ความสัมพันธ์แม่ลูก

1845 คำ
ร่างเล็กนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่ที่ศาลาหลังเรือน ทั้งที่บรรยากาศร่มรื่น แต่อันหรานกลับไม่รู้สึกสดชื่นเลยสักนิด “เสี่ยวจู ข้าจะทำอย่างไรดี” “เรื่องคุณหนูน้อยหรือเจ้าคะ” “ใช่ หลิงหลิง ไม่แม้แต่จะอยากเข้าใกล้มารดาเช่นข้า ทั้งที่ข้าอุ้มท้องนางมาถึงเก้าเดือน นึกว่าจะมีความผูกพันหลงเหลืออยู่บ้าง” อันหรานคิดว่าอย่างไรบุตรสาวก็ต้องรู้สึกคุ้นเคยกับนาง แต่หลิงหลิงกลับไม่เป็นไปอย่างนั้น นางจึงต้องมานั่ง คิดนอนคิดอยู่เช่นนี้ ดีที่ยังมีเสี่ยวจู สาวใช้ที่พี่ชายส่งมาดูแลนางแทนจือจือ จึงพอมีเพื่อนช่วยคิดอยู่บ้าง “อันที่จริงแล้ว ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับฮูหยินเจ้าค่ะ เพราะหลังจากที่คุณหนูคลอด ฮูหยินมิได้ดูแลคุณหนูเลย ปล่อยให้พี่เลี้ยงและฮูหยินเฒ่าดูแล นางจึงมิสนิทใจกับท่าน เอ่อ…ขออภัยที่บ่าวต้องเอ่ยตามตรง” “ไม่เป็นไร ที่เจ้าพูดมาก็ถูกทุกอย่าง” คนเหนื่อยใจพลิกกายซุกหน้าลงกับหมอน อย่างหมดอาลัยตายอยาก “แต่เริ่มตอนนี้ยังไม่สายนะเจ้าคะ บ่าวเองก็พึ่งมาพบกับคุณชายใหญ่ แต่บ่าวก็รู้สึกเคารพและสนิทใจกับคุณชายใหญ่ ราวกับเป็นนายบ่าวกันมาหลายภพชาติเลยเจ้าค่ะ” “…จริงอย่างที่เจ้าว่า เริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สาย” อันหรานดีดตัวขึ้นมานั่ง ในศีรษะเล็กเต็มไปด้วยวิธีการ ที่จะทำให้บุตรสาวกลับมาสนิทใจกับนางมากขึ้น อย่างน้อยก็พอเพียงให้นางมีน้ำหนักในใจของอวี้หลิงบ้างก็พอ เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากลานกว้างท้ายเรือน เดิมทีบริเวณนี้ ท่านราชครูมักจะใช้ฝึกซ้อมร่างกายตอนเช้าตรู่ ก่อนที่จะเข้าไปสอนเหล่าองค์ชายในวัง แต่บัดนี้กลับกลายเป็นที่วิ่งเล่นของฮูหยินน้อยสกุลหลิว กับบ่าวคนใหม่ ทั้งยังส่งเสียงดังจนบ่าวไพร่ต้องมามุงดูว่าทั้งสองทำสิ่งใดกันอยู่ “ลอยสูงมากเลยเจ้าค่ะฮูหยิน อ๊ะ จะเกี่ยวต้นไม้แล้วๆ” อันหรานรีบดึงเชือกว่าวทันทีที่สาวใช้ตะโกนบอก ทำเอาบ่าวไพร่บริเวณนั้น หัวเราะเฮฮากันลั่นเรือน จนคุณหนูน้อยที่พึ่งตื่นจากการนอนกลางวัน ต้องเดินมาดู “หลิงหลิงตื่นแล้วหรือลูก เจ้ามาเล่นว่าวกับแม่ดีหรือไม่” “ว่าวหรือเจ้าคะ” “ใช่ นี่อย่างไรเล่า มันบินได้ด้วยนะ” อันหรานดึงว่าวกลับมา ก่อนจะนำไปให้บุตรสาวดู พร้อมเอ่ยสรรพคุณที่น่าสนใจออกไปเสร็จสรรพ และดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวน้อย จะตกหลุมพรางมารดาเข้าอย่างเต็มเปา เพราะนางยอมปล่อยมือพี่เลี้ยง แล้วหันมาจับสายว่าวไว้แน่น นัยน์ตากลมก็ดูเปล่งประกายขึ้นมาทันควัน “มาทางนี้เถิด แม่สอนเจ้าเล่นเอง” อันหรานใช้โอกาสนี้อุ้มบุตรสาวขึ้นแนบอก หยักหน้าให้เสี่ยวจูช่วยปล่อยว่าว “ฉูงอีก ฉูง” เสียงเล็กที่พูดไม่ชัดเอ่ยสั่ง คนเป็นแม่จึงรีบปล่อยว่าวให้สูงขึ้นตามคำเรียกร้อง ดีที่วันนี้ลมค่อนข้างเป็นใจ อันหรานจึงพอจะใช้ว่าวที่ประดิษฐ์ขึ้นมา ดึงความสนใจบุตรสาวได้ ยิ่งเห็นรอยยิ้มน่ารักของบุตรสาว อันหรานก็ยิ่งใจชื้น พลันนึกเสียใจที่ก่อนหน้ามิอาจดูแลบุตรสาวได้อย่างใจหวัง มาครานี้นางจะชดเชยให้กับหลิงหลิงของนางอย่างเต็มที่ “คิกๆ ดึง!” เด็กสาววิ่งเตาะแตะ ช่วยมารดาดึงว่าวไปทั่วทั้งลานกว้าง “เอ่อ ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ได้เวลาคุณหนูอาบน้ำ ทานอาหารแล้วเจ้าค่ะ” “งั้นหรือ เช่นนั้นหลิงหลิงไปอาบน้ำกับแม่ดีหรือไม่” อันหรานยิ้มแฉ่ง หวังให้ลูกตอบรับ แต่นางพึ่งจะพยายามเข้าหาลูกได้เพียงไม่กี่ชั่วยาม เด็กน้อยจึงส่ายหัวปฏิเสธ แล้วเดินไปหาพี่เลี้ยงอย่างเคย ทำเอาบ่าวไพร่ที่เห็นเหตุการณ์ ทำหน้าเศร้าตามฮูหยินน้อยไปด้วย “มิเป็นไรๆ เอาเป็นว่าแม่จะไปทำขนมรอเจ้าแล้วกันนะ รับรองว่าวันนี้เจ้าต้องอิ่มจนพุงกางเป็นแน่” “เจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบกลับอ้อมแอ้ม ก่อนจะเดินไปอาบน้ำกับพี่เลี้ยง เซี่ยอันหรานดีอกดีใจที่บุตรสาวอยากกินขนมฝีมือนาง จึงรีบเดินนำเสี่ยวจูเข้าครัวทันที แน่นอนว่านางจะไม่ทำขนมที่มีอยู่ทั่วไปให้บุตรสาวทาน วันนี้นางจึงจะทำขนมบัวลอย ขนมไทยแสนอร่อยที่แม่ของนางชอบทำให้ทานตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่รู้สึกตัว ว่าตนเองเข้ามาอยู่ในฝัน นางก็ไม่รู้เลยว่าในโลกปัจจุบันนางจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่านางตายไปแล้ว และเข้ามาอยู่ในฝันจริงๆ หรือว่าในตอนนี้นางกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง แล้วฝันอยู่กันแน่ แต่อย่างไรเสีย นางก็ขอใช้ชีวิตอย่างที่ตนเองอยากใช้ ในตอนที่ยังมีโอกาสอยู่ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อใด นางจะต้องกลับไปเป็นหุ่นเชิด ทำสิ่งใดไม่ได้เหมือนครั้งก่อนหน้า “เสร็จแล้วหรือเจ้าคะฮูหยิน” “เสร็จแล้ว น่าทานหรือไม่” “น่าทานมากเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูมองขนมที่ไม่เคยเห็น ด้วยสายตาวาววับ “เช่นนั้นข้าจะไปรอหลิงหลิงในห้องโถง ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็ลองแบ่งกันชิมดูนะ” ว่าแล้วอันหรานก็เดินออกไปทันที บรรดาบ่าวไพร่จึงตักขนมที่ไม่เคยเห็นมาลองทานดู แต่ละคนถึงกับอุทานออกมา ว่าเป็นขนมที่อร่อยที่สุดที่เคยทานมา แต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบรสชาติที่แปลกใหม่นี้ ทว่าไม่ใช่กับหลิวอวี้หลิง เพราะเด็กน้อยตักทานด้วยความเอร็ดอร่อย ขนาดพี่เลี้ยงยังเอ่ยว่า ครั้งนี้คุณหนูน้อยเจริญอาหารเป็นพิเศษ “เอาอีกเจ้าค่ะ” “หมดแล้วลูก ขนมนี้ทานมากไม่ได้ เอาไว้วันหลังแม่จะทำให้ทานอีกนะ” มือบางลูบหัวกลมของบุตรสาวด้วยความเอ็นดู “เจ้าค่ะ” “เช่นนั้นตอนนี้เจ้าไปเดินย่อยกับแม่ดีหรือไม่ ประเดี๋ยวจะอืดท้องเอาได้” “ไปรอท่านพ่อเจ้าค่ะ” ฟังคำขอของบุตรสาวแล้ว มารดาก็ยิ้มแห้ง แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ เพียงพยักหน้าแล้วจูงมือเด็กน้อยไปรอรับสามีที่หน้าประตูใหญ่ เรื่องราวการไปรอรับสามีก็ไม่มีอันใดมากมาย อันหรานเพียงไปทำหน้าที่ตัวประกอบ ปล่อยให้พ่อลูกเขาอุ้มกันเข้าเรือน มาทานอาหารกับท่านย่าและท่านแม่ แล้วก็แยกย้ายกันกลับเรือน แต่นับจากวันนั้น เซี่ยอันหรานก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างหนัก นางช่วยพี่เลี้ยงของบุตรสาว จัดการเรื่องของอวี้หลิงเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เสื้อผ้าหน้าผม สิบกว่าวันมานี้อันหรานจึงขลุกตัวอยู่กับบุตรสาว อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อวี้หลิงตัวน้อยก็เริ่มจะคุ้นเคยกับมารดามากขึ้น ยอมนั่งเล่นกันสองคน โดยไม่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยตาม ทั้งยังพูดคุยกับอันหรานเสียเจื้อยแจ้ว “หลิงหลิง ทำว่าวเป็นรูปอันใดหรือ” “กระต่ายเจ้าค่ะ งามหรือไม่” ว่าวสีขาวที่ประดับประดา ด้วยแผ่นกระดาษสีชมพูอ่อนๆ ทำเป็นหูของกระต่าย ดูบิดๆ เบี้ยวๆ ตามประสาฝีมือของเด็กน้อย “งดงาม งดงาม ของแม่เป็นลูกสุนัข” “ของท่านแม่ก็งามเจ้าค่ะ” เสียงเล็กทำเอาอันหรานแทบละลายไปกับพื้น ดีเหลือเกินที่อวี้หลิงยอมสนทนากับนางมากขึ้น สองแม่ลูกช่วยกันประดิษฐ์ว่าวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หลังเรือน ทำไปเด็กน้อยก็อ้าปาก รับขนมจากผู้เป็นมารดาไป จนเสี่ยวจูที่นั่งดูอยู่อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่แล้วช่วงเวลาสงบสุขก็หมดสิ้นไป เพราะนายท่านของเรือนกลับจากวังเร็วกว่าปกติ “หลิงหลิงของพ่อทำสิ่งใดอยู่หรือ” “ท่านพ่อ~ ลูกกำลังทำว่าวเจ้ากระต่ายเจ้าค่ะ ท่านแม่สอนลูก” ขาสั้นวิ่งเข้าไปหาบิดา พลางกอดขาใหญ่เป็นการทักทาย ก่อนจะจูงมือกันมาดูว่าวที่ทำค้างไว้ “อย่างนั้นหรือ พ่อว่าใช้หมึกแต้มเป็นหนวดให้มันหน่อยดีหรือไม่” “บ่าวจะรีบไปเอามาให้เจ้าค่ะ” เสี่ยวจูอาสาออกไปเอาหมึกมาให้คุณหนูน้อย ก่อนจะโบกมือไล่ให้บ่าวไพร่ที่อยู่บริเวณนั้นถอยห่างออกไป จึงมีเพียงพ่อแม่ลูกที่นั่งเล่นด้วยกัน แต่บรรยากาศที่ควรจะแสนสุข กลับดูอึดอัดชอบกล เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองเอาแต่งจ้องหน้ากัน ไม่ยอมพูดยอมจา “ท่านแม่ไม่ทำแล้วหรือเจ้าคะ” “ทำสิลูก แต่แม่ทำตาสุนัขไม่เป็น หลิงหลิงมาช่วยแม่ทำได้หรือไม่” “ได้เจ้าค่ะ” ร่างกลมเล็กลุกจากตักบิดา เดินเตาะแตะไปนั่งข้างมารดาทันที ราชครูหนุ่มเห็นท่าทีใส่ใจบุตรของเซี่ยอันหรานก็นึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาได้ข่าวจากพ่อบ้านหาน ว่าภรรยามาเล่นกับบุตรสาวทุกวัน คอยสอน คอยดูแล จนหลิงหลิงของเขาเดินตามนางต้อยๆ วันนี้จึงตั้งใจกลับเรือนเร็วกว่าปกติ และก็ได้เห็นว่าทุกอย่างเป็นอย่างที่พ่อบ้านหานว่า แต่ที่เขาไม่แน่ใจ คือจุดประสงค์ของสตรีแพศยาผู้นี้ แม้ว่าอวี้หลิงจะเป็นบุตรของนาง แต่อี้เฟิงก็ไม่ไว้ใจ เขากลัวว่านางจะใช้หลิงหลิงเป็นเครื่องมือในการเข้าหาเขา อย่างที่นางเคยทำตอนยังไม่คลอด “นี่เจ้าค่ะ ทำเช่นนี้” “งดงามมาก บุตรสาวของแม่เก่งถึงเพียงนี้เลยหรือ” “คิกๆ” อวี้หลิงน้อยบิดตัวเขิน จนอันหรานอดไม่ได้ ก้มลงหอมแก้มกลมไปฟอดใหญ่ ด้วยความเป็นเด็ก มิอาจอยู่นิ่งได้ไม่นาน เด็กน้อยจึงอยากวิ่งเล่นตามประสา อี้เฟิงเลยกวักมือเรียกพี่เลี้ยงที่ยืนดูห่างๆ ให้คอยตามไปดูแล ทำให้บัดนี้ ใต้ต้นไม่ใหญ่เหลือเพียงคู่สามีภรรยาที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน “คิดจะทำอันใดของเจ้า” “ก็นั่งเล่นอย่างไรเล่า” เซี่ยอันหรานตอบออกไปตามตรง เพราะตอนนี้นางกำลังนั่งเล่น คอยดูบุตรสาวถือว่าววิ่งไปมาอย่างร่าเริง “อย่าพูดจาก่อกวน ข้าหมายถึงเจ้าเอาอกเอาใจหลิงหลิง ต้องการสิ่งใดกันแน่” “…” “หรืออยากใช้นางเป็นสะพานมาหาข้าอีก” “ห๊ะ!” อันหรานขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดได้อย่างไร ทั้งที่ระยะนี้นางแทบจะไม่เฉียดกายเข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ “ข้าเดาแผนการของเจ้าถูกใช่หรือไม่! เจ้านี่เป็นมารดาที่แย่เกินรับไหว คิดใช้บุตรเป็นเครื่องมือ ไม่สงสารนางบ้างหรือไร”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม