“ร่องของมะลิแคบเล็กนัก ต้องให้พี่เอาบ่อยๆ เอาทุกวันจะได้ชิน”
“ของพี่เข้มใหญ่จัง” เธอร้องบอกอีก นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปนเสียว
“ก็ให้พี่เอาทุกวันสิ” เขายังแช่กายนิ่ง พูดคุยโต้ตอบให้เธอผ่อนคลาย
“เป็นผัวเมียต้องเอากันแบบนี้ทุกวันเหรอจ๊ะ” มะลิใบหน้าเหยเก
“ใช่ เป็นธรรมดาของมนุษย์ เซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องผิดบาป เราแต่งงานกันแล้ว”
“มะลิต้องเจ็บแบบนี้ทุกวันเหรอ”
“ไม่เจ็บ พี่สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย แค่วันนี้วันเดียวที่โดนเปิดซิงถึงจะเจ็บ”
“มะลิเอ่อ... ก็เสียวนะจ๊ะ” เธอบอกเขาเสียงแผ่วเบาไม่กล้ามองหน้า พวงแก้มสาวแดงเรื่อลามไปถึงใบหู
“พี่ก็เสียวลำเอ็น ร่องมะลิดูดดุ้นพี่ไม่หยุดเลยเห็นไหม” เขาบอกเธอแล้วขยับเบาๆ ให้เธอรับสัมผัสของกันและกัน
“ก็เจ็บเลยเผลอตอด”
“ตอดพี่แบบนี้ก็แทบจะแตกในร่องเสียให้รู้แล้วรู้รอด”
“จะ... จะแตกแล้วเหรอจ๊ะ”
“เปล่า แค่บอกเฉยๆ ให้พี่ขยับก่อนนะ”
“อ่ะ!” พอเขาบอกแบบนั้นก็เริ่มขยับ เธอหลุดเสียงครางออกมาด้วยความรัญจวน
“เสียวมากเลยรู้ไหม ร่องเมียจ๋าแน่นมาก”
“โดนทุกวันจะหลวมไหมจ๊ะ” เธอเอ่ยถามสีหน้าสงสัยใคร่รู้
“อาจจะหลวมนิดหน่อย แต่จะเป็นยังไงพี่ก็รักมะลิสุดหัวใจ อ๊า...” ใบหน้าของเขากระตุกเมื่อเธอตอดรัดทุกครั้งที่เขาขยับ แม้จะถอนกายไม่ค่อยออก แต่แค่ขยับก็เสียวด้วยกันทั้งสองคนแล้ว
“พี่เข้มจ๋า... อย่าแรงเกินไปนะคะ มะลิไม่ไหว” เธอลูบไล้แผงอกแกร่งที่เรียบตึง ผิวของเขาเป็นสีแทนเพราะการทำงานกลางแจ้งในเรือกสวนไร่นา แต่ลูบไล้เช่นนี้กลับให้ความรู้สึกตื่นเต้นและน่าปรารถนานัก
มะลิเผลอแตะลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง เข้มเห็นแบบนั้นก็อดใจไม่ไหวที่จะก้มลงไปบดคลึงกลีบปากแสนหวานเบาๆ เธอจูบตอบเขาอย่างเงอะงะ แต่เข้มก็เห็นความน่ารักของเมียเด็กที่พยายามจะเอาใจเขาเช่นกัน
เขาโยกคลึงท่อนกายเข้าออกเป็นจังหวะจะโคน เธอร้องครางซี๊ดเสียวไปตลอดเส้นทางรัก ไม่นานทั้งสองก็ใบหน้าเกร็งกระตุกเริ่มซอยขย่มเข้าหากันหนักขึ้น เธอหยัดสะโพกรับการแทรกกายของเขาตามแรงมือที่เขาช้อนเข้าไปใต้สะโพกงอนงาม ไม่นานทั้งสองก็หลุดเสียงครางออกมา
“อ๊าย...” ทั้งเข้มและมะลิอ้าปากค้างร้องเสียงหลง ก่อนที่เขาจะระเบิดน้ำกามในร่องเสียวซ่านของเธอจนหมดแม็กซ์
“อ๊า...” เขายังครางยาวกระเด้าเบาๆ กอดรัดร่างเล็กเอาไว้แนบอก เธอเองก็กอดรัดเขาแนบอกเช่นกัน
เข้มถอนกายออกจากร่องหยาดเยิ้มของเธอ ก่อนจะช่วยเมียเช็ดเนื้อเช็ดตัวและแต่งตัว
“มะลินอนเถอะ คงจะร้าวเพราะโดนไปเต็มเหนี่ยว เดี๋ยวพี่จะหุงหาอาหารให้กินเอง” เขาจุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยง หลังจากช่วยเธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เด็กสาวอยู่ในเสื้อคอกระเช้าสีกลีบบัวกับผ้าถุงทอมือผืนสวย
เธอทำท่าจะลุกไปช่วยเขาแต่ก็ต้องนิ่วหน้า แทบล้มไปข้างเตียง เขาช้อนร่างเล็กไปนอนที่เดิม ก่อนจะกระซิบขู่เสียงเอ็นดู
“ถ้าฝืนลุกมาอีกพี่จะเปลี่ยนจากที่ไปทำกับข้าวให้ เป็นทำร้องครางอีกรอบ” มะลิได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงรีบพยักหน้าอย่างว่าง่าย เขายิ้มใส่ตาก่อนจะหอมแก้มนวลฟอดใหญ่และรีบไปทำอาหารอร่อยๆ ให้เมียกิน
คนรักเมียหลงเมียเดินเข้าครัวไปปรุงอาหารในทันที มะลิผล็อยหลับลงไปอีกครั้งหลังจากที่สามีเดินออกไปจากห้องนอนเพียงไม่นาน ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะปากร้อนๆ ที่หอมมาที่แก้ม พร้อมด้วยกลิ่นอาหารหอมกรุ่นที่ลอยมาปะทะกับจมูก
เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลืมตาตื่นเต็มที่เมื่อเห็นอาหารตรงหน้า
“น่ากินจัง”
“ไปกินกันเถอะ” เขาอุ้มเธอไปที่ระเบียงพร้อมด้วยการยกถาดอาหารไปจัดไว้ตรงนั้น มีแกงส้มกุ้งฝอยกับผักรวม ไข่เจียวกุ้งฝอยสมุนไพรทอดกรอบจนเหลืองน่ารับประทาน ผักผักรวมกับอกไก่ น้ำพริกและผักลวกอีกจานใหญ่
“แกงส้มพี่เข้มอร่อยจังเลย” เธอตักมาชิมก็เอ่ยชม รสมือของสามีอร่อยไม่มีใครเทียบ เธอเองยังยอมรับว่าทำกับข้าวไม่อร่อยเท่าเขา
“อร่อยก็กินเยอะๆ นะ พี่ตั้งใจทำให้มะลิกินเลย เพราะรู้ว่าชอบกินแกงส้มกุ้งฝอย”
“น้ำพริกแมงดาก็อร่อยจ้ะ กำลังดีไม่เผ็ดจนเกินไป” บิดาของเธอรับประทานเผ็ดจัด เธอนั้นรับประทานรสชาติกลางๆ ไม่ถึงกับเผ็ดมาก แต่มารดานั้นชอบกินอาหารรสจืด ดังนั้นที่บ้านของเธอ เวลาทำกับข้าวก็จะแยกกันทำคนละอย่างสองอย่างเฉพาะของที่ตัวเองชอบกิน แต่เธอเป็นคนที่ไม่เรื่องมาก กินได้ทุกอย่าง จึงไม่สร้างความรำคาญให้กับใคร
ไข่เจียวกุ้งฝอยของเขากรอบ รับประทานกับน้ำจิ้มรสเด็ดนั้นอร่อยติดใจจนต้องตักกินอีกเกือบหมดจาน
“พี่เข้มก็กินเยอะๆ นะจ๊ะ”
“กินเยอะๆ จะได้มีแรงฟัดเมีย”
“บ้าน่ะสิ ยังปวดร่องอยู่เลย พักก่อนได้ไหมจ๊ะ”
“ได้จ้ะ ให้พักวันนึงเลยแล้วพี่ค่อยซ้ำ”
“วันละยกพอนะจ๊ะ เดี๋ยวไม่ได้ทำอะไรกันพอดี” เธอค้อนเขา
“ได้จ้ะ แต่ถ้ามะลิสะกิดให้พี่ทำมากกว่าหนึ่งยกพี่ก็ยอมนะ”
“มะลิไม่ทำแบบนั้นหรอก”
เธอว่าเขาอย่างอายๆ เข้มกินข้าวไปมองเมียเด็กไปอย่างเอ็นดูระคนรักใคร่
“พี่เข้มน่ะ”
“ทำไมครับ”
“กินข้าวก็กินไปสิจ๊ะ อย่าเอาแต่จ้องมะลิแบบนั้น”
“ก็เมียสวย เมียน่ารักไม่ให้จ้องได้อย่างไรกัน”
“ไม่ต้องมาปากหวานเลย พอได้มะลิแล้ว อีกนานคงเบื่อ”
“ดูพูดเข้า แต่งงานกันแล้วนะ ไม่ใช่จะฟันแล้วทิ้ง พูดเหมือนพี่ไปฉุดมาฟันแล้วจะทิ้งเสียอย่างนั้น”
“แม่บอกว่าตอนพ่อมาจีบใหม่ๆ ก็นิสัยดี พออยู่กันไปนิสัยไม่ดีออกมาเลย”
“ถ้าพี่นิสัยไม่ดี อนุญาตให้เมียบิดหูแรงๆ เลยเอา”
“จริงนะ”
“จริงสิ”
“บิดหูแล้วจะโดนพี่เข้มเตะกลับไหมล่ะ”
“พี่ไม่ใช่พวกชอบใช้ความรุนแรงหรือรังแกผู้หญิงแบบนั้นเสียหน่อย ดูพูดเข้า”
“จริงอ่ะ”
“ครับ”
“แล้วก็จะทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กินแบบนี้ทุกวันเลยสัญญา”
“จ้ะ”
“แล้วก็ต้องให้พี่อาบน้ำให้ทุกวันด้วยนะ”
“เกี่ยวอะไรกับอาบน้ำกันล่ะจ๊ะ”
“ก็อยากอาบน้ำให้เมีย ดูแลเมีย”
“จะหวานมากไปแล้วนะคะ เกรงใจหัวใจของมะลิบ้างสิ”
“เกรงใจทุกอย่าง เกรงใจเมีย ยกเว้นความรักมันมาทายทักนานหลายปีแล้ว พี่คงเกรงใจไม่ได้ แต่ต้องให้ไปเต็มๆ”
“พวกลิเก เชื่อถือไม่ได้” เธอเสไปตักผัดผักมากิน ว่าเขาอย่างขวยเขิน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าแต่งงานกันไปแล้วจะเจอกับลิเกปากหวานอย่างพี่เข้ม
“พรุ่งนี้ที่วัดมีงาน ไปเที่ยวกันไหม”
“อ้อ... ที่รับรำวงมาแก้บนน่ะเหรอจ๊ะ” วัดที่บ้านของเธอจะสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่แต่สร้างไม่สำเร็จสักที ช่างที่มาก่อสร้างเกิดอุบัติเหตุ เจ้าอาวาสจึงบนว่าขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จะรับรำวงมาแก้บน แล้วศาลาการเปรียญก็สร้างสำเร็จลุล่วงแบบไม่มีปัญหาอีก
“ครับ”
“อยากไปค่ะ” พอคิดเรื่องที่จะไปเที่ยวเธอก็ตื่นเต้นอยู่มาก
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พาไปเที่ยว”
“สัญญาแล้วนะ” เด็กสาวคิดระแวงมาตลอดว่าผู้ชายพอแต่งงานแล้วสันดานเดิมจะออกมา เวลาจีบเราก็จะเอาด้านที่ดีๆ มาหลอกให้เราตายใจและหลงเชื่อ ยอมตกลงปลงใจและตกหลุมรัก แต่เธออยู่กับเข้มมาสักระยะ เขาก็เป็นแบบเดิม เสมอต้นเสมอปลาย ใจดีแล้วก็ไม่ได้มีนิสัยอะไรที่ซุกซ่อนเอาไว้แบบที่เธอไม่เคยเห็น สมัยก่อนเขาเป็นเช่นไร เดี๋ยวนี้เขาก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่
“เดี๋ยวพี่เก็บเอง” เขาบอกเธอหลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น ก่อนจะเดินไปปิดบ้าน
“วันนี้ยุงเยอะจังเลยจ้ะ”
“พี่ทำเทียนจากตะไคร้หอมเอาไว้ด้วยนะ เดี๋ยวเราจุดไล่ยุงกัน” ร่างสูงเดินไปจุดเทียนหอม กลิ่นของมันไล่ยุงได้ชะงัดนัก
“ดีจังจ้ะ” เธอยังนั่งมองดาวอยู่ที่ระเบียงบ้าน เข้มนำเสื้อคลุมตัวโตมาคลุมไหล่ให้ภรรยาก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ กัน
“พี่เข้มเชื่อไหม”
“อะไรครับ”
“มะลิเคยคิดว่าจะไม่แต่งงาน ถ้าแม่ไม่บังคับก็ไม่อยากจะแต่งหรอก”