“บอกทำไม ใครไปอยากรู้” เธอว่าให้ก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียง เหลือบสายตามามองเห็นเขาตามมาก็สะดุ้งรีบลุกหนีในทันที
“ขึ้นมาทำไม”
“วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน จะเข้านอนแล้วไง หรือมะลิจะทำอะไรกันก่อน”
“บ้า! ลามก” เธอเหวใส่ทันทีหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู” คนขี้อายแต่สุดแสนจะรักเมียยกมือขึ้นลูบท้ายทอยไปมาในทันที
“จะทำอะไร” เขาขยับผ้าห่มทำท่าจะขึ้นนอนเธอก็รีบเหวใส่อีกรอบ
“จะนอนแล้วครับ มะลิไม่นอนเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“นอนสิ ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง” เธอโกหกคำโต เหนื่อยจริงแต่ไม่รู้สึกง่วงสักนิด กลัวเขาทำมิดีมิร้ายเสียมากกว่า
“แล้วนั่นจะไปไหนครับ” เข้มเอ่ยถามขณะที่เธอเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง
“มะลิจะนอนตรงนี้” เธอชี้ไปตรงพื้นเย็นๆ ตรงหน้า
“นอนตรงนั้นหนาวนะครับ” เข้มพูดอย่างกังวล มองคนที่กำลังหวั่นเกรงเขาถอยหนีไปจนชิดผนังก็ถอนใจพรืด
“มะลิมานอนบนเตียงก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่นอนที่พื้นเอง” เขาพูดแบบนั้นก็เดินไปหยิบฟูกนอนในตู้มาปูบนพื้นหน้าตาเฉย เธอมองอย่างหวาดระแวง ก่อนจะประหลาดใจ
“นอนเถอะ ดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นใส่บาตรอีก” หลังจากสวดมนตร์เสร็จเขาก็ดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงคอ คนที่ได้แต่ยืนงงคือมะลิ เธอเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างมึนๆ ดึกดื่นเขาคงไม่ลุกขึ้นมาปล้ำเธอหรอกนะ
“พรุ่งนี้...”
“จะทำอะไร อย่าเข้ามานะไม่งั้นเตะก้านคอจริงๆ ด้วย” คนหวาดระแวงที่ทิ้งตัวลงนอนดีดตัวขึ้นมาก่อนจะยกหมัดขึ้นมาง้างเอาไว้เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นมาพูดคำว่าพรุ่งนี้...
“พี่จะบอกว่าพรุ่งนี้พี่จะตื่นมาหุงข้าวทำกับข้าวใส่บาตร มะลิอยากกินอะไรพี่จะทำให้”
“อยากทำอะไรก็ทำสิ” คนขี้ระแวงดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึงคอ เห็นเขาทิ้งตัวลงนอนแล้วเธอก็เหล่ตามองอยู่แบบนั้น พอเห็นเขานิ่งเงียบไป เธอจึงชะโงกไปดูก็เห็นเขาหลับไปแล้ว
“หลับจริงไหมนะ” เด็กสาวขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะโบกมือไปมาด้านหน้าเพื่อทดสอบ ร่างสูงเพรียวแข็งแรงขยับเธอก็สะดุ้งดึงมือกลับหลับตาปี๋ ปรากฏว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ แต่แค่พลิกตัว
มะลิคิดว่าตัวเองจะนอนไม่หลับแต่เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นอาหารหอมกรุ่นที่ลอยมาปะทะจมูก เธอปรือตาขึ้นคว้านาฬิกาบนหัวเตียงมาดูปรากฎว่าเป็นเวลาตีห้า
“ใครทำกับข้าวหอมแบบนี้นะ” เสียงเล็กๆ พึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องเพื่อตามหากลิ่น เธอเห็นร่างสูงของสามีกำลังขมักเขม่นกับการทำกับข้าวกับปลาก็ตาโต เมื่อคืนจำได้ว่าก่อนจะนอนหลับไปเขาบอกว่าจะลุกมาทำกับข้าวถวายพระและถามว่าเธออยากกินอะไรด้วย
เขาทำอย่างที่พูดจริงๆ เกิดมาเธอไม่เคยเห็นบิดาลุกมาทำกับข้าวให้กิน มีแต่มารดา เลยรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเข้มทำเช่นนั้น
“ตื่นแล้วเหรอ” เขาหันมาพอดีเธอตาโตหลบไม่ทันเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินเตร็ดเตร่เข้าไปชะโงกดูอาหารที่เขาทำ
มีผัดเปรี้ยวหวาน ของโปรดเธอนี่นา บังเอิญไปรึเปล่านะ ห่อหมกอะไรนะน่ากินจัง มะลิคิดในใจเมื่อเห็นอาหาร
“ห่อหมกปลาช่อนครับ” เขาเห็นเธอสนใจก็เลยรีบบอก
“ใครอยากรู้ ไม่ได้อยากรู้เสียหน่อย” เธอแกล้งเตร็ดเตร่เดินไปมองกับข้าวอีกหลายอย่าง มีแกงคั่วหอยขมด้วย
อ๊าย... อยากกิน!!!
นั่นก็ไข่เจียวกุ้งฝอย เชอะ! อีตาพี่เข้มรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นของโปรดเรา ถึงกลิ่นจะหอมแต่ก็อาจจะไม่อร่อยก็ได้ แค่หน้าตาดีไปงั้นแหละ
“เดี๋ยวพระเดินมาบิณฑบาตตอนหกโมงเช้า มะลิไปอาบน้ำก่อนสิ” เขาหันมาบอกเธอ มะลิค่อยๆ เขยิบเดินกลับมาอาบน้ำที่ห้อง
เธอนึกชมบ้านช่องของเข้มอยู่มาก เพราะมันสะอาดสะอ้านไม่มีแม้แต่ฝุ่น แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กรุ่นไปทั่วบริเวณสูดดมแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย
เด็กสาวรีบเข้าห้องอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวออกมาก็เห็นเขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในชนบทเช่นนี้พระสงฆ์จะมาบิณฑบาตตอนเช้า ดังนั้นรีบลุกมาปรุงอาหารตั้งแต่ย่ำรุ่ง ไม่เช่นนั้นจะไม่ทัน
“มาตักบาตรกันครับ” เข้มเรียกภรรยา มะลิเดินเก้ๆ กังๆ ไปใส่บาตรพร้อมกับเขา เธอเหลือบมองสามี ปกติเธออยู่บ้านไม่ค่อยจะได้ทำบุญใส่บาตรเพราะตื่นมามารดาก็ไปทำไร่ไถนา บิดาก็ไปตั้งวงเหล้าบ้าง ไปทำงานบ้าง การได้ทำบุญเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกดีไม่น้อย
พระให้พรเธอกับเขาก็ยกมือไหว้ เขาจัดการเก็บโต๊ะที่วางข้าวของใส่บาตร เธอจึงช่วยเขาถือขัน เข้มหันมายิ้มให้ภรรยา เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เช่นเดิม ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้าน
“กินข้าวเช้ากันนะ” เขาเอ่ยชวนก่อนจะลำเลียงอาหารออกมาวางบนโต๊ะรับประทานอาหารตรงระเบียงบ้าน
บ้านของเข้มเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงมีระเบียงยื่นออกมาสำหรับนั่งรับประทานอาหารหรือชมวิวเพราะด้านหน้าของระเบียงนั้นเป็นทุ่งนาและคลองเล็กๆ ในหมู่บ้านทำให้ลมพัดเย็นสบาย อากาศดีจนสามารถสูดลมหายใจเข้าปอดได้แรงๆ แบบไม่ต้องกังวลใจ
เขาตักข้าวสวยร้อนๆ ให้เธอเป็นข้าวซ้อมมือที่ทำเอง กลิ่นแกงคั่วหอยขมผสมกับน้ำพริกแมงดา ผักลวกผักสด ไข่เจียวกุ้งฝอย ห่อหมกปลาช่อนและผัดเปรี้ยวหวานทำเอามะลิต้องกลืนน้ำลายด้วยความหิว
ปกติตื่นเช้ามาเธอไม่ค่อยได้กินข้าวปลาอาหารบริบูรณ์เช่นนี้ ตั้งแต่จำความได้บิดามารดาก็ต้องตื่นมาทำงานและเธอก็ต้องหาข้าวหาปลากินเอง กว่าจะได้กินก็สายหรือเที่ยงไปโน่น หรือบางวันมารดาก็ลุกมาทำตอนหัวรุ่ง
“ชิมดูสิ พี่ทำเองทั้งหมดเลยนะ” เขาตักกับข้าวให้เธอ มะลิรู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก
“พรุ่งนี้จะตื่นมาช่วยทำก็ได้” เธอพูดขึ้น เขาพูดแบบนั้นคล้ายจะตำหนิว่าเธอนอนกินบ้านกินเมืองไม่ลุกขึ้นมาช่วยทำ
“ถ้าง่วงไม่ต้องก็ได้ ปกติพี่ก็ลุกมาทำเองทุกวันอยู่แล้ว” เขาตอบเสียงทุ้มนุ่มหู ตักกับข้าวใส่จานให้เธอ
“อร่อยไหม” เขาเอ่ยถามเมื่อเธอกัดกุ้งฝอยทอดแล้วทำหน้ามีความสุขเหมือนจะบอกว่ามันอร่อยมากๆ แต่พอเขาเอ่ยถามเช่นนั้นเธอก็แกล้งพูดไปอีกทาง
“ก็พอกินได้” คนบอกว่าพอกินได้กัดกุ้งฝอยทอดกรอบอีก ก่อนจะแอบอมยิ้ม
อร่อยชะมัดเลยแต่เชอะ! ไม่พูดให้ได้ใจหรอก เข้มสังเกตภรรยาเด็กโดยตลอด เธอชอบอาหารของเขาแต่ทำเป็นฟอร์มจัด เขาก็เข้าใจว่าเธอยังไม่อยากแต่งงานในตอนนี้ แต่คนที่รอมานานหลายปีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ยิ่งโตยิ่งสวยเขากลัวเธอจะตกไปเป็นของคนอื่นเข้าสักวัน เลยต้องจับจองเป็นเจ้าของก่อนที่จะมีใครมาคว้าเอาไปครอบครอง
ถึงตอนนี้เธอจะยังไม่รักไม่ชอบเขา แต่อยู่ๆ กันไปเขาจะทำให้เธอรักเขาให้ได้
เขาจะจีบเมียตัวเองทุกวัน ดูสิว่าจะใจแข็งไปได้สักกี่น้ำ!!!
“ชอบกินผัดเปรี้ยวหวาน” เขาพูดขึ้นลอยๆ คนที่ร้อนตัวรีบปฏิเสธทันควัน
“ก็กินได้ไม่ได้ชอบเสียหน่อย” เธอกัดปากเล็กน้อยเหลือบมองสามี เข้มนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงเพรียวแข็งแรง กล้ามเนื้อของเขาสมบูรณ์และอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเพราะทำงานออกแรงอยู่เสมอ มะลิไม่เห็นไขมันส่วนเกินของเขาเลยแม้แต่น้อย ถ้าจะเรียกให้ถูกเขาก็เป็นหนุ่มรูปงามที่สาวๆ หลายคนหมายปอง
“หมายถึงพี่ชอบกินผัดเปรี้ยวหวาน” เขาพูดอีก เธอตาโตเมื่อได้สบตากับเขา
คนพูดไม่ครบประโยค มะลิแอบค่อนขอดในใจ
“แล้วมาบอกมะลิทำไม ไม่เห็นอยากรู้” เด็กสาวว่าให้ เขาไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองแต่ตักกับข้าวให้เธออีก
มะลิชิมน้ำพริกแมงดาแล้วต้องตักมากินอีกเพราะอร่อย ไม่เผ็ดจนเกินไป
ผู้ชายอะไรทำกับข้าวอร่อย!!!
ไม่อยากจะยอมรับนักหรอก แต่มันอร่อยจริงๆ จนเธอต้องยอมรับในใจ