่างๆ ของบริษัทที่อยู่ทั่วประเทศในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ และเตรียมขายให้ผู้ค้าส่งในเดือนมีนาคมได้ทันค่ะ ฉันข้ามไปเรื่องหนึ่งค่ะ เรื่องที่ทีมการตลาดกำลังหาข้อสรุปว่าโรงงานไหนดีและพร้อมที่สุดที่ส่งสินค้าให้เรา จะได้ข้อสรุปภายในเที่ยงนี้ค่ะ ส่วนเรื่อง 10% ที่ยังลังเลว่านำเข้าเสื้อผ้าวัยรุ่นเพิ่มเติม หรือจะนำเข้าพวกเครื่องประดับ ทีมการตลาดอยากให้คุณเป็นคนตัดสินใจค่ะ” “...ก็เพิ่มพวกหมวกหรือแว่นกันแดดไปก็ได้” “ได้ค่ะ เดี๋ยวจะมีเอกสารชี้แจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้ท่านประธานเซ็นรับทราบนะคะ” “ครับ” ทักดนัยค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออกมา เมื่อครู่เขาเหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ เพราะต้องใช้สมาธิอย่างมากในการฟังสิ่งที่เธอพูดโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ถามอะไรกลับไปเลย อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะต้อนเธอให้จนมุม จนตอบคำถามไม่ได้ แต่เธอก็อธิบายออกมาจนหมดซะก่อน “ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ” “ยัง” “ค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ” “ยังไม่มี แต่ว่ามีอะไรติดที่มุมปากคุณ” “อุ้ย!” กัญญาณัฐเสียความมั่นใจ ต้องเป็นน้ำลายแน่ๆ เพราะเล่นพูดยาวเหยียดขนาดนั้น “ไม่ใช่ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกทิศทางให้เธอ ที่พยายามปัดอะไรบางอย่างออก “ตรงนี้เหรอคะ” “ไม่ใช่... ตรงนั้น” “ตรงไหนคะ?” ทักดนัยขยับเข้าไปใกล้เธอขึ้นอีกนิดและเข้าไปอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้เธอตกใจ “...ตรงนี้” นิ้วโป้งของเขาวางลงที่มุมปากของเธอ ก่อนจะเลื่อนมันสัมผัสริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา โดยที่สายตานั้นคอยมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตา ทำให้กัญญาณัฐเหมือนถูกร่ายมนต์สะกด เธอมองตาเขาด้วยความสงสัย พอได้เห็นเขาใกล้ๆ ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ เหมือนว่าเคยเจอเขาบ่อยครั้งกว่าที่เคยเจอ เธอเอื้อมมือไปแตะมือเขา เพราะจิตใต้สำนึกบอกว่าเขาใกล้ชิดเธอมากเกินไป แต่กลับไม่พามันออกไปจากใบหน้า รู้สึกว่าเคยถูกสัมผัสแบบนี้มาก่อน ทั้งมือและสายตาของเขาเหมือนอยู่ลึกในความทรงจำ และเขาก็ขัดขืนใดๆ ปล่อยให้เธอได้จ้องมองและพิจารณาเขาอยู่อย่างนั้น เพราะหวังว่าเธอจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง “นอกจากงานแต่งกับงานประชุมเมื่อวาน เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่าคะ” “คุณคุ้นหน้าผมเหรอ” เขาถามอย่างนุ่มนวล ก่อนจะฉวยโอกาสที่เธอตั้งใจฟังคำตอบ ใช้สองแขนโอบเอวบางเอาไว้ “ค่ะ แต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน” “คงเจอผมในฝันล่ะมั้ง” “ในฝัน? ไม่น่าจะใช่นะคะ” “อาจจะใช่ก็ได้...” ทักดนัยพูดจบก็โน้มหน้าลงไปจูบเธอ เพราะทนไม่ไหวจริงๆ ที่ต้องคอยมองคนที่ขยับปากพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ไม่มีเรื่องของเขาอยู่เลย รสรักของเขามันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง ทำไมเธอถึงจดจำมันไม่ได้เลย “อย่า” กัญญาณัฐตกใจ พยายามผลักเขาออกห่าง แต่ก็ถูกเขากอดเอาไว้ เธอรู้ว่าถ้าเธอออกแรงมากกว่านี้ เธอก็จะเป็นอิสระ แต่เรี่ยวแรงนั้นแทบไม่มี เหมือนว่าจูบที่เขามอบให้นั้นพรากทุกอย่างไปจากตัว “ผมชื่ออะไร” ทักดนัยกระซิบถามด้วยเสียงแหบพร่า ก่อนจะรอคำตอบด้วยการหอมต้นคอของเธอเบาๆ “ทักดนัยค่ะ” เธอพยายามห้ามไม่ให้เขาดันสะโพกให้ชิดกับแก่นกาย เพราะยิ่งใกล้ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่กับจุดอ่อนไหวของเธอ “ชื่อเล่นผมล่ะ คุณรู้ไหม” “เอ่อ” “ผมชื่อเล่นว่าอะไร” เขาถามเสียงเข้มขึ้น เริ่มหงุดหงิดที่แม้กระทั่งตอนที่เขากลายเป็นเจ้านาย เธอยังไม่รู้จักเขามากกว่าเดิมเลยสักนิด “ชื่อ... ชื่อ... ชื่อแทนค่ะ” กัญญาณัฐตอบด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่หลับตาและเอียงตัวไปด้านหลัง เพื่อให้ใบหน้าอยู่ห่างเขาให้มากที่สุด แต่เธอหารู้ไม่ว่า ยิ่งด้านบนหนีห่างออกไปเท่าไหร่ ด้านล่างยิ่งใกล้ชิดและปลุกลำกายของเขาให้ตื่นขึ้นมา “มองหน้าผม” ทักดนัยออกคำสั่งพร้อมกับขยับสะโพกให้เคลื่อนไหวไปข้างหน้า “หยุดนะคะ” อีกครั้งที่เธอสะดุ้งเพราะแก่นกายของเขามันกระแทกเข้ากับกลางหว่างขาที่แม้จะมีกระโปรงคั่นกลางเอาไว้ แต่มันก็ยังรู้สึกและรู้สึกดีมากเหลือเกิน “ลืมตาขึ้นมามองหน้าผม” ความต้องการของเขายังไม่หมดลงง่ายๆ และครั้งนี้เขาสั่งพร้อมกับมุดหน้าลงไปที่สองเต้า “คุณแทน” เธอเรียกชื่อเขา เพราะต้องการให้เขาหยุด แต่สำหรับคนฟังที่ฝังใจกับการเป็นตัวแทนของคนอื่นนั้นดีใจที่สุด ถึงแม้มันจะเป็นการสั่งห้าม แต่น้ำเสียงนั้นยั่วยวนจนเขาทนไม่ไหว จากมือที่เคยกอดรั้งสะโพกเอาไว้ ก็โอบเอวและยกเธอขึ้นมานั่งบนหน้าตัก ก่อนจะลูบไล้ต้นขาเนียนสวยอย่างเชื่องช้า “ผมชื่ออะไร” “แทนค่ะ” “นึกออกหรือยังว่าเราเคยเจอกันที่ไหน” เขาไม่ถามเปล่า มือวางบนสองเต้าที่ตอนนี้ปราศจากเสื้อตัวนอกปกปิด มีเพียงชั้นในเท่านั้นที่เป็นปราการด่านสุดท้าย กัญญาณัฐครางเสียว เมื่อปลายนิ้วเขาเข้าไปทักทายกับยอดอก “นึกออกหรือยัง ถ้ายังนึกไม่ออก ผมจะทำมากกว่านี้” ว่าแล้วเขาก็เค้นคลึงเนื้อนุ่ม ก่อนจะเตรียมปลดตะขอเสื้อชั้นใน “ไม่ ฉันนึกไม่ออก” “ดี” ทักดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะเธอเสียรู้ให้เขา ถ้าเธอโกหกว่าจำได้ ตอนนี้เสื้อชั้นในของเธอคงไม่ลงไปกองที่พื้นและสองเต้าคงไม่ถูกปากเขาทักทาย “คุณ... หยุด... หยุดค่ะ” “หยุดเหรอ? เธอไม่อยากให้ฉันทำแบบนั้นหรอก” เขาพูดจบก็ปัดของบนโต๊ะลงพื้น จัดแจงให้เธอนอนบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะขึ้นคร่อมและจูบเธออย่างเร่าร้อน มือบีบเค้นและสะกิดยอดอกที่แข็งสู้มืออย่างเพลิดเพลิน “อย่า...” “จำได้หรือยังว่าเราเคยเจอกันที่ไหน” “ไม่...” “งั้นผมก็ไม่มีทางเลือกแล้ว” ทักดนัยจะไม่ถามอะไรต่อ ต่อไปนี้จะเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำของเธอแบบจัดหนักและจัดเต็ม เริ่มด้วยจูบสุดร้อนแรงและเสน่หา จนความอดทนของหญิงสาวขาดสะบั้น เธอจูบตอบเขาตามสัญชาตญาณแรงดึงดูด ยอมให้เขาได้ดูดดื่มยอดอก และยอมให้เขาสอดมือและนิ้วยาวเข้าไปในกางเกงชั้นในแต่โดยดี ยิ่งเขาใกล้ชิดเธอไปทั่วทั้งกาย ความทรงจำก็เหมือนจะแจ่มชัดขึ้นทุกที “แทน...” เธอเรียกชื่อเขาโดยที่เขาไม่ต้องร้องขอ “ครับ” ทักดนัยตอบรับด้วยความดีใจ แต่เขาไม่มีเวลาจะยิ้มออกมา เพราะมุ่งมั่นกับการปลดเข็มขัดและดึงแก่นกายของตัวเองออกมา “จำผมได้หรือยังกวาง” เขาถามพร้อมกับจ่อแก่นกายไปยังชั้นในที่เปียกชื้น “แทน... คุณ... ใช่... คุณใช่ไหม” กัญญาณัฐสติไม่อยู่กับตัว เธอจะถามว่าคนในฝันคือเขาใช่หรือไม่ แต่ก็พูดไม่จบและครบถ้วน “คุณหาคำตอบเองแล้วกัน” ทักดนัยร่นกระโปรงเธอขึ้นไปกองไว้ที่เอว ก่อนจะดึงชั้นในเธอออกจากเรียวขาคู่สวย สอดใส่และขยับแก่นกายให้เข้าไปในช่องทางรักที่เขาติดอกติดใจเพราะมันแน่นพอดีกับลำกายของเขาจนเสียวซ่านไปทั้งตัว “คุณ... คุณเป็น.. คนทำ...” “ทำอะไรครับ” “ทำ... แบบนี้... กับ... ฉันเหรอ” “คุณยังไม่แน่ใจใช่ไหม” เขาถามจบก็ออกแรงกระแทกแก่นกายให้เร็วและแรงยิ่งขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้ฝันแต่ก็เคลิบเคลิ้ม สองเต้าที่ตอนนี้เธอไม่ได้บีบคลึงมันไว้เองเหมือนคราวก่อน เพราะมือของเจ้าตัวกำลังบีบแขนเขาเอาไว้ ยังคงเคลื่อนไหวขึ้นลงตามจังหวะที่เขาเป็นคนกำหนด มันสั่นสะท้านท้าทายสายจนเขาหยุดมองไม่ได้ และในที่สุดก็ต้องก้มหน้าลงไปดูดยอดอกตามคำเรียกร้อง “...แทน” “ใช่... ผมแทน” “คุณขี้โกง” กัญญาณัฐตีหน้าอกเขา คนใจร้าย บังอาจลักหลับเธอได้ยังไง “คุณยั่วผมเอง” “ไม่จริง...” “จริง ตอนนี้คุณก็ยั่วผมอยู่” “ฉันไม่ได้ทำแบบนั้น” เธอรีบบอกเพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ตัวเลยว่าจากมือที่ตีหน้าอกเขาเมื่อครู่ ตอนนี้กำลังลูบไล้หน้าอกเขาอยู่ “พอเริ่มมีสติก็เริ่มเสียงดังใส่ผมเลย ผมทำให้คุณสติแตกเหมือนเดิมดีกว่า ผมอยากฟังเสียงครางของคุณ” “อย่า!” “ได้ครับ งั้นผมเอาออกนะ” ทักดนัยยินดีทำตามที่เธอขอ จึงผ่อนจังหวะของสะโพกให้ช้าลง ก่อนจะค่อยๆ ขยับแก่นกายออกทีละนิด... ทีละนิด... กัญญาณัฐเผลอหลุดเสียงเสน่หาออกมา เธอรู้ว่าเขากำลังแกล้งเธอให้ตายทั้งเป็น “ผมจะเอาออกแล้วนะ” เขาขยับมันออกมาอีกหน่อย เหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น ที่เขาและเธอจะเป็นอิสระต่อกัน “อย่า... อย่าเอาออกนะคะ” เมื่อรู้ว่าเขาจะพามันออกจากไปจริงๆ เธอก็บอกความต้องการของตัวเอง “มันไม่ใช่ของของแดน... คุณจะยอมให้ผมเอามันเข้าไปลึกกว่านี้เหรอ” “อย่าเอาออกไปนะคะ... แทน” สายตาที่เต็มไปด้วยปรารถนาถูกส่งไปให้ทักดนัย และเขาก็ไม่ใจร้ายเกินไปที่จะทำให้อารมณ์เธอคั่งค้าง เขาดันมันกลับเขาไปจนสุด แต่ครั้งนี้เขาไม่รุนแรงเพราะอยากค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มจังหวะให้เร็วและแรงขึ้นทีละนิด พร้อมกับสบตาคนที่กำลังมองเขาอยู่ ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยเสน่หานั้นมีบางอย่างซ่อนอยู่ แต่เขาไม่อาจรู้ได้ว่ามันคือสิ่งใด เธออาจจะรังเกียจเขา หรืออาจจะรู้สึกผิดกับตัวเอง แต่ถ้าเป็นเหตุผลอย่างหลัง เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกแบบนั้นเลยจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม