ปวริศาเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการภารกิจของตนเองเสร็จก็เดินออกมา เพียงแค่ก้าวพ้นประตูห้องน้ำมาได้นิดเดียวก็มีมือปริศนามาคว้าที่เอวบางแล้วดึงตัวของเธอเข้าไปที่มุมมืดอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ปวริศาไม่ทันได้ระวังตัว ประกอบกับแอลกอฮอล์ที่พุ่งพล่านในกระแสเลือดทำให้ปวริศาเสียหลักถลาตามแรงดึงไปในมุมมืดนั้น
เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ริมฝีปากของปวริศาถูกใครบางคนทาบทับลงมาสัมผัส แล้วบดจูบอย่างหื่นกระหาย เธอพยายามจะขัดขืนถอยหนีแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกคนคนนั้นกอดรัดแน่นมากขึ้น พอจะอ้าปากร้องก็เป็นการเปิดช่องทางให้เขาคนนั้นรุกล้ำเข้าไปตักตวงความหวานภายใน จากการจูบที่ดูดดื่มรุนแรงก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการละเลียดชิมป้อนความหวานให้แก่กัน จนปวริศาเผลอใจโอนอ่อนไปตามรสสัมผัสของอีกคนที่มอบให้ มันคุ้นจังการจูบแบบนี้ รสจูบที่แสนคิดถึง รสจูบที่เธอถวิลหา มือหนาลูบไล้สะโพกกลมกลึงที่ผายได้รูป ส่วนกลางกายของทั้งสองถูกผลักดันให้มาสัมผัสกันมีเพียงเนื้อผ้าของกระโปรงและกางเกงบางๆ กั้นกลางระหว่างกันอยู่ สร้างความวาบหวามใจให้แก่สาวโสดวัยยี่สิบแปดได้ไม่น้อย
แต่ก่อนที่สติของปวริศาจะหลุดไปมากกว่านี้ เธอรวบรวมแรงทั้งหมดผลักไปที่อกเขาแล้วดึงตัวเองออกมา แล้วแว้ดเสียงใส่
“คุณเป็นใครเนี่ย โรคจิตหรือเปล่ามาจูบฉันทำไม”
แล้วปวริศาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเสี้ยวใบหน้าของคนที่ขโมยจูบเธอชัดชัด เหมือนมาก เหมือนมากจริงๆ จนเธอเผลอพูดชื่อใครบางคนที่หายไปจากชีวิตเธอร่วมเกือบสิบปี
“เจย์เดน..”
ชายปริศนาคนนั้นหันหลังกลับแล้วเดินหนีออกไปท่ามกลางความมืดและฝูงชนอย่างรวดเร็ว
ปวริศาเอามือลูบที่ริมฝีปากตนเอง บ่นพรึมพรำพร้อมส่ายหัวไปมา
“ไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ .. ไม่ใช่เขาหรอก ไม่ใช่เจย์เดน แต่ทำไมเขาดูเหมือนเจย์เดนจังเลย หรือว่าฉันเมาจนตาลายไปหมดแล้วนี่”
แล้วปวริศาก็คิดไปถึงคำพูดของ “กีต้า” เพื่อนรักของเธอ ที่เคยบอกเธอว่า ‘แป้งเธอนะ มองเห็นใครที่ออกแนวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ก็เหมารวมว่าเป็นเจย์เดนอดีตแฟนเด็กของเธอไปหมด’ ก็คงจะจริงตามที่กีต้าพูดละมั้ง
“เฮ้อ”
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ โดยระหว่างที่เธอกำลังเดินกลับไปที่โต๊ะนั้น เธอก็พยายามสอดส่ายสายตามองหาชายปริศนาลึกลับเมื่อครู่ ที่จู่จู่ก็มาขโมยจูบเธอ มองหาเท่าไร ก็หาไม่เจอ
พอไปถึงเพื่อนสาวที่โต๊ะก็โวยวายใส่เธอเป็นการใหญ่
“นี่ยายแป้งกว่าจะกลับมาได้ ฉันนึกว่าเธอโดนผู้ชายที่ไหนหิ้วไปซั่มเสียแล้ว”
ปวีณาพูดเสียงดัง
“แหมแกที่ห้องน้ำคนมันเยอะ รอต่อคิวนานมาก มันมีอยู่ห้องหนึ่งนะเข้านานมากไม่ยอมออกเสียที สงสัยจะหลับคาห้องน้ำแน่เลย”
แป้งแอบพูดปดไปเล็กน้อย
“เนี่ยแป้งรู้ไหม ว่ามีคนนั่งโต๊ะแทบไม่ติดเลย ชะเง้อคอมองตลอด แล้วก็จะให้เราไปดูแป้งอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จะห่วงกันไปไหน”
ปรียาพรพูดเสริมขึ้นมาแล้วหันหน้าไปพยักเพยิดกับวิษณุ เชิงว่า ‘ฉันช่วยทำคะแนนให้เธอแล้วนะ’ แทบทุกคนในที่ทำงานต่างก็ลุ้นก็เชียร์ให้ทั้งคู่เป็นแฟน เพราะดูแล้วคู่นี้เหมาะสมกันดี
วิษณุทำหน้าเขินอาย
“ก็แป้งไปนานนี่นา นุก็ต้องเป็นห่วงสิ เอ.. แป้งมองหาใครอยู่หรือ นุเห็นตั้งแต่แป้งมานั่งที่โต๊ะแล้ว เหมือนจะมองหาใครอยู่ เจอคนรู้จักหรือ”
ปวริศาหันมายิ้มหวานให้ เมื่อถูกจับได้แล้วก็แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
“ก็มองไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่ม พูดคุยและรื่นรมย์ไปกับบรรยากาศรอบตัว ปวริศาก็ช็อตฟีลพูดโพร่งขึ้นมา
“ดึกแล้ว แป้งว่าเรากลับกันเถอะ”
“อะไรกันยายแป้งนี่พึ่งจะสี่ทุ่มเองดึกตรงไหน เอาอะไรมาดึกคะสาว”
ปวีณาเถียงขึ้นทันควัน
“ลืมไปว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าพาแม่ไปตลาดและช่วยแม่ทำกับข้าวไปทำบุญนะสิ”
ปวริศาพูดปดไป แท้จริงแล้วเธอไม่มีกระจิตกระใจจะอยู่ต่อ เพราะรสจูบแรงสัมผัสจากชายปริศนาที่น่าจะเป็นแค่ “คนคล้ายคลึงกับคนที่เธอเคยคุ้นเคย” ได้ก่อกวนหัวใจเธอไม่หยุดหย่อน
เหมือน เหมือนมากจริงๆ จะเป็นเขาหรือเปล่านะ คิดถึงจัง เสียงจากหัวใจของปวริศาพร่ำบอกอยู่อย่างนี้ ระหว่างที่เดินออกจากร้าน ไม่วายที่เธอยังหันกลับไปมองในร้านอีก โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของคนที่กำลังเฝ้ามองผ่านกระจกห้องวีไอพี
‘ฮึ เดี๋ยวเราได้เจอกันพี่แป้ง’