บทที่2
ผลตรวจDNA
3วันผ่านไป
ผมเดินทางมายังบ้านของไอ้หมออคินพร้อมด้วยเด็กน้อยอิงอิงที่เอาแต่เกาะผมเป็นลูกลิงจนผมทำงานไม่ได้ จะเข้าห้องน้ำก็ตามมาเฝ้าอยู่หน้าห้อง ชีวิตโคตรบันเทิงเลย
"ไอ้หมอสรุปยังไง"
"ยินดีด้วยเฮียหนูอิงอิงเป็นลูกของเฮียจริงๆ นี่ผลตรวจยืนยันชัดเจนแจ่มแจ้งเลย"
ผมหยิบผลตรวจมาดูก็ต้องหันไปมองหน้าอิงอิง แล้วผมต้องทำยังไงต่อดีใจเหรอ ผมไม่ได้อยากมีลูกแต่จะทิ้งขว้างก็คงไม่ใช่ อย่างน้อยก็ต้องรับผิดชอบส่งเสียกันไป
"คุณป๊าขา ไอริบอกอิงอิงว่าที่บ้านคุณแม่ของไอริมีคุณทวดด้วยค่ะ"
"ผมจะต้องไปงานผู้สืบทอดของน้องเมีย เฮียก็ควรไปนะยังไงบ้านเมียผมก็ช่วยธุรกิจของพวกเราเอาไว้เยอะเลย"
"อืม แล้วลูกมึงล่ะไปไหนแล้ว"
"ไปเผาบ้านเฮียคี เมื่อเช้าเจ้าสองแสบมันบอกลูกผมไม่สวย"
"แล้วมึงไม่ห้ามลูกมึงหน่อยเหรอ เดี๋ยวได้ฉิบหายกันทั้งเกาะ!" ไอ้เวรไอริเนี่ยตัวร้ายของจริงเลย แล้วแบบนี้ผมจะให้อิงอิงมาอยู่ด้วยได้ไหมเนี่ย
"ผมห้ามแล้วลูกผมบอกถ้าคุณพ่อไม่หยุดพูดจะเผาโรงพยาบาล ผมเลยปล่อยให้ไปเผาบ้านเฮียคี"
"กูไปละ อิงอิงไปเถอะคนพวกนี้คบไม่ได้เดี๋ยวป๊าหาพี่เลี้ยงให้นะอิงอิงจะได้ไม่เหงา"
"ค่ะ"
ผมพาอิงอิงกลับมาที่โรงแรมตอนนี้ผลตรวจก็ยืนยันแล้วว่าผมมีลูกน้อยที่ต้องรับผิดชอบ ผมไม่ได้รังเกียจอะไรลูกตัวเองหรอกนะ เพียงแต่ผมปรับตัวไม่ทัน ผมทำงานเดือนนึงมีวันหยุดแค่1วัน บางทีก็ไม่หยุดเลย
อีกอย่างตอนนี้ผมทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับนักธุรกิจด้วย คงไม่มีเวลาดูแลลูกเพราะฉะนั้นผมควรหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลเธอ
พี่เลี้ยงต้องอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่ดูแลลูกผมให้ดี ในประวัติของเธอวิวบอกว่าเธอแพ้คลอรีนในสระน้ำ ผมเลยต้องเลี่ยงการปล่อยให้เธอเล่นน้ำในสระของโรงแรม
วันต่อมา...
วันนี้ผมกับน้องชายมีเข้าประชุมกับผู้บริหารจึงต้องพาอิงอิงมาเล่นกับไอริ ซึ่งไอริก็ดููเข้ากับลูกผมได้ดี มีแต่ลูกผมนี่แหละที่ขี้อาย
"คุณป๊ามารับกี่โมงคะ"
"ป๊าเสร็จงานป๊าจะรีบมาค่ะ ป๊าก็บอกไม่ได้เหมือนกัน"
"คุณป๊าอย่าลืมรับคุณม้ามาด้วยนะคะ"
ผมลูบหัวลูกสาวเบาๆ จากนั้นก็เดินไปส่งเธอในบ้านของไอ้หมอ วันนี้มีเจ้าเพลิงกับเจ้าอัคนีมาเล่นด้วยแต่ผมก็ไม่ลืมที่จะสั่งยูริเอาไว้ว่าห้ามให้อิงอิงเล่นน้ำในสระที่มีคลอรีน
"คุณลุงไปแล้วมาเล่นพ่อแม่ลูกกันไหมทุกคน"
"ไม่อ่ะเฮียไม่เล่น เฮียจะไปดูสาวๆ" เพลิงเดินเข้าไปในห้องพักของสาวๆ ที่กำลังถูกคัดแยก จนเหลือแต่อัคนีและอิงอิง ไอริจึงเดินมายืนกอดอกจ้องมองทั้งสองคนสลับกันไปมา
"ไอริจะรับบทเป็นคุณแม่ที่มีลูกนิสัยไม่ดีอย่างเฮียเพลิงเอง ส่วนเฮียอัคนีเป็นสามีของไอริ อิงอิงเป็นต้นไม้ ยืนเฉยๆ ไม่มีบทพูด"
"เฮียขอเป็นต้นไม้ได้ไหมไอริ" อัคนีถามน้องสาวที่เอาแต่ใจแต่ไอริส่ายหัวให้จึงต้องจำใจอดทนเล่นเป็นสามีของเธอ
"อิงอิงคิดถึงคุณป๊าาาา แงงงง"
เสียงร้องไห้ของอิงอิงทำให้ยูริต้องรีบออกมาดู พอเธองอแงหาป๊าไอริจึงเข้ามานั่งกอดอกข้างๆ เพื่อให้กำลังใจ
"คุณลุงธาดาไปทำงานหาเงินมาให้อิงอิงใช้ จะร้องทำไม ไอริไม่ร้องเลยเวลาคุณพ่อไปทำงาน"
ไอริกอดอกมองสาวน้อยอย่างไม่ชอบใจนักที่เธอกำลังเอาความรักจากทุกคนไป เธอจึงเดินพุงยื่นออกมาหาพี่ๆ สาวสวยในบ้านเพื่อปรึกษาถึงปัญหาที่กำลังพบเจอ
อิงอิงนั่งมองไอริเพราะกลัวว่าไอริจะแกล้งอะไรเธอ ยูริเลยต้องชวนเด็กทั้งสองคนมาเล่นขายของด้วยกันในบ้านจนเด็กๆ ยอมเล่นด้วยกัน
“ไอริเป็นแม่ค้านานแล้วนะให้อิงอิงเป็นแม่ค้าบ้างสิ”
“ก็ได้งั้นอิงอิงเปิดร้านใหม่อีกร้านนึงนะ แล้วไอริจะเปิดร้านขายอุปกรณ์ทำอาหาร อิงอิงก็มาซื้ออุปกรณ์ที่ไอริโอเคไหม”
“โอเค”
10นาทีผ่านไป
“ไอริทำไมไม่มาซื้อของอิงอิงบ้างล่ะ อิงอิงรออยู่นะ”
“ไอริทำกินเองได้ อิงอิงเก็บไว้ขายให้คนอื่นเถอะ”
อิงอิงไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยมของไอริซะแล้ว สุดท้ายเธอก็ต้องเดินไปซื้อของที่ร้านของไอริอยู่แบบนั้นทั้งวันจนอคินต้องบอกให้ไอริเป็นลูกค้าบ้าง จะเอาเปรียบเพื่อนไม่ได้
“คุณอาไอริไม่ยอมเปลี่ยนเลย อิงอิงอยากเป็นแม่ค้าบ้าง”
“ก็ของร้านอิงอิงไม่อร่อยไอริไม่ซื้อหรอก เชอะ!!” อาการเด็กเอาแต่ใจของไอริทำให้อิงอิงต้องยอมเป็นลูกค้าแต่อคินก็รีบเข้ามาสอนลูกสาวให้แก้นิสัยแบบนี้ พี่เพลิงกับพี่อัคนีถึงไม่อยากเล่นด้วยเพราะไอริเอาแต่ใจเกินไป
///ธาดา///
ผมกลับจากท่าเรือก็รีบมารับลูกสาวที่บ้านของไอ้หมอ มาถึงก็เห็นลูกสาวผมนั่งรออยู่กับไอ้หมอส่วนยูริกำลังทำโทษไอริอยู่ ดูจากสถานการณ์ก็รู้ว่าไอริก่อเรื่องอีกแน่ๆ ไม่รู้ว่าท่านไคไปสอนอะไรทำไมไอริถึงได้เอาแต่ใจขนาดนี้
“ป๊า...วันนี้อิงอิงเล่นขายของด้วยค่ะ”
“ว้าว อิงอิงเล่นเป็นแม่ค้าเหรอคะ” ผมหันไปมองลูกสาวที่นั่งถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ
“เป็นลูกค้าค่ะ ไอริเป็นเถ้าแก่เนี้ยขายทุกอย่างไม่ให้อิงอิงมีของขายเลย แถมยังบังคับให้ซื้อของจากร้านของไอริด้วย เฮ้ออพรุ่งนี้ขอไปทำงานกับป๊าได้ไหมคะ”
ผมยิ้มให้ลูกอย่างอ่อนใจนั่นแหละหลานบังเกิดเกล้าของผม สงสารลูกจังแต่ผมเองก็งานยุ่งมากจะเอาลูกไปด้วยก็คงไม่สะดวก
“นายครับผมว่าลองให้คุณเจเจหาพี่เลี้ยงเด็กดูไหมครับ”
“อืมเดี๋ยวกูจะลองคุยกับมันดู”