“ขอบใจนะที่มาส่ง ล็อคประตูให้ด้วย”
“ใครบอกมันว่าจะพาไปส่งที่บ้าน” ภาวิดาหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆ ที่ช่วยกันพากัญญาณัฐมาส่งที่ห้องพักของโรงแรม
“ไม่มีใครบอกหรอก มันคงคิดว่ารถเข็นกระเป๋าของโรงแรมเป็นรถยนต์ล่ะมั้ง”
“กวางมันคงลืมว่าพรุ่งนี้มันมีประชุมที่นี่”
“งั้นก็ปล่อยให้มันนอนดีกว่า สภาพนี้คงไม่ตื่นกลางดึก แล้วพวกแกกลับบ้านไหวแน่นะ”
“ไหวสิ ไม่ต้องห่วงพวกฉันหรอก แกนั่นแหละ กลับไปหาเจ้าบ่าวได้แล้ว” เพื่อนคนหนึ่งหันไปมองแดเนียลที่ยืนตาเยิ้มมองเจ้าสาวของตัวเองอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“โอเค ขอบใจทุกคนเลยนะ ขอบคุณมากๆ”
“นี่ก็ซึ้งอีกละ ซึ้งทั้งวัน ตั้งกระทะใส่น้ำแล้วเอาขนมจีบมานึ่งเลยดีไหม”
“ก็มันซึ้งอ่ะ ดีใจที่พวกแกอยู่กับฉันในวันสำคัญแบบนี้”
“งานแต่งเพื่อนทั้งที ทั้งชีวิตมีครั้งเดียว จะไม่มายินดีได้ยังไง”
“ขอบใจนะ ขอบคุณมาก”
“ขอบคุณร้อยรอบแล้ว พอแล้ว พวกฉันไปละ แกจะไปได้นอนกอดเจ้าบ่าวแกสักที เดี๋ยวฉันบอกพนักงานที่ล็อบบี้ให้โทรศัพท์มาปลุกไอ้กวางตอนเช้า มันจะได้ไปทำงานทัน” ทุกสายตาหันไปมองกัญญาณัฐที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินออกจากห้องและแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง จะเหลือก็แค่ฝ่ายเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ยังคงรวมกลุ่มกันอยู่
“มึงจะนอนที่นี่จริงเหรอวะ กูไปส่งมึงได้นะเว้ยแทน” เพื่อนๆ เจ้าบ่าวที่กำลังจะกลับบ้าน หันไปถามแทน หรือ ทักดนัย เพราะเขาไม่ได้เมาจนพาตัวเองกลับบ้านไม่ไหว
“พวกมึงนี่ความจำสั้นจังวะ กูบอกรอบที่ร้อยแล้วว่าพรุ่งนี้กูมีประชุมที่นี่พอดี แล้วกูจะกลับไปนอนบ้านทำไม ห้องพักไอ้แดเนียลก็จ่ายให้แล้ว” ทักดนัยชูคีย์การ์ดที่แดเนียลให้ไว้ก่อนจะเมา
“พวกกูลืม งั้นกลับแล้วนะมึง ตื่นไปทำงานให้ทันนะเว้ย”
“เออ พวกมึงก็ขับรถดีๆ”
“อย่าเข้าห้องผิดแล้วไปเจอบ่าวสาวเค้ากำลังจู๋จี๋กันล่ะมึง”
“ถ้าเปิดไปเจอแบบนั้น กูจะทำอะไรได้วะ นอกจากเดินออกมาเพราะอิจฉาคนมีคู่”
“ทำเป็นดราม่านะมึง ไปละ”
“เออ” ทักดนัยบอกลาเพื่อนๆ กดลิฟต์ขึ้นไปยังห้องพัก แตะคีย์การ์ดที่หน้าประตูห้อง แต่พอจะเสียบมันใส่ในช่องเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน เขากลับพบว่ามีคีย์การ์ดอยู่ตรงนั้นและแอร์ก็เย็นฉ่ำสบายตัว เขาไม่ได้สงสัยอะไร เพราะคิดว่าเพื่อนคงจะสั่งให้พนักงานมาเตรียมการไว้ให้ รองเท้าจึงถูกถอด เสื้อสูทตัวนอกถูกแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าทางซ้ายมือติดกับประตูทางเข้า ก่อนจะเดินตรงมาเรื่อยๆ เผื่อดื่มน้ำเย็นๆ ในตู้เย็นสักอึก
“เชี่ย!” เขาอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าบนเตียงมีคนนอนอยู่ จิตสำนึกเขารับรู้และมั่นใจว่าไม่ใช่ผี แต่ที่ร้องเสียงหลงเพราะมันไม่ควรจะมีใครอยู่ในห้องนี้ แถมคนที่นอนอยู่ยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย
“คุณ”
“เออ ล็อคประตู... ให้ ...ด้วย”
“คุณ” ทักดนัยเรียกเธออีกครั้ง แม้จะเดาได้จากเสียงยานคาง ว่าเธอคงไม่ตื่นขึ้นมาหรอก
“เออ ฉันโอเค”
“มานอนที่นี่ได้ยังไง”
“ถามเยอะแยะจัง ขับรถไม่ไหวก็มานอนด้วยกันดิ” คนบนเตียงพูดอย่างไร้สติ และดึงคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนให้ลงมานอนข้างๆ
“นอนด้วยได้แน่นะ”
“เออ นอนๆ เมาแล้วอย่าเรื่องมาก”
“โอเค” ทักดนัยตอบรับเหมือนว่าคนที่กำลังพูดด้วยอยู่นั้นมีสติเต็มร้อย แต่จริงๆ แล้วสติเธอคงเหลือศูนย์หรือไม่ก็ติดลบ เพราะตั้งแต่เขาเดินกลับเข้าไปในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ผู้หญิงที่ร้องไห้ที่บันไดหนีไฟก็เอาแต่กระดกเหล้าเข้าปาก เหมือนว่ามันเป็นน้ำเปล่าหรือชานมไข่มุก เธอคงกลับบ้านไม่ไหวจนต้องมาอยู่ที่นี่ และก็คงจะเกิดข้อผิดพลาดเรื่องการแจกจ่ายคีย์การ์ดเข้าห้องพักให้กับเพื่อนๆ จนสุดท้ายเขาจึงได้มีโอกาสมองคนที่นอนหลับไปพร้อมเครื่องสำอางและคราบน้ำตาจางๆ บนสองแก้ม
“คุณ”
เมื่อเสียงเรียกไม่ได้รับการตอบรับ ทักดนัยจึงขยับตัวไปนอนอีกฝั่งของเตียง เพราะมีที่ว่างเหลืออยู่อีกเยอะ เขานอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย เพราะไม่มีโซฟาให้นอน จะนอนบนพื้นก็มีแต่พื้นกระเบื้องเย็นๆ
“สวัสดีครับ ผมรบกวนสอบถามหน่อยนะครับ เพื่อนผมที่จัดงานแต่งงานเมื่อคืน จองห้องพักไว้ให้แขกกี่ห้องครับ”
“ห้องที่จองไว้ในชื่อในของคุณแดเนียล มีทั้งหมดสิบสองห้องค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือคะ”
“ยังมีห้องว่างอีกไหมครับ”
“คุณแดเนียลรับคีย์การ์ดไปครบทั้งสิบสองห้องแล้วค่ะ ดิฉันจึงไม่ทราบว่ายังมีห้องว่างเหลืออยู่ไหม ทางโรงแรมขออภัยด้วยนะคะ คุณลูกค้าต้องสอบถามคุณแดเนียลโดยตรงค่ะ”
“แล้วมีห้องว่างเหลือไหมครับ ผมต้องการเช็คอินตอนนี้” ทักดนัยตอบอย่างร้อนใจ ยิ่งอยู่ใกล้ๆ กัญญาณัฐยิ่งนอนไม่หลับ ไหนเธอจะคิดว่าเขาเป็นหมอนข้างที่ขยับตัวเข้ามากอด ไหนจะเริ่มถอดชุดที่มันเกะกะการนอนออกทีละชิ้น
“ต้องขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้ห้องพักของเราเต็มหมดทุกห้องเลยค่ะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
ทักดนัยลุกจากที่นอน เดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิดว่าจะเอายังไงต่อดี ที่แรกก็ตั้งใจว่าจะนอนมองคนที่ถูกใจสักพักแล้วจะหาห้องใหม่นอน แต่นี่ก็ตีสามแล้ว อีกสี่ชั่วโมงเขาจะต้องตื่น และสี่ชั่วโมงนี้จะกลับบ้านไปนอน ก็คงจะนอนได้แค่สองชั่วโมง เพราะต้องตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อเดินทางกลับมาที่นี่
“ถ้าถอดเยอะกว่านี้ ผมจะไม่ทนแล้วนะคุณ” เขาหันไปพูดกับคนขาดสติที่ถอดกระโปรงออกจนเผยให้เห็นเรียวขาสวย แถมยังลุกไปเข้าห้องน้ำทั้งๆ ที่ตายังปิดอยู่โดยที่ไม่เดินชนอะไรเลย
“ทำได้ไงวะ” เขามองตามเธอด้วยความตกตะลึง ครั้งล่าสุดที่เขาเมาจนขาดสติ ตื่นเช้ามาเขามีรอยช้ำที่ขาอยู่หลายที่ คำบอกเล่าจากเพื่อนคือเขาสะดุดขาตัวเองจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่โชคดีที่หัวไม่ฟาดเข้ากับขอบโต๊ะ
“เฮ้ย! คุณ! ปะ... ปะ ปะ ไปใส่เสื้อก่อน”
“ไม่ใส่ ร้อน” กัญญาณัฐตอบพร้อมกับโยนเสื้อที่ถอดออกมาเช็ดหน้าเมื่อครู่ให้ทักดนัย ตอนนี้ทั้งตัวเธอมีเพียงเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นในเท่านั้น
“หนาว ใส่ดีกว่า” เธอยิ้มและหันไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเพียงตัวเดียวที่แขวนไว้ในนั้นคือเสื้อสูทของทักดนัยมาใส่
“เสื้อสวย เหมือนที่แดนใส่วันนี้เลย แต่ว่าคนละสี” เธอเดินไปยืนคุยกับทักดนัย โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“แล้วนี่ทำไมไม่ไปอยู่กับแพทล่ะ มาอยู่กับกวางทำไมอ่ะ ไปหาแพทสิ ไปๆ”
“ผมไม่ใช่แดน”
“รู้แล้ว แดนอ่ะ ตัวล่ำกว่านี้ แขนก็กล้ามใหญ่กว่านี้ สูงกว่านี้ หล่อกว่านี้ แล้วก็จูบเก่งสุดๆ ไปเลย”
“นี่คุณเคยจูบกันแดนด้วยเหรอ” ทักดนัยตกใจและใช้โอกาสที่เธอเมาถามรายละเอียด
“เคยดิ เคยมากกว่าจูบด้วย”
“ตอนไหน ที่ไหน”
“ที่วังเวียงไง สามปีก่อน แดนจำอะไรไม่ได้หรอก ชื่อกวางยังจำไม่ได้เลย”
“คุณชื่ออะไรนะ”
“ฉันชื่อกวาง กวางที่ขับรถให้ซานต้าครอส แต่คุณน่ะบอกว่าชื่อฉันเรียกยาก คุณเลยเรียกฉันว่าเดียร์ไง เดียร์ที่แปลว่ากวาง รู้งี้ฉันบอกให้แม่ฉันตั้งชื่อฉันว่าอลิซาเบ็ธดีกว่า ฝรั่งอย่างคุณจะได้ออกเสียงง่าย”
“แล้วตอนที่แดนคบกับแพท คุณสองคนเคยมีอะไรกันไหม” เขาหลอกถามไปก็ประคองร่างที่ยืนไม่ค่อยไหวไปนั่งที่เตียง
“ทุเรศ! ถามไม่รู้จักคิด ฉันยังมีความเป็นคนอยู่นะ ไม่คิดจะแย่งแฟนเพื่อนหรอก ฉันรักแพทมาก เพื่อนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันจะให้แพทรู้ไม่ได้ว่าฉันแอบรักแฟนของแพท ฉันจะให้แพทรู้ไม่ได้ว่าฉันเคยเจอแดเนียลก่อนที่แดเนียลจะเจอแพท บอกไม่ได้ บอกแพทไม่ได้”
“แล้วทำไมคุณไม่เลิกรักแดนล่ะ”
“จะไปรู้เหรอ ก็มันชอบ มันถูกใจ ฉันชอบเค้าแล้วมันเดือดร้อนใครเหรอ เพื่อนฉันยังไม่เดือดร้อนเลย”
“แล้วคุณมีอะไรกันเมื่อสามปีก่อนแล้วยังไงต่อ”
“ยังไงต่อ ยังไงต่อเหรอ ฉันก็คิดถึงแต่เค้า ไม่กี่เดือนต่อมาแพทก็พาแฟนมาให้ฉันรู้จัก แล้ว... แล้วฉันก็... ฉันก็... ฉันสบายดี” เธอพูดไปก็น้ำตาไหลไป ทักดนัยไม่รู้จะทำยังไง จึงดึงเธอเข้ามากอดเพื่อปลอบใจ แบบนี้สินะ ที่เค้าพูดกันว่าคนเมามักจะปลดปล่อยความในใจออกมา เขาชื่นชมเธอนะ เธอต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากที่ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองและยินดีกับความรักของเพื่อนอย่างจริงใจและไม่คิดจะแย่งชิงแดเนียลมาเป็นของตัวเอง
“ทำไมไม่ลองชอบคนอื่นดูล่ะ คุณอาจจะลืมแดเนียลได้”
“ฉันไม่รู้จะชอบใคร”
“คุณอาจจะยังไม่เจอคนถูกใจ”
“ฉันไม่ได้ชอบแดเนียล”
“อ้าว” ทักดนัยงง อยู่ดีๆ เธอก็คลายอ้อมกอดจากเขา ขยับตัวไปนอนบนเตียง จนเขาต้องรีบผ้าห่มคลุมตัวเธอไว้ เพราะมีหลายอย่างบนตัวเธอกำลังดึงดูดสายตาให้จ้องมอง
“คุณจำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอแดน” กัญญาณัฐรั้งแขนเขาเอาไว้ สายตาของเธอตอนนี้เห็นผู้ชายตรงหน้าเป็นแดเนียล
“จำ จำไม่ได้หรอก”
“มองฉันดีๆ สิ”
“คุณ เมาก็นอนเถอะ” เขาพยายามขยับตัวออกห่างเธอ พยายามไม่มองหน้าคนที่เมาจนขาดสติที่แม้ว่าผมเผ้าจะไม่เป็นทรงไปสักหน่อย แต่ใบหน้าของเธอยังคงสวยเหมือนตลอดทั้งวันที่เขาได้แอบมอง เพียงแต่แววตานั้นเศร้าเหลือเกิน รอยยิ้มที่ทำให้เขาประทับใจนั้นไม่มีแล้ว
“เลิกมองได้แล้ว ผมไม่ใช่...” ทักดนัยยังพูดไม่ทันจบว่าเขาไม่ใช่แดเนียลคนที่เธอแอบรัก ริมฝีปากสวยก็วางทาบทับลงบนปากของเขา มือของเธอสัมผัสเบาๆ ลงบนหน้าอก เขาเพิ่งจะเข้าใจตอนนี้เองว่าอาการตัวแข็งทื่อมันเป็นยังไง ตอนนี้สมองสั่งการให้เขาลุกหนีไปซะ แต่ทำไมไม่มีส่วนไหนในร่างกายขยับได้ นอกจากหัวใจที่เต้นแรงขึ้นและปากที่อ้าออกทีละนิด จนลิ้นชื้นที่มีรสชาติของแอลกอฮอล์ติดอยู่ได้แทรกเข้ามา มือที่จะจับมือเล็กที่ลูบไล้อยู่บนอกให้ออกห่าง กลับวางทับไว้ด้านบน คล้ายว่าไม่อยากให้มันเลือนหายไปไหน แต่ก็ต้องรวบรวมสติไม่ให้คล้อยตามเธอไป
“คุณ... พอเถอะ”
“มองฉันสิแดน บอกฉันสิว่าคุณจำฉันไม่ได้จริงๆ” กัญญาณัฐยังคงมองคนที่เธอเชื่อว่าเป็นแดเนียลหมดใจ และเมื่อไม่มีคำตอบใดๆ ส่งกลับมา เธอจึงขยับเข้าไปใกล้เขาอีกนิด พร้อมกับโอบกอดเขาไว้ ก่อนจะหอมต้นคอของเขาอย่างแผ่วเบา
“แดน... กวางคิดถึงแดนจัง” เสียงกระซิบสุดเสน่หาทำเอาคนฟังเสียววาบไปทั้งกาย ยิ่งเธอบังคับให้มือเขาลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่มีเพียงชั้นในชิ้นบนและล่างปกปิดเอาไว้ ทักดนัยยิ่งฝืนตัวเองได้ยาก และกว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เป็นเขาเองที่สัมผัสตัวเธอโดยปราศจากมือที่คอยเชิญชวนเมื่อครู่ เพราะเธอค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ด... ทีละเม็ด จนมือสอดแทรกเข้าไปสัมผัสกับอกของเขาโดยที่ไม่มีสิ่งใดคั่นกลาง พร้อมกับปากนุ่มที่ประทับจูบอันแผ่วลงบนริมฝีปากเขาอีกครั้ง
“คุณกวาง”
“แดนเรียกชื่อกวางได้แล้วเหรอ”
“ผมไม่ใช่...” อีกครั้งที่คำพูดของทักดนัยเอ่ยออกมาไม่หมดทุกคำ เพราะมันถูกห้ามเอาไว้ด้วยการจูบอันเสน่หาของกัญญาณัฐ และเขาทนไม่ไหวแล้วที่จะต้องอดกลั้นในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาหลายชั่วโมง
ชายหนุ่มผู้เป็นตัวแทนของแดเนียลอ้าปากออกกว้างจนเธอสามารถจูบเขาได้อย่างง่ายดาย และเขาเองก็จูบตอบเธอด้วยความเร่าร้อนตามเกมรักที่เธอเป็นคนชักชวนให้ลงเล่น มือที่ได้สัมผัสผิวเนียนนุ่มของไหล่มนและสองแขน เปลี่ยนมาสำรวจความละเอียดของผิวขาวที่เนินอก ก่อนจะเลื่อนลงมาที่เอวบางและหน้าท้องแบนราบ และไม่เว้นว่างให้ต้นขาสวยได้เป็นอิสระ เพราะเขาจะสัมผัสผู้หญิงที่เขาแอบมองมาทั้งวันทุกตารางนิ้ว
“แดน...” เสียงปรารถนาในชายที่ตัวเองแอบรักถูกเปล่งออกมาทันทีที่เขาถอนจูบ และเอียงคอให้เขาหอมต้นคอระหงส์อย่างยินดี
“ผมไม่ใช่แดน” ทักดนัยไม่ค่อยพอใจที่จิตใต้สำนึกของเธอยังคงคิดถึงแต่เพื่อนของเขา ทั้งๆ ที่เขาทั้งกอดและจูบเธอ เขาจึงก้มหน้าลงไปที่เนินอก ขบกัดและดูดย้ำซ้ำๆ จนเกิดรอยแดง ก่อนจะปลดตะขอบราเซียและโยนมันทิ้ง พร้อมกับใช้ปลายลิ้นสะกิดยอดอกที่เธอแอ่นมันให้เขาได้เชยชมอย่างเต็มใจ
กัญญาณัฐคิดถึงสัมผัสแบบนี้ใจจะขาด แต่ก็ไม่มีใครมอบมันให้เธอได้เหมือนอย่างที่แดเนียลเคยทำ เธอสอดมือเข้าไปในเรือนผมของเขา ออกแรงผลักศีรษะเบาๆ ให้เขาได้เข้ามาดูดดื่มสองเต้าอย่างเต็มใจ
“แดน...” ร่างบางบิดเร่าด้วยความเสียวซ่านและเปล่งเสียงบ่งบอกว่าเธอรู้สึกดีแค่ไหน ในยามที่ปลายลิ้นของเขาขยับขึ้นลงอยู่ที่ยอดอก
“หญิงสาวที่ร่างกายกำลังถูกไฟแห่งราคะครอบงำ กางขาออกเพื่อให้นิ้วมือของชายอันเป็นที่รักได้ใกล้ชิดกับส่วนที่อ่อนไหวแต่ความรู้สึกมากยิ่งขึ้น สองนิ้วที่สัมผัสกับจุดเสียวและลากยาวขึ้นลงตรงกลางนั้นเปียกชื้นจนเขาแน่ใจว่าเธอยินดีที่จะต้อนรับแก่นกาย แต่ทักดนัยก็ยังคงใจเย็น ค่อยๆ ดึงอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายบนตัวเธอออก ก่อนจะดันเข่าทั้งสองข้างของเธอให้ไปอยู่เอว เพราะมันทำให้เขาเห็นอะไรต่ออะไรได้ชัดเจน โดยเฉพาะน้ำรักที่รินไหลออกมาเพราะความสุข เขาใช้สองนิ้วแทรกเข้าไปด้านในช่องทางรักซึ่งคับแคบไปสักหน่อย เพราะคงไม่ได้ผ่านมือใครมานาน เขาขยับนิ้วเป็นจังหวะช้าๆ มองผู้หญิงที่สวยถูกใจเขาตั้งแต่ใบหน้าและรูปร่าง โดยเฉพาะตอนนี้ ตอนที่เธอหลับตาพริ้ม กัดปากของตัวเองเพราะคงจะวาบหวิวจนทนไม่ไหว และทำให้เขาต้องเร่งจังหวะนิ้วมือให้เร็วขึ้น
“แดน” กัญญาณัฐทำเสียงงอน เธอกำลังสนุกแต่เขากลับดึงนิ้วออก เขาจะแกล้งให้เธอทรมานหรือยังไงกัน
“จำไว้... ผมไม่ใช่แดน” ทักดนัยพูดจบก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกโดยความโมโห จนป่านนี้แล้วเธอยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มองตากันก็หลายครั้ง แต่เธอยังคงหมกหมุ่นอยู่กับสามีของเพื่อนสนิท และทันทีที่ร่างกายไร้สิ่งปกปิด แก่นกายตรงกลางระหว่างขาที่ขยายตัวจนสุดก็ถูกมือของเจ้าของลูบขึ้นลงเพื่อเตรียมพร้อม และเขาก็ไม่ปล่อยให้คนที่นอนมองอย่างปรารถนาได้รอนาน ทักดนัยจัดตัวของหญิงสาวแสนยั่วยวนให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม และพาปลายหัวของลำกายใหญ่ไปทักทายกับร่องสวาทตั้งแต่บนลงล่าง ก่อนจะจ่อมันที่ปากทางรักและขยับให้มันเข้าไปข้างในช้าๆ
“แดน...”
ทักดนัยหมดความอดทน ไม่มีการทะนุถนอมและใจเย็นอีกต่อไป
“เจ็บ” กัญญาณัฐสะดุ้งเมื่อลำกายนั้นดันเข้ามาจนสุดโดยไม่ได้บอกกล่าว แต่ถึงมันจะเจ็บ มันก็เป็นความเจ็บที่สร้างความสุขให้เธอเหลือเกิน
“กวางคิดถึงแดน” เธอบอกให้เขารู้ว่าจังหวะของความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่เขามอบให้นั้นทำให้เธอรู้สึกดีเพียงใด และเหมือนว่าเขาจะชอบใจ เพราะเขาก็ยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วยิ่งขึ้น
“คิดถึงผมเหรอ” ทักดนัยที่กำลังตกอยู่ในไฟราคะและความไม่พอใจที่เธอเอาแค่คิดถึงแดเนียลเอ่ยถามเมื่อสองมือของเธอบีบหน้าอกของตัวเอง
“กวางคิดถึงแดน”
“ถ้าคิดถึงก็รักผมว่าแทน”
“แทน...”
เขาพอใจเป็นอย่างมาก ที่เธอเอ่ยชื่อเขาสักที
“ลืมตาขึ้นมามองหน้าผม เรียกผมว่าแทน” เขารู้สึกดีกว่าเดิมร้อยเท่า เมื่อเธอสบตา
“แทน”
“ดี... อย่าลืมชื่อนี้ก็แล้วกัน” ทักดนัยพูดจบก็ไม่พูดมากให้เสียเวลาอีกต่อไป เวลาที่เหลือต่อจากนี้เขาบรรเลงเพลงรักให้เป็นจังหวะอันเร่าร้อน ก่อนจะพาเธอเดินไปจนสุดเส้นทางความเสน่หา
"ผมชื่อแทน ไม่ใช่แดน จำไว้”